บทที่ 1759 ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่นายของอาชูร่าเหรอ
เป่ยโต่วที่เพิ่งจุดบุหรี่พลันมองไปยังที่ไกลๆ เขาขยี้ตา สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“เชี่ย ผู้ชายคนนั้นนายของอาชูร่าไม่ใช่เหรอ!”
วินาทีถัดมา เป่ยโต่วพลันยืดตัวตรง ชี้ไปยังชายหนุ่มที่อยู่ไกลออกไปพร้อมเอ่ยปาก
พูดถึงนายของอาชูร่า แม้แต่เยี่ยหวันหวั่นก็มีสีหน้าตกใจ หันไปพิจารณาทิศทางที่เป่ยโต่วชี้ทันที
ไกลออกไป เยี่ยหวันหวั่นก็เห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจนแล้ว เป็นอย่างที่เป่ยโต่วพูด หน้าตาเหมือนกับนายของอาชูร่าอย่างกับถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน แต่…เส้นผมกลับเป็นสีดำ
“ซือเยี่ยหาน…”
หัวใจของเยี่ยหวันหวั่นเต้นเบาๆ ปากก็เอ่ยพึมพำ
“ไม่เหมือนนายของอาชูร่า”
ชีซิงบนที่นั่งข้างคนขับเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ทั้งสองคนเหมือนกันมากก็จริง แต่การแต่งตัวกับลักษณะท่าทางต่างกัน อีกอย่างผมของผู้ชายคนนั้นเป็นสีดำ”
“ตามไป!”
เยี่ยหวันหวั่นออกคำสั่งทันที
“พี่เฟิง ไม่ต้องห่วง” เป่ยโต่วโยนบุหรี่ในมือทิ้ง จากนั้นเหยียบคันเร่งไล่ตามชายหนุ่มไปในพริบตา
ทว่าขณะกำลังจะไล่ตามชายหนุ่มทัน อีกฝ่ายกลับเดินเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กที่ด้านข้างเสียก่อน เวลาชั่วพริบตาก็ไร้ร่องรอยแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นให้เป่ยโต่วจอดรถทันที
ไม่นานทุกคนก็เปิดประตูรถออกไปไล่ตาม แต่หาอยู่สิบห้านาทีเต็มก็ไม่เจอวี่แววของชายหนุ่มเลย
“เชี่ย วิชามายากลเหรอ…หายตัวไปแล้ว?”
เป่ยโต่วหันมองรอบด้าน ในซอยไร้คนโดยสิ้นเชิง
เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย เมื่อครู่นี้เป่ยโต่วกับชีซิงเห็นผู้ชายคนนั้น ดังนั้นเธอไม่มีทางตาฝาดแน่
แต่การแต่งตัวของผู้ชายคนนั้นก็คือซือเยี่ยหานเมื่อตอนนั้นชัดๆ แตกต่างกับนายของอาชูร่าของรัฐอิสระมาก…
ตอนนี้หัวคิ้วของเยี่ยหวันหวั่นขมวดแน่น
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…
เธอเพิ่งเห็นซือเยี่ยหานจริงๆ ไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด…
ถ้าซือเยี่ยหานยังอยู่ที่ประเทศจีนจริง งั้นนายของอาชูร่าที่รัฐอิสระคือใครกันล่ะ…
“ผู้ชายคนนั้นคือนายของอาชูร่าหรือเปล่า ถึงแต่งตัวไม่เหมือนกันแต่หน้าตาเหมือนกัน” เป่ยโต่วมีสีหน้าสงสัย
“ไม่แน่ใจ” ชีซิงเอ่ยเสียงเรียบ
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินคำพูดของเป่ยโต่ว ก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
ผู้ชายคนนั้นเมื่อครู่ใช่นายของอาชูร่าหรือไม่ เรื่องนี้บอกยาก ตอนนี้อาศัยแค่การคาดเดาก็ไม่มีความหมายอะไร ยังต้องหาคนก่อนจึงจะสรุปได้
เดิมทีเยี่ยหวันหวั่นยังคิดจะหาอย่างละเอียด แต่เวลานี้เองมือถือกลับดังขึ้นมา
“ผู้นำ ผู้อาวุโสใหญ่ทำเรื่องพังแล้ว ถ้าผู้นำมีเวลาก็มาดูก่อนเถอะครับ” เสียงของผู้อาวุโสสามดังขึ้นมาจากอีกด้านของโทรศัพท์
ได้ยินที่ผู้อาวุโสสามพูด เยี่ยหวันหวั่นก็งุนงงเล็กน้อย
ผู้อาวุโสใหญ่ทำเรื่องพังแล้ว…จะเป็นไปได้ยังไง
กับอีแค่สมาคมหงซิ่ง ผู้อาวุโสใหญ่ก็ทำพังได้…หรือว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น?
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วถาม
“ผู้นำ ในมือถืออธิบายสั้นๆ ยาก ผู้นำมาดูก่อนดีกว่าครับ” ผู้อาวุโสสามเอ่ย
ท่ามกลางความไม่รู้ เยี่ยหวันหวั่นยังได้ยินเสียงโหยหวนเป็นพักๆ
“เข้าใจแล้ว นายส่งที่อยู่ให้เป่ยโต่ว พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก
หลังวางสาย ไม่นานเท่าไรเป่ยโต่วก็ได้รับข้อมูลที่อยู่และตำแหน่งที่ผู้อาวุโสสามส่งมา
เป่ยโต่วเหยียบคันเร่งขับรถมุ่งไปยังตำแหน่งที่อยู่
————————————————————————————
บทที่ 1760 ไม่ให้พวกแกได้สมปรารถนา
โรงงานร้างแห่งหนึ่งแถวชานเมือง
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นรีบมาถึง ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามกำลังโต้เถียงกัน บนพื้นด้านหนึ่งมีชายคนหนึ่งนอนอยู่ หน้าตาอายุราวยี่สิบต้นๆ หน้าผากแตกเป็นแผลเลือดอาบ กำลังสลบไสลไม่รู้เป็นตายอยู่ตรงนั้น
เยี่ยหวันหวั่นกวาดสายตามองชายหนุ่มที่สวมชุดแฟชั่นหรูหราคนนั้นแวบหนึ่ง “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เป่ยโต่วก็มองชายหนุ่มคนนั้น “เอ๊ คนนี้คือใครน่ะ”
ชีซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ลูกชายของเลี่ยวไห่เฉิง เลี่ยวเจียฉี”
เขาตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของสมาคมหงซิ่งไว้นานแล้ว มองแวบเดียวจึงจำคนบนพื้นได้
เลี่ยวไห่เฉิงเป็นหัวหน้าของสมาคมหงซิ่ง เลี่ยวไห่เฉิงมีลูกสาวสามคน ลูกชายหนึ่งคน เลี่ยวเจียฉีคือลูกชายคนเล็กที่เลี่ยวไห่เฉิงรักที่สุด
“เอ่อ…” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าคาดไม่ถึง นึกไม่ถึงว่าเวลาแค่ประเดี๋ยวเดียว ผู้อาวุโสใหญ่ก็ลักพาตัวลูกชายของเลี่ยวไห่เฉิงมาแล้ว
ไม่รอให้ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยปาก ผู้อาวุโสสามก็ฟ้องอย่างอดรนทนไม่ไหวทันที “ผู้นำ! ผู้อาวุโสใหญ่ปากก็เอาแต่บอกว่าประเทศจีนเป็นสถานที่อยู่ในกฎหมาย! บอกว่าการกระทำผมไม่เหมาะสม แต่ตอนนี้ตัวเองกลับลักพาตัวคนตอนกลางวันแสกๆ!”
ผู้อาวุโสใหญ่ได้ยินดังนั้นก็หันมองผู้อาวุโสสามอย่างดูถูกและเอ่ยเสียงเย็น “ผู้อาวุโสสาม ฉันแนะนำว่านายอย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับวิธีห่วยแตกของนาย!
“นายใช้เวลาตั้งนานขนาดนั้นจัดการปลาซิวปลาสร้อยสองคนนั้นจะมีประโยชน์อะไรได้
“ส่วนฉันน่ะจับโจรก่อนค่อยจับหัวโจก! พ่อบ้านต้มตุ๋นกับหญิงชู้นั่นมีสมาคมหงซิ่งหนุนหลังถึงได้อวดเบ่งขนาดนี้ ขอแค่จัดการสมาคมหงซิ่งได้ ทุกอย่างก็ง่ายดายเหมือนปอกกล้วย!”
เยี่ยหวันหวั่นลูบคาง “โอ้ ก็มีเหตุผลอยู่นะ…”
ผู้อาวุโสสามพอได้ยินผู้นำเข้าข้างผู้อาวุโสใหญ่ก็ร้อนใจทันที “ผู้นำ อย่าถูกผู้อาวุโสใหญ่หลอกนะ! ผมจับหวงหมิงคุนกับเหลียงเหม่ยเซวียนเพราะสองคนนี้ยกคลื่นลมไม่ได้ จับไปพวกเขาก็ไม่กล้าเหลวไหล ก่อเรื่องอะไรขึ้นมา
“แต่เจ้าเด็กนี่เป็นลูกชายที่เลี่ยวไห่เฉิงรักใคร่เอ็นดูที่สุด ผู้อาวุโสใหญ่บุ่มบ่ามจับเขามา เลี่ยวไห่เฉิงจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่!”
ผู้อาวุโสใหญ่มีสีหน้าทะมึน “นายจะไปเข้าใจอะไร…”
ผู้อาวุโสสามหัวเราะเยาะติดต่อกัน “หึๆ ใช่ ฉันไม่เข้าใจ งั้นนายสอนฉันหน่อยสิ สถานการณ์ตอนนี้นายเตรียมจะจัดการยังไง ต่อให้เลี่ยวไห่เฉิงรับการข่มขู่ของนายช่วงหนึ่งแต่หลังจากนั้นล่ะ นายรับประกันว่าเขาจะไม่ตอบโต้ได้เหรอ”
ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ย “ตอบโต้แล้วยังไง พันธมิตรอู๋เว่ยฉันกลัวสมาคมหงซิ่งรึไง”
ผู้อาวุโสสามเอ่ย “ผู้อาวุโสใหญ่ ถึงตอนนั้นเรื่องใหญ่โต พันธมิตรอู๋เว่ยฉันย่อมไม่กลัว แต่ต้องฝ่าฝืนกฎหมายของประเทศจีน ถึงตอนนั้นก็ยุ่งยากแล้ว!
“ที่นี่ไม่ใช่รัฐอิสระ คำพูดนี้ผู้อาวุโสใหญ่ก็พูดเองนี่! ทำไม ตอนนี้ตัวเองหักหน้าตัวเองแล้วเหรอ!”
ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ย “หลี่ซือ! แก…”
เห็นผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามทะเลาะกันหนัก เยี่ยหวันหวั่นก็โบกมืออย่างรำคาญ “พอแล้ว เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ใจเย็นๆ ให้ฉันคิดหน่อย…”
ถ้าเป็นที่รัฐอิสระ ทั้งหมดก็จัดการง่าย แต่ที่ประเทศจีน สถานการณ์ตอนนี้…ยุ่งยากหน่อยจริงๆ …
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามพลันเงียบเสียงลง ต่างก็ใช้สายตาฟาดฟันกันอย่างไม่ยินยอม
เยี่ยหวันหวั่นกำลังจดจ่อสมาธิคิดหาวิธี เวลานี้บนพื้นก็พลันมีเสียงงึมงำดังขึ้นมา เลี่ยวเจียฉีคนนั้นฟื้นขึ้นมาแล้ว
เลี่ยวเจียฉียันหัวที่แตกของตัวเองขณะหันไปมองผู้อาวุโสใหญ่อย่างโกรธเกรี้ยว “พวกแกเป็นใครกันแน่…รู้ไหมว่าฉันคือใคร แม้แต่ฉันก็ยังกล้าลักพาตัว!
“ฉันจะบอกให้นะ อยากใช้ฉันข่มขู่พ่อละก็ ฝันไปเถอะ! ต่อให้ต้องตายฉันก็จะไม่ให้พวกแกสมปรารถนา!”