บทที่ 559 เป็นการรับมือแล้วโต้กลับทั้งหมด
“หัว…หัว…หัวหน้า…ยะ…อย่า…อย่าให้…อารมณ์…ของหัวหน้า…” เจ้าติดอ่างยืนอยู่ด้านล่างสังเวียน มองดูการประลองครั้งนี้อย่างชัดเจน เอ่ยปากอยากจะพูดถึงความคิดของตัวเอง
“นาย…ให้อาจารย์พูดเถอะ…” สืออีกระตุกมุมปาก
“ดะ…ดะ…ได้สิ…” เจ้าติดอ่างพยักหน้า
“เจ้าติดอ่างหมายความว่า อย่าให้อารมณ์ของนายส่งผลถึงการต่อสู้ของนาย เวลาสู้ ต้องทิ้งสุขเศร้าโกรธไปให้หมด” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“ครับ!” สืออีพยักหน้าทันที
“อีกที!” เยี่ยหวันหวั่นกวักนิ้วเรียกสืออี
“อาจารย์ คุณลองโจมตีก่อนบ้างดีไหม?” สืออียิ้มพลางเอ่ย
ตลอดเวลาที่เรียนกับเยี่ยหวันหวั่นมา เยี่ยหวันหวั่นเป็นฝ่ายรับมือแล้วโต้กลับเสมอ ไม่เคยเป็นฝ่ายลงมือก่อน
ทว่า เยี่ยหวันหวั่นกลับส่ายศีรษะ
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากลงมือก่อน แต่มีเพียงเวลาที่ตัวเองรู้สึกว่าถูกคุกคามเท่านั้น ร่างกายถึงจะตอบสนองตามสัญชาตญาณ
ถ้าหากตัวเองเป็นฝ่ายลงมือก่อน ภาพน่าอัศจรรย์แบบนั้นไม่มีทางที่จะปรากฏขึ้น
เพราะฉะนั้น ตอนนี้เธอเองก็ทำได้เพียงรับมือแล้วค่อยโต้กลับ แต่ลงมือโจมตีก่อนไม่ได้
“อาจารย์ ที่ผมเรียนกับอาจารย์มาเป็นการรับมือแล้วโต้กลับทั้งหมด…อย่างนี้ถ้าตอนแข่ง ต้องทำยังไง?” สืออีมองเยี่ยหวันหวั่นพลางพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเจื่อน
เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ง่ายจะตาย นายก็ให้อีกฝ่ายลงมือก่อนสิ”
“นี่…” สืออีขมวดคิ้ว รู้สึกว่าวิธีนี้จะใช้การไม่ค่อยได้…
“นายจะไปเข้าใจอะไร นี่เรียกว่าใช้สิ่งที่แน่นอนทำสิ่งที่ไม่แน่นอน เป็นเทคนิคชั้นสูงของศิลปะการต่อสู้…” เยี่ยหวันหวั่นแกล้งทำเป็นพูดนิ่งๆ
“จริงเหรอครับ…” สืออีสงสัย
“ฉันเป็นอาจารย์ หรือว่านายเป็นอาจารย์?” เยี่ยหวันหวั่นแสดงออกว่าไม่ค่อยพอใจ ตัวเองเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้แท้ๆ แต่ศิษย์ของเธอกลับกล้ามาสงสัยตัวเธอ
“คุณเป็นอาจารย์ อาจารย์พูดถูกแล้ว ผมโง่เอง…” สืออีรีบเปลี่ยนคำ
การประลองดำเนินต่อไป เยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่กลางสังเวียน กวักนิ้วเรียกสืออี “เข้ามาสิ!”
เมื่อถูกเยี่ยหวันหวั่นยั่วยุ ดวงตาทั้งสองของสืออีพลันเบิกกว้าง ยกหมัดขึ้นชกไปที่เยี่ยหวันหวั่น
วินาทีต่อมา มือซ้ายของเยี่ยหวันหวั่นยกขึ้น ใช้แรงเบาๆ ผลักหมัดของสืออีที่พุ่งเข้ามาออกไป แล้วส่งหมัดขวาชกสืออี
“ฉันต้องมีสติ!” เห็นหมัดของเยี่ยหวันหวั่นใกล้เข้ามา สืออีสูดหายใจลึก เก็บกดความรู้สึกทั้งหมดลงไป
“พลั่ก!”
แทบจะในพริบตา ร่างกายของสืออีตอบสนองตามสัญชาตญาณ คว้าหมัดของเยี่ยหวันหวั่นเอาไว้ด้วยความว่องไว
เวลานี้เจ้าติดอ่างที่อยู่ข้างล่างสังเวียน ทำหน้าตกใจ
ตั้งแต่เรียนกับเยี่ยหวันหวั่นมา เป็นครั้งแรกที่สืออีรับมือกับการโจมตีของเยี่ยหวันหวั่นได้!
“สำเร็จแล้ว…” สืออีมองฝ่ามือของตัวเองที่จับหมัดของเยี่ยหวันหวั่นไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ฮ่าๆๆ ทำสำเร็จแล้ว!”
“พลั่ก!”
ในขณะที่สืออีกำลังดีใจจนลืมตัวนั้นเอง ก็ถูกเยี่ยหวันหวั่นเตะกระเด็นไปอีกครั้ง
มองสืออีที่กำลังดีใจถูกตัวเองเตะจนกระเด็น เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ พูดขึ้นอย่างหนักใจ “ดูท่า นายจะยังทำไม่สำเร็จนะ…”
การฝึกซ้อมของทั้งสาม ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง สืออีกับเจ้าติดอ่าง ฝึกซ้อมอย่างสุดชีวิตเพื่อการแข่งขันชิงตำแหน่งครั้งนี้ แม้ว่าจะถูกเยี่ยหวันหวั่นสั่งสอนเสียจนสะบักสะบอม แต่ทุกครั้งที่รู้สึกว่าตัวเองพัฒนามากขึ้น กลับไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด ในใจยิ่งตื่นเต้นดีใจ
วันสุดท้าย ห้องซ้อมทีมย่อย 1
“พรุ่งนี้คือวันชิงตำแหน่งของพวกนายแล้ว ซ้อมถึงแค่นี้ก็พอ พวกนายปพักผ่อนให้เต็มที่” เยี่ยหวันหวั่นมองทั้งสอง
“ขอบคุณครับอาจารย์” สืออีมั่นใจเต็มเปี่ยม
“เจ้าติดอ่าง หลายวันนี้ที่นายมาเรียกกับอาจารย์ นายพัฒนาไปมาก การชิงตำแหน่งหัวหน้าทีมย่อย น่าจะไม่มีปัญหาอะไร” สืออีมองเจ้าติดอ่างแล้วเอ่ยขึ้น
“ถะ…ถะ…ถูกต้อง…หัวหน้า…พูด…ถูก!” เจ้าติดอ่างพยักหน้าหงึกหงัก
……………………………………………………………
บทที่ 560 การแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้า
เช้าตรู่ ลานประลองของตระกูลซือ
นอกจากระดับสูงของตระกูลซือหลายท่าน สวี่อี้ก็มาถึงแต่เช้าเหมือนกัน
การประลองบอดี้การ์ดทุกปี สวี่อี้รับหน้าที่เป็นกรรมการเสมอ ด้วยเพราะการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหัวหน้าของหลิวอิ่งครั้งนี้ ทำให้มีระดับสูงของตระกูลซือหลายคนเข้ามารับผิดชอบเป็นกรรมการกับสวี่อี้ด้วย
เวลานี้ ด้านล่างเวทีประลองเต็มไปด้วยผู้คน นอกจากบอดี้การ์ดที่อยู่ระหว่างภารกิจไม่สามารถกลับมาเข้าร่วมได้ ที่เหลือแทบทั้งหมดล้วนอยู่ในงาน
ไม่นาน สืออีพาสมาชิกทีมย่อย 1 มาถึงอย่างพร้อมเพรียงด้วยเช่นกัน
เห็นสืออีแล้ว หัวหน้าทีมย่อยที่สนับสนุนหลิวอิ่ง แสยะยิ้มอย่างเย็นชา โดยเฉพาะเมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่นข้างกายสืออี นัยน์ตายิ่งฉายแววดูแคลน
“อ้อ…สืออีอยากจะได้ตำแหน่งหัวหน้า อยากได้จนเสียสติไปแล้วแน่ๆ ถึงขั้นคำนับผู้หญิงเป็นอาจารย์”
“ในเมื่อรับตำแหน่งมาพักหนึ่งแล้ว ย่อมไม่อยากลงจากตำแหน่ง จะทำยังไง คนมันความสามารถไม่ถึง ในบรรดาบอดี้การ์ดทั้งหมด ทีมย่อย 1 ที่มีเขาเป็นหัวหน้าฝีมืออ่อนที่สุด ในบรรดาหัวหน้า ฝีมือของสืออีก็เป็นลำดับรอง คนอย่างเขา คิดจะชิงตำแหน่งหัวหน้าใหญ่งั้นเหรอ?”
เห็นสีหน้ามั่นใจของสืออี หัวหน้าทีมย่อย 3 หัวเราะเย้นหยัน “คนโง่น่ะมีความสุขที่สุด หรือเขาคิดจริงๆ ว่าตัวเองจะเอาชนะหลิวอิ่งได้? คนเราต้องรู้จักประมานตัวเองบ้าง ไม่อย่างนั้น จะแตกต่างอะไรกับตัวตลก?”
“ผู้หญิงคนนั้น นอกจจากเอาใจนายท่านเป็นแล้ว ทำอะไรเป็นอีกบ้าง ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอ หัวหน้าหลิวอิ่งจะถูกนายท่านลงโทษ ถูกสืออีชิงตำแหน่งไปได้หลายเดือนได้ยังไง”
“เฮ้อ…พวกนายว่า เดี๋ยวสืออีขึ้นสังเวียนไปแล้ว แล้วชกท่าหมัดมวยผู้หญิงออกมา พวกเขาต้องออมมือให้เขา หรือไม่ต้องออมมือให้เขาดีล่ะ…”
“หมัดผู้หญิง…ที่เรียนกับเยี่ยหวันหวั่นน่ะเหรอ…”
“ฮ่าๆๆ…”
หลังจากคำพูดถากถางของหัวหน้าทีมย่อยหลายคน บอดี้การ์ดตระกูลซือก็พากันหัวเราะครืน
“หุบปากให้หมด!”
ด้านบนเวทีประลอง นัยน์ตาเยียบเย็นของสวี่อี้กวาดมองทุกคน
ได้ยินดังนั้น หัวหน้าบอดี้การ์ดทีมย่อยหลายคนขมวดคิ้ว แม้ว่าจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก
สำหรับสวี่อี้ บอดี้การ์ดเหล่านี้ยังคงมีความเกรงกลัวอยู่บ้าง สวี่อี้ดูเหมือนเป็นคนพูดด้วยง่าย แต่หากทำให้เขาโมโหขึ้นมา แม้แต่หัวหน้าหลิวอิ่งก็ไม่แน่ว่าจะห้ามเขาอยู่
ใครๆ ก็พูดว่า เมื่อคนฉลาดเจอกับทหาร ต่อให้มีเหตุผลก็อธิบายได้ไม่ชัดเจน แต่สวี่อี้เป็นคนอีกจำพวกหนึ่ง เป็นสิ่งตรงกันข้ามทั้งหมด
บอดี้การ์ดลับอย่างพวกเขาสามารถอยู่ในตระกูลซือจนถึงทุกวันนี้ได้ สวี่อี้ก็มีส่วนช่วยด้วยเหมือนกัน หากไม่มีสวี่อี้คอยวางแผนอยู่เบื้องหลัง เปลี่ยนแปลงพัฒนาการของบอดี้การ์ด ตอนนี้พวกเขาอาจจะเป็นเพียงบอดี้การ์ดธรรมดาๆ ในตระกูลซือ
“หัวหน้าใหญ่หลิวอิ่ง!”
ไม่นาน หัวหน้าทีมย่อย 3 เห็นหลิวอิ่งกำลังเดินเข้ามาก็ตะโกนขึ้น
ไม่กี่ลมหายใจ หลิวอิ่งมาถึงลานประลองแล้ว เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “ก่อนที่การประลองครั้งนี้จะเสร็จสิ้น หัวหน้าใหญ่คือสืออี”
ได้ยินดังนั้น หัวหน้าทีมย่อยหลายคนหัวเราะฮึๆ
แม้จะบอกว่าสืออีคนนั้นรับตำแหน่งหัวหน้าแทน แต่ในใจพวกเขา ไม่ต่างอะไรกับตัวตลก ในช่วงเวลาหลายเดือน ไม่เคยมีใครเห็นเขาเป็นหัวหน้า
ปกติแล้วคำสั่งที่สืออีสั่งออกมา ทุกคนก็ล้วนต่อหน้ารับคำลับหลังขัดขืน กระทั่งฟังหูทะลุหู
“หัวหน้าหลิวอิ่งหมายความว่า ตอนนี้สืออีเป็นหัวหน้า แต่หลังจากการประลองครั้งนี้จบ หัวหน้าใหญ่จะเป็นใครก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” หัวหน้าทีมย่อย 3 เอ่ยขึ้น
“นี่เป็นความคิดของนายเอง ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย” หลิวอิ่งเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“แน่อยู่แล้วครับ” หัวหน้าทีมย่อย 3 พยักหน้าหงึกหงัก
……………………………………………………….