บทที่ 509 ทุกคนจัดการ
ตอนแรกซ่งจิ้งก้าวเท้าออกไปแล้ว ผลคือเห็นเฉินซื่อเจี๋ยลอยไปต่อหน้าต่อตาเขา
จากมุมของเขา จะเห็นชัดเจนว่าข้อมือของเฉินซื่อเจี๋ยถูกมือของเยี่ยหวันหวั่นบิดงอในมุมที่ผิดปกติ ข้อมือหักแล้วแน่นอน!
ถูกหักไปทั้งอย่างนั้น!
ไม่ใช่ซ่งจิ้งเพียงคนเดียว ใบหน้าเฉยชาของหลิวอิ่งก็นิ่งค้างอยู่ตรงนั้นเช่นกัน
นี่มัน…เรื่องอะไรกัน?
หลังจากเงียบงันกันอยู่ครู่หนึ่ง ลูกน้องของเฉินซื่อเจี๋ยก็ได้สติ
นี่มันบ้าไปแล้ว เมื่อกี้ยัยผู้หญิงนี่ทำได้ยังไงกันแน่? ผู้ชายทั้งคนอย่างคุณชายเฉินถูกโยนออกไปได้ยังไง?
นายหัวทองไม่ทันได้คิดมาก ลนลานวิ่งไปดูอาการของเฉินซื่อเจี๋ย “คุณชายเฉิน! คุณชายเฉินฟื้นสิ…”
เฉินซื่อเจี๋ยค่อยๆ ได้สติ แต่เขากำลังมึนงง ความเจ็บปวดที่ส่งมาจากช่วงอกและข้อมือทำให้เขาเริ่มร้องโอดโอยอีกครั้ง “โอ๊ย…มือ…มือฉัน…”
นายหัวทองถลึงตาไปทางเยี่ยหวันหวั่น โก่งคอตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “นังคนชั้นต่ำ! กล้าทำร้ายคุณชายเฉิน! แกตายแน่! ไป! ทุกคนจัดการ!”
เฉินซื่อเจี๋ยเองก็ตะโกน “จับมันให้ได้! ฉันจะฆ่ามัน!”
เห็นเจ้านายตัวเองถูกผู้หญิงทำร้าย บอดี้การ์ดข้างกายเฉินซื่อเจี๋ยทั้งหมดล้วนพุ่งเข้าไป กระโจนเข้าหาผู้หญิงร่างบางที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลด้วยท่าทางโหดเหี้ยมดุดัน
หญิงสาวยืนอยู่ที่เดิมอย่างเกียจคร้าน มองคนที่พุ่งเข้ามาหาตัวเองนิ่งๆ ดวงตาหยาดเยิ้มเพราะความเมามายคู่นั้นเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
จนกระทั่งบอดี้การ์ดพวกนั้นใกล้จะถึงตัวเธอ หญิงสาวถึงได้ขยับปลายเท้าเล็กน้อยอย่างที่ไม่อาจสังเกตเห็น
สามก้าว…
สองก้าว…
หนึ่งก้าว…
เสียงพลั่กดังสนั่น หญิงสาวใช้ปลายเท้าเป็นศูนย์ถ่วงร่างกาย หมุนลูกเตะออกไปหนึ่งร้อยแปดสิบองศา บอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้เธอที่สุดถูกเตะจนกระเด็นออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว
“อ๊าก” ชายคนนั้นกระอักเลือด สลบไปทันที
บ้าไปแล้ว! เกิด…เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้?
ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังไม่มีแรงจะสู้อยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึง…
นายหัวทองนิ่งอึ้ง เผลอผงะถอยหลัง เอ่ยตะกุกตะกักว่า “กลัวอะไร! ขะ…เข้าไปสิ…เข้าไปทุกคนเลย!”
ทันใดนั้นไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามอีก ลุยเข้าไปพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง
เยี่ยหวันหวั่นจับคนหนึ่งเอาไว้แล้วโยนใส่คนที่วิ่งเข้ามาเหมือนเป็นกระสอบทราย จากนั้นหมุนตัวสบายๆ ไปเตะอีกคนทางขวาจนกระเด็น
ทางเฉินซื่อเจี๋ยมีบอดี้การ์ดชั้นหนึ่งอย่างน้อยสิบกว่าคน อีกทั้งแต่ละคนผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี แต่กลับไม่มีแม้แต่โอกาสจะตอบโต้กลับ ไม่ทันไรก็ถูกเตะกระเด็นออกมาจนหมด
บอดี้การ์ดหัวล้านร่างสูงใหญ่คนหนึ่งดวงตาเป็นประกาย ขยับเท้าพุ่งไปทางด้านหลังเยี่ยหวันหวั่น
เห็นว่าหญิงสาวไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย ชายหัวล้านยิ้มดีใจ
เสร็จฉันแน่!
ผลลัพธ์คือพริบตาที่ชายหัวล้านยื่นมือออกไป ก็ราวกับผู้หญิงคนนั้นมีตาหลัง นิ้วมือขาวนุ่มนิ่มแบออกในลักษณะใบมีด ก่อนสับเข้าที่ลำคอซึ่งเป็นจุดที่อ่อนแอที่สุดของเขาอย่างแรง
“อึก…” คล้ายกับมีกรงเล็บจับคอหอยเอาไว้ อากาศภายในปอดถูกตัดขาดอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของชายหัวล้านกลายเป็นสีแดงเลือดหมู
ความรู้สึกยามความตายคืบคลานเข้ามา ทำให้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดผวา
สายตาของทุกคนที่มองหญิงสาวค่อยๆ เปลี่ยนไปราวกับกำลังเห็นผี
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ สีหน้าของหญิงสาวมีแต่ความเบื่อหน่าย ทั้งที่เป็นใบหน้าเดียวกัน ทั้งที่เป็นคนเดียวกัน ทว่ากลับเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กำลังแผ่ไอสังหารรุนแรงที่น่าหวาดกลัวออกมารอบตัวเสมือนปลายมีดคมกริบเล่มหนึ่ง
………………………………………………………
บทที่ 510 ตื่นเต้นเร้าใจพอหรือยัง?
หนี…หนีเร็ว…
ความคิดแรกของทุกคนคือต้องรีบหนีไป…
ทว่า ผู้หญิงคนนี้รวดเร็วเกินไป ทุกคนยังไม่ทันจะก้าวขาก็ร้องโหยหวนล้มลงแล้ว
“อ๊าก”
“ไว้…ไว้ชีวิตด้วย…อย่าฆ่าฉันเลยนะ…อย่าฆ่าฉันเลย…”
หัวคิ้วของหญิงสาวขมวดมุ่น กวาดสายตามองคนบนพื้นเหล่านั้นราวกับกำลังมองมดปลวก สีหน้าคล้ายผิดหวังมาก ริมฝีปากสีชมพูลูกพีชส่งเสียงไพเราะออกมา “เฮ้อ น่าเบื่อจัง…”
ไม่มีสักคนที่สู้เธอได้…
ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่นาที หญิงสาวทำเหมือนเมื่อครู่โบกมือตบแมลงวันไม่กี่ตัวเท่านั้น ส่วนบอดี้การ์ดร่างใหญ่สิบกว่าคนนั้นกอดเข่าขดตัว กลิ้งไปมาพลางร้องโอดโอยอยู่บนพื้นแล้ว ลูกค้าในร้านก็ตกใจจนส่งเสียงกรี๊ดรอบด้าน ทั่วร้านโกลาหลไปหมด
ท่ามกลางความโกลาหล เยี่ยหวันหวั่นเดินเข้าหาเฉินซื่อเจี๋ยทีละก้าวๆ
“หยุดมันไว้! หยุดมัน!” เฉินซื่อเจี๋ยตะโกนด้วยความหวาดกลัว
ทว่า พอบอดี้การ์ดบนพื้นเหล่านั้นเห็นเธอเดินเข้ามา ต่างก็แย่งกันคลานถอยหลังไป ไม่มีสักคนที่กล้าสู้ด้วย
นายหัวทองยืนตัวสั่นอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว เหงื่อชื้นเต็มแผ่นหลัง
จากนั้น ดวงตาของเขาฉายประกายวาบ นิ้วมือคลำหลังเอวของตัวเองอย่างเงียบเชียบ แล้วหยิบปืนออกมา “นังสารเลว! ฉันจะดูสิว่าแกยังจะอวดเก่งอยู่อีกไหม! ยอมให้จับซะดีๆ! เฮอะ! ฮ่าๆๆๆ…”
เยี่ยหวันหวั่นเห็นดังนั้นจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ขณะที่นายหัวทองหัวเราะอย่างได้ใจ ทันใดนั้นก็พบว่าหญิงสาวหายไปจากตรงนั้นแล้ว
เกิด…เกิดอะไรขึ้น?
เธอหายไปไหนแล้ว!
นายหัวทองนิ่งอึ้งทันที
ในเวลานี้เอง เขาพลันรู้สึกถึงความเหน็บหนาวที่น่าขนพองสยองเกล้าจากด้านหลัง
“ปืน…ไม่ได้เล่นแบบนี้น้า…” เสียงหญิงสาวดังขึ้นข้างหูเหมือนภูตผี
“กะ…แกๆๆ…” นายหัวทองตกใจกลัวจนขวัญกระเจิง คิดจะเหนี่ยวไกปืนตามสัญชาตญาณ
ผลคือเมื่อขยับนิ้วก็พบว่าปืนหายไปแล้ว วินาทีถัดมาเสียงปังดังขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป หลังมือของนายหัวทองมีดวงเลือดชุ่มออกมา
“อ๊าก” เสียงร้องของนายหัวทองดังแทบทะลุเพดาน
เยี่ยหวันหวั่นใช้นิ้วควงปืนกระบอกนั้นเล่น สายตาคล้ายบอกถึงความรังเกียจ “ของแบบนี้ก็ยังจะเอาออกมา?”
“พระเจ้า! ฆ่า…ฆ่าคนแล้ว…”
ไม่รู้ว่าเสียงเพลงหยุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หลังจากได้ยินเสียงปืน บรรดาลูกค้าส่งเสียงกรีดร้องพลางวิ่งหนีกระเจิง ทั้งร้านโกลาหลไปหมด
เยี่ยหวันหวั่นไม่มองคนเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ก้าวเท้าสบายๆ เดินตรงไปยังโซฟาหรูหราฝั่งตรงข้าม
หญิงสาวนั่งลงบนโซฟานุ่มสบาย มือข้างหนึ่งวางอยู่บนที่วางแขนของโซฟา อีกข้างหนึ่งยกไวน์แดงที่เพิ่งเปิดขวดแล้วเทให้ตัวเองแก้วหนึ่ง ยืดลำคองามระหงขึ้น กระดกดื่มหมดแก้วในคราวเดียว
เวลานี้ เฉินซื่อเจี๋ยนอนอยู่ข้างเท้าของเธอ เห็นกับตาตัวเองว่าผู้หญิงร่างเล็กอย่างเธอกำราบลูกน้องเขาทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว ทั้งยังยิงมือของเจ้าหัวทองโดยที่ตาไม่กะพริบ ทำเอาเขาตกใจกลัวจนหลังชื้นเหงื่อ
“อึก” เฉินซื่อเจี๋ยกลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว พยายามค่อยๆ กระเถิบหนีไปด้านข้าง
เพิ่งจะกระเถิบออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งก้าว กระดูกมือพลันเจ็บปวดอย่างรุนแรง
“โอ๊ย” เฉินซื่อเจี๋ยเจ็บจนลงไปดิ้นกับพื้น
มุมปากของหญิงสาวกระตุกยิ้มบางๆ เท้าข้างหนึ่งเหยียบบนกระดูกที่หักของชายหนุ่ม ค่อยๆ ก้มตัวลงไปใกล้อีกนิด ริมฝีปากบางเปื้อนไวน์แดงมองดูคล้ายกุหลาบเปรอะเลือดสดๆ กระซิบข้างหูของเขาว่า “เป็นไง? ตอนนี้ตื่นเต้นเร้าใจพอหรือยัง?”
…………………………………………………….