บทที่ 407 เร่นกับพวกเขาสักหน่อย
เวลานี้ยูจีนรู้สึกลำไส้โหวงเหวง มานึกเสียใจว่าทำไมเมื่อครู่ตนจะต้องวู่วามไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้ด้วย
แต่จะมาพูดตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว
ดังนั้นยูจีนจึงหันไปพูดกับโฉวหงไห่ทันที “หัวหน้า ต่อให้พวกเขาจะเป็นกุหลาบแห่งความตายแล้วยังไง? พวกเขาหลบซ่อนตัวมาสิบปีแล้ว ใครจะรู้บางทีพวกเขาอาจเหลือความสามารถเพียงไม่กี่ส่วนก็ได้? ดีไม่ดีตอนนี้อาจจะทำท่าทีเป็นเก่งอยู่ที่นี่ก็ได้! พวกเราสู้พร้อมกัน! จะต้องเอาชนะพวกเขาได้แน่! ถึงตอนนั้นชื่อเสียงจะดังสนั่นขนาดไหน?”
กลุ่มผู้ติดตามอยู่ด้านหลังหญิงหม้ายชุดดำได้ยินถึงตรงนี้ ต่างหัวเราะดังลั่นราวกับได้ยินเรื่องตลกที่น่าขันเป็นที่สุด
“ฮ่าๆๆๆๆ…นายหญิงพูดไม่มีผิด…ไม่ได้พบอะไรที่น่าสนใจขนาดนี้มานานมากแล้วจริงๆ!”
“อยากท้าทายพลังของกุหลาบแห่งความตายงั้นเหรอ? วันนี้ก็เร่นกับพวกเขาสักหน่อยเลยดีไหมล่ะ!”
“อย่าเร่นถึงตายล่ะ! เอาให้มีชีวิต!”
เสียงหัวเราะบ้าคลั่งเสียดแก้วหู ดังก้องอยู่ในบรรยากาศเหนือหัวอันหดหู่ ให้ความรู้สึกหนาวเสียดแทงไขกระดูก
เวลานี้โฉวหงไห่ไม่สามารถประคองความสงบนิ่งไว้ได้อีกต่อไป พันธมิตรเลือดที่ใครได้ยินชื่อต่างหวาดกลัว ทว่าเวลานี้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนเหล่านี้กลับอ่อนแอเหมือนเป็นลูกแกะผู้โชคร้าย
โฉวหงไห่ตวาดเสียงกร้าวใส่ยูจีน “นายหุบปากเดี๋ยวนี้!”
ตัวเองซวยก็แล้ว ตอนนี้ยังจะมาดึงคนทั้งหมดให้พังลงไปด้วย!
ช่วยไม่ได้…
เพื่อปกป้ององค์กร ยูจีนจำเป็นต้องตาย
สมองของโฉวหงไห่ตัดสินใจทำการเลือกอย่างรวดเร็ว หยิบปืนจากมือของโจ๊กเกอร์โดยฉับพลัน แล้วจ่อไปที่ศีรษะของยูจีน
“หัวหน้า! คุณ…”
“ปัง–”เสียงดังก้อง ยูจีนยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา ก็ถูกโฉวหงไห่ยิงศีรษะกระจุยแล้ว
น้ำเลือดเศษเนื้อและกระโหลกที่แตกกระจายสาดกระเซ็นเต็มหน้าคนข้างๆ บรรยากาศเข้มข้นไปด้วยกลิ่นคาวเลือดน่าสะอิดสะเอียน
“ผู้อาวุโส เป็นเพราะผมวินัยหละหลวม พวกลูกน้องจึงไม่รู้ประสา ทำให้ผู้อาวุโสต้องขุ่นเคือง! ตอนนี้ผมได้จัดการคนผู้นี้แล้ว ขอผู้อาวุโสได้โปรดให้อภัยด้วย!” โฉวหงไห่พูดพลางก้มหน้าต่ำแสดงความขอโทษ ราวกับรอคำพิพากษา
หน้าผากของโฉวหงไห่มีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงพื้นหยดแล้วหยดเล่า…
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ผู้ติดตามข้างกายหญิงหม้ายชุดดำได้ชำเลืองมองเจ้านายของตัวเองเพื่อขอคำชี้แนะ และในที่สุดก็เหล่มองโฉวหงไห่พลางกล่าวเสียงเย็นชา “ไสหัวไป!”
“ครับ…ขอบคุณผู้อาวุโส…ขอบคุณในความเมตตาของผู้อาวุโส…” เพียงคำเดียวนั้น โฉวหงไห่กลับกล่าวขอบคุณเป็นวรรคเป็นเวนราวกับได้รับการอภัยโทษ จากนั้นก็รีบสั่งให้พวกลูกน้องแยกย้าย ไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่วินาทีเดียว กลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
เพียงครู่เดียวคนทั้งกลุ่มก็วิ่งหายไปไม่เหลือแม้แต่เงา
ถอยออกไปแล้ว…
พันธมิตรเลือด…ถอยไปแบบนี้จริงเหรอ…
พวกหลิวอิ่งยืนอึ้งงันอยู่กับที่ ตาโตมองดูคนของพันธมิตรเลือดร่นถอยไปดุจกระแสน้ำไหล
หลังจากเรียกสติกลับมาได้ ความรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัวยิ่งทวีคูณ
หากว่าเป็นพันธมิตรเลือดบางทีพวกเขาก็พอใช้กำลังต่อสู้ได้บ้าง แต่นี่เป็นกุหลาบแห่งความตาย แม้แต่ที่ว่างให้พวกเขาดิ้นรนก็ยังไม่มี…
หลิวอิ่งและพวกต่างจ้องมองคนตรงหน้ากลุ่มนั้นเหมือนศัตรูใหญ่มาเยือน
หลังจากคนของพันธมิตรเลือดจากไปแล้ว บอดี้การ์ดข้างกายเยี่ยหวันหวั่นทุกคนยังคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม จิตใต้สำนึกยังคงรักษาสถานะการปลอมตัวอยู่ รอคำสั่งจากเยี่ยหวันหวั่น
ที่แรกพวกเขาก็เหมือนกับพวกหลิวอิ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมนายท่านถึงเลือกผู้หญิงอ่อนแอเป็นดอกไม้ในเรือนกระจกแบบนี้
แต่ว่าครั้งนี้ จากที่เยี่ยหวันหวั่นปฏิเสธที่จะหนีไป และสั่งให้พวกเขาเปลี่ยนชุดปลอมตัว จนถึงตอนที่พันธมิตรเลือดร่นถอยไปทั้งหมด สายตาของพวกเขาที่มองผู้หญิงคนนี้ก็เปลี่ยนไปเหมือนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ในแววตามีร่องรอยของความเคารพยำเกรง…
…………………………………
บทที่ 408 พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย
ทีแรกพวกเขาล้วนคิดว่าเธอก็เป็นแค่นกขมิ้นทองที่รักตัวกลัวตายคนหนึ่ง ใครจะรู้ว่าเธอกลับนำพวกเขาเดินออกจากความสิ้นหวังได้…
ท่ามกลางสายตาเคารพยำเกรงของบอดี้การ์ดและสายตาเย็นชาของพวกหลิวอิ่งที่ยังไม่ทราบเรื่องราว สตรีในชุดกระโปร่งสีดำฟูฟ่องค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างใจเย็น ไหมทองที่ข้อมือแผ่รังสีอันหนาวเหน็บ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบช้า “พวกเกะกะไปกันหมดแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มอาหารหลักของพวกเราได้สักที…”
บอดี้การ์ดสิบเอ็ดไม่มีคำถามกับคำพูดของเยี่ยหวันหวั่นเลยสักนิด เดินตามประกบเธอซ้ายขวาราวกับเป็นเงาตามตัว
หลิวอิ่งตะคอกเสียงลั่น “นางปีศาจ! จะฆ่าก็ฆ่า! พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย!”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน มุมปากกระตุกเล็กน้อย ทำไมเธอถึงหนีจากฉายา “นางปีศาจ” คำนี้ไม่ได้สักที?
การแสดงออกทางสีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นไม่ได้ชัดเจน แววตายังคงเย็นชาอยู่เช่นเดิม แล้วกวักมือให้คนข้างหลัง
สายลับทีม1 รับทราบ รีบเข้ามาล้อมผู้คน
สายลับทีม1 เป็นกำลังชั้นยอดในมือของซือเยี่ยหาน ส่วนคนเหล่านี้ที่เหลืออยู่ข้างกายซือเยี่ยหานแน่นอนว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา อย่างไรแล้วหลิวอิ่งและซ่งจิ้งก็บาดเจ็บสาหัสอยู่
พวกหลิวอิ่งทำได้เพียงมองดูตัวเองที่เพิ่งพ้นจากถ้ำเสือแล้วต้องมาเจอรังหมาป่าอีก
สถานที่ตรงนี้ไม่เหมาะที่จะรั้งอยู่นาน เยี่ยหวันหวั่นไม่ชักช้าเสียเวลา จากคำสั่งของเยี่ยหวันหวั่น พวกหลิวอิ่งก็ถูก “จับตัว” นำไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็ว
เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีอันตราย เยี่ยหวันหวั่นจึงลงจากรถแล้วเดินไปยังรถคันกลางคันนั้น
สิบเอ็ดเปิดประตูเบาะหลังให้ด้วยความเคารพ เห็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่ข้างใน สีหน้าซีดขาวราวกับน้ำค้างแข็ง
ได้เห็นซือเยี่ยหานอีกครั้ง เยี่ยหวันหวั่นบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร
แม้ว่ากระบวนการจะตื่นเต้นหวาดเสียว แต่ในที่สุดเธอก็สามารถเปลี่ยนวิถีของอดีตได้
เรื่องราวในชาติก่อนจะไม่เกิดขึ้นอีก ซือเยี่ยหานไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส สภาพร่างกายในตอนหลังก็จะไม่ทรุดหนักถึงขั้นนั้น บางทีอาจมีความเป็นไปได้ที่จะรักษา…
เริ่มตั้งแต่หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ได้ทราบข่าวว่าซือเยี่ยหานจะไปประเทศ B เธอก็เริ่มวางแผนแล้ว
ด้วยกำลังของเธอคนเดียวไม่มีทางยับยั้งไม่ให้การเกิดเรื่องนี้ไปได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงเลือกใช้วิธีนี้ ใช้ประโยชน์จากข้อมูลความลับที่ตัวเองรู้มาจากชาติก่อน ปลอมตัวเป็นกุหลาบแห่งความตายซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่พันธมิตรเลือดเกรงกลัว
ให้เธอสวมบทบาทนางมารร้ายกระหายเลือดจิตวิปริต ความจริงตัวเธอเองไม่ได้มีความสามารถอะไร โชคดีที่ตอนควบคุมสถานการณ์จริงๆ มันราบลื่นไม่ขรุขระเหมือนสิ่งที่เธอจินตนาการไว้ บวกกับสายลับทีม1 ของซือเยี่ยหานแต่ละคนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ให้ความร่วมมือจนสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ หลอกคนเหล่านั้นได้สำเร็จ อีกทั้งยังขู่จนโฉวหงไห่ลงมือสังหารยูจีนเองกับมือ
“อย่าแตะต้องนายท่าน!” เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะยื่นมือออกมา หลิวอิ่งก็ตวาดเสียงเดือดบ้าคลั่ง
“หากฉันต้องการจะแตะต้องล่ะ?” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยพลางยื่นนิ้วมือไปลูบไล้ใบหน้าของซือเยี่ยหาน
จากนั้น ท่ามกลางสายตาของทุกคน เยี่ยหวันหวั่นได้โน้มตัวเข้าไปประทับริมฝีปากแดงระเรื่อลงบนริมฝีปากบางและเย็นเฉียบของชายหนุ่ม
“เธอ! ฉันจะฆ่าเธอ—”
ได้เห็นนายท่านแปดเปื้อน “มลทิน” หลิวอิ่งพลันระเบิดโมโหขึ้นแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นมองไปทางหลิวอิ่งที่โจมตีเข้าใส่ตัวเอง ยืนนิ่งอยู่ข้างกายซือเยี่ยหานด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เป็นอย่างที่คิด หลิวอิ่งเพิ่งจะเข้าใกล้ก็ถูกสิบเอ็ดที่อยู่ข้างเยี่ยหวันหวั่นสกัดกั้นไว้ก่อน แม้แต่ชายประโปรงก็ไม่อาจแตะต้องได้
เหมือนจะรู้สึกว่าหลิวอิ่งยังโมโหไม่พอ เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองหางตามองเขาอย่างใจเย็น “เชอะ ฉันไม่เพียงต้องการแตะต้อง แต่ยังจะนอนกับเขาด้วยล่ะ!”
หมู่บอดี้การ์ดด้านข้างต่างอึ้งงัน
แค่กๆ คุณหนูเยี่ยเลิกแกล้งเถอะครับ…
หลิวอิ่งไม่ได้ตายเพราะโดนพันมิตรเลือดกระทืบ แต่จะตายเพราะโมโหคุณนี่ล่ะ…
…………………………………