บทที่ 631 น่าน้อยใจที่สุด
“นี่…” เหลียงหวั่นจวินส่ายหน้า “ดูไม่ค่อยเหมือน…”
เวลานี้เยี่ยเส่าถิงเชื่อหมดใจแล้วว่าลูกชายโดนใส่ร้าย จึงพูดด้วยความโกรธ “ฉันคิดว่าพวกเธอจะมีหลักฐานจริงๆ เสียอีก ปรากฏว่าไปหาใครไม่รู้มาปลอมตัวเป็นลูกชายฉัน?”
ไม่เปิดโอกาสให้เหลียงเหม่ยเซวียนกับเยี่ยเส่าอันได้พูด เยี่ยมู่ฝานถือคอมพิวเตอร์มาตรงหน้าถานอี้หลานและเยี่ยหงเหวย “คุณปู่ คุณย่า คุณปู่คุณย่าเห็นผมมาตั้งแต่เด็กจนโต คุณปู่คุณย่าดูคนในจอภาพ ใช่ผมเหรอ!”
ถานอี้หลานและเยี่ยหงเหวยยิ่งมองยิ่งรู้สึกสงสัย หลังจากพิจารณามองชายหนุ่มในจอภาพอย่างละเอียดแล้ว ก็มองหลานชายตัวเองตรงหน้า
ไม่รู้ทำไม พอเห็นสีหน้าที่หนักแน่นมั่นใจของเยี่ยมู่ฝาน สองผู้อาวุโสมองเทียบแล้วยิ่งรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมือน…
เยี่ยเส่าอันข้างๆ เห็นสถานการณ์ก็ด่าด้วยความโกรธ “เยี่ยมู่ฝาน แกอย่ามาเล่นตลก ใครไม่รู้บ้างว่าแกโดนเฉินเมิ่งฉีคนนั้นหว่านเสน่ห์จนโงหัวไม่ขึ้น ถึงได้ไปทำงานที่บริษัทตระกูลเฉิน แล้วถึงกับขโมยความลับธุรกิจของตระกูลตัวเองเพื่อเอาใจผู้หญิงคนนั้น! เอกสารการประมูลไม่มีทางโดนเปิดเผยด้วยวิธีอื่น นอกจากแกแล้วจะยังมีใคร”
เยี่ยอีอีกลอกตาเล็กน้อย ขมวดคิ้วพูดขึ้นมา “อีกอย่างคนที่ชนะการประมูลคือตระกูลเฉิน นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว…”
“ดังนั้นพวกอาเลยหาคนมาปลอมตัวเป็นผมอยู่ในกล้องนี้ จุดประสงค์คือจะใส่ร้ายผมใช่ไหม” เยี่ยมู่ฝานพูดเสียงเย็นเยียบ
“อีกอย่าง…” มุมปากเยี่ยมู่ฝานหยักขึ้นเล็กน้อย พูดต่อว่า “หัวหน้าตระกูลเฉินนั่น ตอนแรกก็เป็นแค่คนขับรถของพ่อผมเท่านั้น ผมเยี่ยมู่ฝานจะไปชอบลูกสาวเขาลง? ฮ่าๆ อย่าโง่เลย ผมก็แค่เล่นๆ ผู้หญิงข้างนอกนั่นผมจะหาเท่าไรก็ได้ พวกคุณเอาเรื่องนี้มาใส่ร้ายผม นี่มันไร้สาระสิ้นดี!
ผมว่าที่ตั้งใจคือพวกอาคิดจะกำจัดเสี้ยนหนามอย่างพวกเราให้สิ้นซาก ทำให้คุณปู่คุณย่าผิดหวังกับครอบครัวเราจนถึงที่สุด จงใจแพ้การประมูลแล้วมาป้ายสีใส่ผม!”
เหลียงเหม่ยเซวียนโกรธจัด ทำเสียงจิ๊จ๊ะพูด “พ่อคะ แม่คะ เห็นแล้วใช่ไหม ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สำนึกผิด! หมดหนทางเยียวยาแล้วจริงๆ!”
“คุณปู่คุณย่า ไม่ยุติธรรมเลย รู้อยู่แก่ใจ พวกเขาหาหลักฐานอะไรไม่ได้ แต่กลับมาแว้งกัดผม คนในคลิปวิดีโอคือคนที่พวกเขาหามาปลอมตัวเป็นผม
หาว่าผมโดนผู้หญิงตระกูลเฉินหลอกให้หลงจนหัวปักหัวปำ นี่ก็ไม่จริง ถ้าคุณปู่คุณย่าไม่ชอบ ผมเตะผู้หญิงคนนั้นทิ้งไปได้เลย เรื่องนี้ผมแล้วแต่คุณปู่ สบายๆ ได้!” เยี่ยมู่ฝานเอ่ยสีหน้าเคร่งขรึม
ถานอี้หลานมองไปทางเยี่ยหงเหวยที่อยู่ข้างๆ “เรื่องนี้แล้วแต่คุณเถอะ”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเยี่ยหงเหวยเต็มไปด้วยความอึดอัด “แค่กๆ…นั่นมันเรื่องเมื่อก่อน…เรื่องผ่านไปแล้ว”
เยี่ยมู่ฝานพูดอีก “คุณปู่คุณย่าครับ ผมคือหลานแท้ๆ ของพวกท่าน คุณปู่คุณย่าเป็นคนเลี้ยงผมมากับมือ!
ตั้งแต่เล็กคุณย่าและคุณปู่สั่งสอนผม ให้เป็นคนซื่อสัตย์ หนักแน่นไม่ย่อท้อ ผมยอมรับว่าหลายปีมานี้ผมห่วงเที่ยวเล่นไปหน่อย แต่ผมไม่เคยทำเรื่องผิดจรรยาบรรณ ไม่มีสักนาทีที่จะลืมคำสั่งสอนที่พวกท่านสอนผม!
ไม่ว่าใครจะสงสัยผม ตำหนิผม ผมไม่สนใจ! คุณปู่คุณย่า! พวกท่านเป็นคนที่ผมเคารพนับถือมากที่สุด เป็นญาติที่ผมรักมากที่สุด ขอแค่พวกท่านไม่สงสัยผมก็พอแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าปู่กับย่าไม่เชื่อหลาน เพียงแต่…” ถานอี้หลานเห็นท่าทางได้รับความไม่เป็นธรรมของหลานชาย ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง
ใบหน้าเยี่ยมู่ฝานเต็มไปด้วยความน้อยใจ “คุณปู่ คุณย่าครับ พวกท่านเชื่ออารอง…เชื่ออาสะใภ้รอง…เชื่อเยี่ยอีอี…เชื่อคำพูดของพวกเขาทุกคน…ทำไมไม่ฟังผมอธิบายบ้างล่ะ?”
………………………………………………………………
บทที่ 632 เล่นเองตามใจชอบเถอะ
“หลายปีนี้ที่ออกจากบ้านมา ผมจดจำคำสั่งสอนของคุณปู่คุณย่ามาตลอด อยากจะกลับตัวเป็นคนใหม่ เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ผมเข้าใจดีที่คุณปู่คุณย่าทำแบบนี้ก็เพื่อจะให้ผมมีประสบการณ์ และทำเพื่อผม ดังนั้นผมเลยเข้าไปทำงานบริษัทเล็กๆ อยากจะเริ่มทำตั้งแต่งานพื้นฐาน อยากมีวันที่ก้าวหน้า จะได้เป็นคนที่คุณปู่คุณย่าภูมิใจ! ผู้หญิงตระกูลเฉินอะไรนั่นก็แค่เล่นๆ เท่านั้น ยังไงเรื่องนี้ ผมแล้วแต่คุณปู่ครับ”
ฟังมาถึงตรงนี้ ไม่เพียงแต่ถานอี้หลาน แม้แต่เยี่ยหงเหวยก็รู้สึกซาบซึ้ง
เยี่ยเส่าอันและเหลียงเหม่ยเซวียนที่อยู่ข้างๆ เห็นเยี่ยมู่ฝานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แถมยังพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าตัวเองเชื่อฟังว่านอนสอนง่าย สีหน้าก็เต็มไปด้วยความอึ้งตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ
หลังจากเยี่ยมู่ฝานพูดจบ ก็คุกเข่าลงตรงหน้าผู้อาวุโสทั้งสอง สีหน้ายิ่งดูเจ็บปวดน้อยใจ “คุณปู่ คุณย่าครับ ผมไม่ได้ทำจริงๆ ทำไมอารองเขาถึงต้องใส่ร้ายผมด้วย
พวกเราทั้งครอบครัวโดนไล่ออกจากบ้านแล้ว หรือว่ายังไม่พอ เขายังจะบีบพวกเราไปถึงไหนถึงจะพอใจ
เขากับเยี่ยอีอีเป็นคนดูแลเอกสารการประมูล ต้องเป็นพวกเขาที่จงใจเปิดเผย แล้วโยนความผิดให้ผม! คุณปู่คุณย่า ขอร้องพวกท่านทำเพื่อหลานชายด้วย!”
ข้างๆ กัน เยี่ยหวันหวั่นแอบพูดไม่ออก เอาเถอะ ไม่ต้องกังวลแล้ว หมอนี่เล่นละครเก่งกว่าที่เธอคิดไว้อีก แล้วยังหน้าหนามากอีกด้วย…
ตอนนี้เยี่ยเส่าอันโมโหจนแทบกระอักเลือดแล้ว “แกๆๆ…”
แต่เขาพูดว่า ‘แก’ ตั้งนานแต่กลับพูดออกมาเป็นประโยคไม่ได้ เจ้าเยี่ยมู่ฝานนี่ หน้าด้านเล่นลิ้นเก่งเกินไปแล้ว!
เวลานี้สีหน้าถานอี้หลานอ่อนโยนลงแล้ว นัยน์ตาแดงระเรื่อ มองไปทางผู้อาวุโสข้างๆ แล้วพูดว่า “หงเหวย พวกเราเป็นคนเลี้ยงมู่ฝานมาจนโต เด็กคนนี้เหมือนฉันมากที่สุด ฉันรู้นิสัยเขาดีกว่าใคร เขาไม่ถึงขั้นทำเรื่องแบบนี้ได้แน่ พวกเราเข้าใจเขาผิดแล้วจริงๆ!”
เยี่ยหงเหวยก็พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อืม จริงด้วย”
เยี่ยอีอีเห็นผู้อาวุโสสองท่านคล้อยตามไปกับคำพูดไม่กี่คำของเยี่ยมู่ฝาน ใบหน้าเล็กแข็งทื่อทันที
ทำไมเป็นแบบนี้ได้…
สีหน้าเยี่ยเส่าอันกับเหลียงเหม่ยเซวียนยิ่งเปลี่ยนไปใหญ่ “พ่อ แม่! ทำไมพ่อแม่ถึงโดนคำพูดหลอกลวงของเด็กคนนี้หลอกเอาได้!”
เยี่ยหงเหวยดุเสียงทุ้มต่ำ “เอาละ เมื่อกี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเยี่ยมู่ฝานถูกใส่ร้าย เรื่องนี้ไม่อนุญาตให้ใครพูดถึงอีก!”
คิดถึงเมื่อกี้ที่เยี่ยมู่ฝานบอกว่าเยี่ยเส่าอันจงใจแพ้การประมูลนี้เพื่อทำให้เขาเดือดร้อน ถึงแม้เยี่ยมู่ฝานจะแค่พูดเดาไปมั่วๆ แต่กลับทำให้สีหน้าของเยี่ยหงเหวยดุร้ายขึ้นมาเล็กน้อย
ด้วยนิสัยของลูกคนรอง สิ่งที่มู่ฝานพูดก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้…
เยี่ยเส่าอันเห็นนัยน์ตาของผู้อาวุโสฉายแววสงสัย ก็แทบจะกระอักเลือดแล้ว แต่ถ้ายังโวยวายต่อ อย่าว่าแต่เอาผิดเยี่ยมู่ฝานไม่ได้เลย ตัวเขาเองจะถูกลากเข้าไปด้วย
เห็นว่าครั้งนี้หลานชายได้รับความไม่เป็นธรรมครั้งใหญ่ ถานอี้หลานมองเยี่ยเส่าอันด้วยความไม่พอใจ “เส่าอัน เรื่องนี้แกควรจะหาสาเหตุปัญหาจากตัวแกเอง แค่โครงการเล็กๆ อย่างหวากวงยังก่อเรื่องมากมายขนาดนี้ เป็นแกที่ละเลยหน้าที่ของผู้จัดการใหญ่! อีกอย่าง ใครเป็นคนปลอมตัวเป็นมู่ฝานใส่ร้ายเขา แกก็ต้องไปสืบมาให้ชัดเจนด้วย!”
สืบบ้าอะไร เห็นๆ อยู่ว่าคือเจ้านั่น เขาจะสืบยังไง
เยี่ยเส่าอันอยากจะพูดแต่พูดไม่ออก ได้แต่ฝืนกล้ำกลืนความโกรธนี้ลงไป “ครับ…”
“คุณย่าครับ แล้วที่พวกเขาใส่ร้ายผม หรือว่าก็แล้วกันไปแบบนี้ คำขอโทษสักคำจากพวกเขายังไม่มีเลย ผู้ใหญ่ทำตัวแบบนี้เหรอ หวันหวั่น แกว่าฉันพูดถูกหรือเปล่า” เยี่ยมู่ฝานไร้ยางอายต่อจนถึงที่สุด
เยี่ยหวันหวั่นเงียบงัน
ไม่ต้องถามฉัน เชิญตามสบายเลย เล่นเองตามใจชอบเถอะ…
…………………………………………………………….