บทที่ 375 ฉันไม่ได้มาเล่นสักหน่อย
บริษัทลูกในสังกัดเยี่ยกรุ๊ปแห่งหนึ่ง บริเวณทางเหนือของเมืองหลวง
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นเข้าไปซือเยี่ยหานกำลังหารือกับผู้บริหารชั้นสูงของบริษัทหลายคน ฉินรั่วซีและหลิวอิ่งก็อยู่ในนั้นด้วย
สีหน้าท่าทางของทุกคนล้วนเคร่งเครียด
เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่น ใบหน้าของหลิวอิ่งพลันบูดบึ้ง
แม้ว่าผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ จะสงสัยใครรู้ในตัวเยี่ยหวันหวั่นแค่ไหน เดาว่าเธอคงจะเป็นคนโปรดที่เลื่องลือกันคนนั้นของ BOSS เพียงแต่ว่าจะอยากรู้มากแค่ไหนก็ยังเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่กล้ามองมาก รวบรวมสมาธิให้อยู่ที่หัวข้อในการประชุมต่อไป
ส่วนฉินรั่วซี ทำสัญญาณทักทายเยี่ยหวันหวั่นอย่างมีมารยาทตอนที่เธอเข้ามาเท่านั้น แล้วรวบรวมสมาธิรายงานต่อไป
โต๊ะทำงานของซือเยี่ยหานมีเอกสารต่างๆ กองอยู่เต็มไปหมด บนโต๊ะชาในมุมห้องมีกล่องอาหารวางอยู่ อาหารด้านในเหมือนว่าจะไม่เคยถูกแตะต้องมาก่อน
ตาคนนี้มีแต่โรคไปทั่วทั้งตัว กระเพาะอาหารก็บอบบางมาก แล้วยังทรมานร่างกายตัวเองแบบนี้อีก
เห็นเธอมาอย่างกะทันหัน ซือเยี่ยหานจึงส่งสัญญาณให้เธอหาที่รอก่อน
เยี่ยหวันหวั่นไม่ขยับ เม้มริมฝีปาก มองเขา “คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นเหรอ?”
เหมือนว่าซือเยี่ยหานจะคิดไม่ถึงว่าเธอตั้งใจมาที่นี่เพียงเพื่อจะถามเรื่องนี้ “มีเรื่องสำคัญต้องจัดการ”
เยี่ยหวันหวั่นหน้าบึ้ง เรื่องของคุณ มีอะไรไม่สำคัญบ้าง?
ไม่ว่าจะสำคัญแค่ไหน มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของเขาอย่างนั้นเหรอ?
ซือเยี่ยหานเห็นสีหน้าเธอไม่สู้ดี จึงหยิบโน้ตบุ๊กคออกมาจากลิ้นชักแล้วส่งให้เธอ “เอาไปเล่นก่อน”
ใบหน้าเยี่ยหวันหวั่นมืดคล้ำ “ไม่เล่น! ฉันไม่ได้มาเล่นสักหน่อย!”
เป็นเหมือนอย่างเคย ซือเยี่ยหานไม่เคยหลบเลี่ยงผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะหารือเรื่องสำคัญมากแค่ไหน ทั้งยังอนุญาตให้เธออยู่ในการประชุมลับแบบนี้ด้วย แล้วตอนนี้ยังมาทำตัวเจ้าอารมณ์ต่อหน้าทุกคน สีหน้าของหลิวอิ่งบูดบึ้งเสียจนใกล้จะระเบิดแล้ว
สวี่อี้ปาดเหงื่อ จ้องเขาอย่างระมัดระวังอยู่ด้านข้าง ป้องกันไม่ให้เขาอดไม่ไหวระเบิดอารมณ์ออกมา
ฉินรั่วซียังคงรักษาท่าทางอ่อนโยนอย่างเป็นธรรมชาติไว้เช่นเคย ยิ้มบางพลางเอ่ยว่า “คุณหนูเยี่ยอย่าโกรธไปเลย ตอนนี้ประธานซือมีเรื่องสำคัญที่ต้องหารือกับพวกเราจริงๆ รอให้เขาจัดการธุระเสร็จก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนคุณได้แล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มมองไปทางฉินรั่วซีที่เหมือนว่าจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ แต่ไม่ได้สนใจเธอ หยิบโน๊ตบุคไปนั่งบนโซฟาด้านข้าง
ทางด้านซือเยี่ยหานไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จสิ้น เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงเลื่อนดูข่าวอย่างเบื่อหน่าย
ระหว่างนั้นโทรศัพท์ก็สั่น เป็นหานเซี่ยนอวี่ส่งแชทหาเธอ
หานเซี่ยนอวี้ส่งรูปให้เธอหลายรูป ถามว่ารูปไหนหล่อกว่า
เยี่ยหวันหวั่นกวาดตามอง เลือกรูปหนึ่งส่งกลับไป “รูปนี้ หน้าด้านซ้ายของนายดูดีกว่า”
ดาราหลายๆ คนล้วนมีมุมที่สวยที่สุด อีกทั้งทุกครั้งที่อยู่หน้ากล้องก็มักจะจงใจเผยมุมนั้นออกมา ส่วนใบหน้าด้านซ้ายหานเซี่ยนอวี่นั้นสมบูรณ์แบบ
หานเซี่ยนอวี่ตอบกลับมาว่า “OK”
หลังจากนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็รีเฟรชหน้าเว็บไซต์ เห็นหานเซี่ยนอวี่โพสต์เวยป๋อ มีคนบอกว่าหน้าด้านซ้ายดูดีกว่า?
รูปประกอบก็คือรูปที่เยี่ยหวันหวั่นเลือกรูปนั้น
คอมเมนต์ข้างใต้มีแต่เสียงของการเลียจอ
[กรี๊ด! พระเจ้า! ในที่สุดสามีก็โพสต์รูปเซลฟี่แล้ว! ฉันรอมานานมากเลย!]
[หล่อมาก หล่อสุดๆ จะมุมไหนของสามีก็หล่อทั้งนั้น!]
[มีคน? มีคนคือใคร? เหมือนว่าฉันจะได้กลิ่นอะไรตุๆ!]
…
เยี่ยหวันหวั่นเลื่อนเวยป๋ออย่างเหม่อลอย พลางคอยมองไปทางซือเยี่ยหานเป็นพักๆ
เวลาแต่ละวินาที แต่ละนาทีค่อยๆ ผ่านไป
เพียงพริบตาก็ผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง ซือเยี่ยหานเหมือนว่ายังคงไม่มีทีท่าว่าจะจบการประชุม
เมื่อนึกถึงสุขภาพอันอ่อนแอของซือเยี่ยหาน คิ้วของเยี่ยหวันหวั่นก็ขมวดมากขึ้นเรื่อยๆ นิ้วมือเคาะพนักวางแขนของโซฟาอย่างไม่ได้ดั่งใจ
ผ่านไปแล้วอีกยี่สิบนาที เข็มนาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มแล้ว
นิ้วมือที่เคาะผนักรองแขนบนโซฟาพลันหยุดลง เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นพรึ่บ ยกกล่องอาหารที่เย็นชืดบนโต๊ะกาแฟเดินเข้าไปในห้องพักผ่อน
……………………………………………………
ตอนที่ 376 ดูไม่ค่อยปกติ
สามนาทีผ่านไป
เยี่ยหวันหวั่นเดินถืออาหารที่อุ่นใหม่ออกมา จากนั้น เดินตรงไปด้านหน้าซือเยี่ยหาน ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมาข้างเขาแล้วนั่งลง
เพราะการกระทำเยี่ยหวันหวั่นที่พรวดพราดเช่นนี้ สายตาทุกคนต่างจ้องมองมาที่เธอทันที
เสียงรายงานของลูกน้องก็หยุดลงกะทันหัน สายตามองถามไปทางสวี่อี้อย่างทำตัวไม่ถูก…
สวี่อี้ก็มึนงงเช่นกัน ไม่รู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นคิดจะทำอะไรกันแน่
เริ่มตั้งแต่สายโทรศัพท์ตอนเช้า เธอก็ดูไม่ค่อยปกติแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นกวาดตามองสายตาทุกคนที่จ้องตัวเองอยู่ “พวกคุณเชิญต่อได้ค่ะ”
พูดจบ ก็ใช้ช้อนตักข้าวหนึ่งคำ ยื่นไปที่ริมฝีปากซือเยี่ยหาน
สายตาซือเยี่ยหายตกใจเล็กน้อย ดวงตาสีดำขลับจ้องมองหญิงสาวข้างๆ ด้วยอารมณ์ที่คาดเดา
เยี่ยหวันหวั่นยังค้างท่าที่ป้อนข้าวไว้อยู่ สีหน้าไร้อารมณ์มองไปทางซือเยี่ยหานที่มีสีหน้าเคร่งเครียดจ้องตัวเองอยู่ แล้วพูด “ยังไงในหนึ่งชั่วโมงนี้ตั้งแต่ต้นจนจบคุณพูดแค่แปดประโยค รวมกันแล้วได้สี่สิบเจ็ดคำเอง แค่กินข้าว ไม่ถึงกับเสียเวลาคุณหารือเรื่องงานหรอกนะคะ?”
เห็นซือเยี่ยหานไม่ขยับ เยี่ยหวันหวั่นก็ป้อนเข้าไปใกล้อีก สีหน้าเหมือนถ้าเขาลองไม่กินก็จะตัดความสัมพันธ์กันเลย
ซือเยี่ยหานจ้องหญิงสาวเห็นชัดว่าใบหน้าเล็กดูอารมณ์ไม่ดีแล้ว เงียบไปนาน ในที่สุดก็อ้าปากยอมให้ความร่วมมือ
สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นที่เมื่อกี้ดูย่ำแย่มาก ตอนนี้เริ่มดูอ่อนโยนขึ้นมาหน่อย
คนอื่นๆ ในห้องทำงาน เห็นเจ้านายตัวเองมีสาวงามป้อนข้าวอยู่ข้างๆ ก็เงียบไม่พูดอะไร…
เอ่อ… ไม่ได้เสียเวลาทำงาน…
แต่ปัญหาคือ พวกเขาใกล้จะตาบอดเพราะฉากรักหวานชื่นมื่นนี่แล้ว
ฉินรั่วซีที่สงบนิ่งมาตลอดเห็นเยี่ยหวันหวั่นที่กำลังป้อนข้าวอยู่ ในที่สุดสีหน้าเปลี่ยนขึ้นมาทันที เลยพูดขึ้นมา “ฉันสะเพร่าเองค่ะ ลืมไปว่าท่านประธานยังไม่ทันได้ทานข้าว”
หลิวอิ่งหึเสียงเย็นชาขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความดูถูก อุตส่าห์วิ่งมาถึงนี่แกล้งแสดงละครฉากนี้ให้ใครดู? แสดงความเป็นเจ้าของหรือไง?
สวี่อี้ได้ยินคำพูดนี้ของฉินรั่วซี สายตาขยับเล็กน้อย
คำพูดนี้ของคุณหนูรั่วซือ… ดูเหมือนเป็นเพราะความสะเพร่าของเธอเลยทำให้คุณชายเก้าไม่ได้ทานข้าว…
แต่ที่จริงแล้ว สถานการณ์กลับเป็นว่า นายท่านของตัวเองเป็นพวกบ้างานมาก พอทำงานขึ้นมา ก็ไม่อนุญาตให้ใครรบกวน ถึงแม้จะเป็นคุณหนูรั่วซีก็ไม่ได้
คุณหนูรั่วซีรู้ข้อห้ามของนายท่านดี ดังนั้นถึงแม้จะรู้แต่ก็ไม่เคยพูดมาก
แต่ตอนนี้ เยี่ยหวันหวั่นกลับขัดจังหวะเข้ามาตอนที่นายท่านกำลังหารือเรื่องงานสำคัญอยู่ แล้วยังป้อนข้าวเขาด้วย
ส่วนนายตัวเองก็ดูเหมือน… ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธด้วยซ้ำ?
“เฮ้อ ทุกคนต่อได้เลย!”
จนสวี่อี้ส่งสัญญาณให้ทุกคนทำงานต่อ ทุกคนเลยค่อยได้สติกลับมา รีบกลับสู่จังหวะเดิม เริ่มพูดรายงานของตัวเองต่อ
ทว่า ครั้งนี้กลับอดไม่ได้ นานๆ จะเงยหน้าขึ้นมามองทั้งสองคน
ต่างพูดกันว่าคุณชายเก้ารักใคร่เอ็นดูผู้หญิงคนนี้มาก ตอนนี้เห็นแล้วไม่ใช่เรื่องโกหกเลยสักนิด!
พวกเขาเคยเห็น เจ้านายตัวเองลดตัวลงมากินข้าวแบบนี้ที่ไหน?
เดิมทีพวกเขาคิดมาตลอดว่า เจ้านายและคุณหนูรั่วซีต่างหากที่เหมาะสมกัน แต่ตอนนี้มาเทียบดูแล้ว นี่น่าจะเป็นท่าทางคนของรักกันต่างหาก?
ท่าทีของเจ้านายและคุณหนูรั่วซีทั้งหมดเป็นแค่ความสัมพันธ์เรื่องงานเท่านั้น…
“กำไรสุทธิของไตรมาสที่แล้วเป็นไปตามเป้า…” ฉินรั่วซีกำลังกล่าวรายงาน พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เห็นเยี่ยหวันหวั่นป้อนผักชีฝรั่งให้ซือเยี่ยหาน เธอเลยหลุดปากพูดออกมา “ท่านประธานซือไม่ทานผักชีฝรั่ง”
………………………………………………………………..