บทที่ 653 แสดงความจริงใจ
หน้าจอมือถือเป็นข่าวซุบซิบของวงการบันเทิง
หัวข้อคือ ‘เฉินเมิ่งฉีผู้นำด้านแฟชั่นจัดฉากอุบัติเหตุรถยนต์’ ในรูปประกอบ เฉินเมิ่งฉีสวมกางเกงใส่ชุดหนังขี่มอเตอร์ไซค์ ผมที่ม้วนเป็นลอนกระเซิงไปหมด ดูแล้วน่าตกใจทีเดียว
ด้านล่างตอนแรกเป็นพวกแฟนคลับมาเขียนอวย สุดท้ายโดนคนที่ผ่านไปมาและคนในวงการแฟชั่นด่ายับไม่มีชิ้นดี
[นี่เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร? ฉันว่าสมองของสไตล์ลิสต์เป็นโรคชักกระตุกมากกว่ามั้ง]
[ไม่สวยเลยสักนิด อัปลักษณ์จะตาย ถ้านี่เรียกว่าแฟชั่น ก็ถือว่าดูถูกความงามของพวกเรามาก]
[คิดไม่ถึงเลยว่าผู้นำแฟชั่นจะมีวันที่แต่งตัวผิดพลาดด้วย ภาพลักษณ์นี้ห่วยแตกมาก คิดว่าน่าจะอยากเลียนแบบเฉียวเข่อซินก่อนหน้านี้มั้ง แต่ไม่มีความเท่เท่าเฉียวเข่อซินเลย เลียนแบบแล้วยิ่งดูน่าเกลียดไปหมด!]
[จู่ๆ ฉันก็เห็นว่าก้นเฉินเมิ่งฉีแบนมาก ต้นขาก็ตัน! เมื่อก่อนไม่เห็น ยังรู้สึกว่าเธอรูปร่างดีมากอยู่เลย…]
………
เยี่ยมู่ฝานอ่านคำวิจารณ์พวกนั้นอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร
เมื่อก่อนตอนเขาออกแบบเสื้อผ้าให้เธอ ที่ผ่านมาเขาตั้งใจทำที่สุด ตั้งใจหลีกเลี่ยงข้อบกพร่องของเธอ พวกเขาย่อมไม่รู้แน่นอน
“เป็นยังไง อารมณ์ดีขึ้นบ้างหรือเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นถาม
ช่วงหลังนี้เขามักรู้สึกว่าน้องสาวเปลี่ยนไปเหมือนคนแปลกหน้า แต่ยังห่วงใยตัวเองไม่เคยเปลี่ยน
“ก็แค่คนที่ไม่สำคัญแล้ว” เยี่ยมู่ฝานพูด
ทำไมต้องไปมีอารมณ์ใดๆ เพื่อคนแบบนั้นด้วย ไม่คุ้มค่าสักนิด
…….
ในขณะเดียวกัน จวี๋ซิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์
เฉินเมิ่งฉีจนโมโหฉีกหนังสือพิมพ์บนโต๊ะทิ้ง จากนั้นจ้องไปทางชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามด้วยความโกรธจัด “เหอจวิ้นเฉิง คุณทำอะไร ไหนบอกว่าชุดนั้นไม่มีปัญหาแน่นอนไม่ใช่เหรอ”
“เฮ้อ…ชุดนั้นไม่มีปัญหาจริงๆ… ตอนแรกเฉียวเข่อซินก็มีชุดใกล้เคียงแบบนี้ชุดหนึ่ง… ตอนนี้เป็นที่ตื่นตากันมาก…”
“หึ จะบอกว่าความหมายของคุณคือไม่ใช่ปัญหาของสไตล์ลิสต์ แต่เป็นปัญหาของฉัน?”
“เมิ่งฉี คุณอย่าเพิ่งโมโห ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณสวยโดยธรรมชาติ ใส่อะไรก็สวยทั้งนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะคนพวกนั้นตาบอด!”
“เหอจวิ้นเฉิง คุณอย่ามาแกล้งโง่ เดี๋ยวฉันจะต้องไปร่วมงานแฟชั่นเฟสติวัลแล้ว ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นอีก คุณคงรู้ผลที่ตามมานะ!”
“เมิ่งฉี… เมิ่งฉี…”
เฉินเมิ่งฉีปิดประตูดังปัง เหอจวิ้นเฉิงรู้สึกเสียหน้ามาก สีหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาต
“บ้าเอ๊ย…”
ทั้งหมดต้องโทษไอ้ขยะเยี่ยมู่ฝานนั่น
ดูท่าทางจำเป็นจะต้องลงเงินเสียหน่อย…
…..
มาทำงานวันแรก เยี่ยมู่ฝานงานยุ่ง ทั้งวันไม่ได้หยุดพักแม้สักวินาที แต่ว่าการที่ยุ่งแบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกเต็มอิ่มและสนุกมาก
ตอนกำลังจะเตรียมขึ้นรถ เสียงมือถือดังขึ้นมา…
เมื่อเห็นสายที่โทรเข้า สีหน้าเยี่ยมู่ฝานตึงเครียดขึ้นมาทันที…เหอจวิ้นเฉิง
ความมืดมนบนใบหน้าเยี่ยมู่ฝานจางลงอย่างรวดเร็ว ทำเป็นไม่ใส่ใจ “ฮัลโหล?”
“ฮัลโหล คุณชายเยี่ย ว่างหรือเปล่า พวกเราคุยกันหน่อยได้ไหม” เหอจวิ้นเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“เอ๋? คุยอะไร”
“เรื่องครั้งที่แล้วน่ะ ฉันทำไม่ถูกจริงๆ ก็แค่ผู้หญิงคนเดียวเอง คุณชายเยี่ย ตอนนั้นนายก็เที่ยวเล่นไปทั่วเหมือนกัน ทำไมจะต้องคิดมาขนาดนี้ด้วย!”
“หึ…” เยี่ยมู่ฝานหัวเราะเสียงต่ำ “พูดจบแล้วใช่ไหม”
เหอจวิ้นเฉิงกลืนน้ำลาย กลัวว่าอีกฝ่ายจะวางสายจึงรีบพูด “ฉันมาคิดดูแล้ว เพื่อแสดงความจริงใจ ขอแค่นายยอมกลับมาช่วยฉัน ฉันจะให้ค่าจ้างเท่าที่นายพอใจเลย!”
เวลานี้เยี่ยมู่ฝานไม่มีความโกรธแบบตอนนั้นหลงเหลืออยู่แล้ว เขาใช้นิ้วถูกุญแจรถในมือเบาๆ “ได้สิ!”
……………………………………………………
บทที่ 654 งั้นก็รอไปเถอะ
เหอจวิ้นเฉิงดีใจมาก ในใจเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยและดูถูก
เป็นอย่างที่คิดไว้ คนจนและขี้อวดอย่างเยี่ยมู่ฝาน แค่บอกว่าให้เงินเท่าที่เขาพอใจก็รีบตอบตกลงทันที
ยังคิดว่าเขาจะแข็งข้อมากเสียอีก!
หึ ถ้าไม่ได้เห็นว่ายังใช้ประโยชน์ได้ เขามันก็แค่หนูในท่อระบายน้ำ ควรค่าให้ตนพูดจาดีด้วยที่ไหนกัน
“คุณชายเยี่ยใจดีอย่างที่คิดเลย! แบบนี้สิถูกต้องแล้ว! ทำไมจะต้องโมโหพาลไม่สนใจเงินด้วย ยังไงก็ร่วมงานกันมานานแล้ว วางใจได้ ฉันจะไม่ทำให้นายลำบาก นายอยู่ที่ไหน ตอนนี้พวกเรามาเจอหน้าคุยรายละเอียดกันเลยไหม” เหอจวิ้นเฉิงพูดอย่างทนรอไม่ไหว
“ได้สิ มาเจอกันที่เชิงเขาหลงเชียนทางเหนือของเมืองแล้วกัน”
“ได้ๆๆ เดี๋ยวเจอกัน!”
……
ยามเย็น ภูเขาหลงเชียน
ชานเมืองไร้ผู้คนและเงียบสงบ บนถนนแทบจะไม่มีรถและคนเดินผ่านไปมา
เหอจวิ้นเฉิงขับรถเร็วมาก ระยะทางขับรถครึ่งชั่วโมง แต่สิบห้านาทีเขาก็ขับมาถึงแล้ว
ตอนนั้น เยี่ยมู่ฝานเพิ่งถึงที่จอดรถชั้นใต้ดินของวั่นจิ่งหมิงหยวน
หลังจอดรถเรียบร้อยแล้วก็ถือกุญแจรถเดินอย่างสบายใจขึ้นลิฟต์ไป
เขาเปิดประตูคอนโด กำลังนอนสบายอยู่บนโซฟา สายของเหอจวิ้นเฉิงก็โทรเข้ามา
เยี่ยมู่ฝานเหลือบมองหน้าจอมือถือที่แสดงสายเรียกเข้า ค่อยๆ เดินไปหยิบน้ำแร่ขวดหนึ่งออกจากตู้เย็นมาจิบหนึ่งคำ แล้วค่อยรับสายอย่างช้าๆ “ฮัลโหล?”
“ฮัลโหล! คุณชายเยี่ย ฉันถึงแล้ว นายออกมาหรือยัง” เหอจวิ้นเฉิงถาม
เยี่ยมู่ฝานนั่งไขว่ห้าง เอ่ยด้วยความนิ่งเฉย “ออกมาแล้ว อยู่ระหว่างทาง”
“ดีๆๆ งั้นฉันจะรอนาย!”
“OK!” เยี่ยมู่ฝานวางสายแล้วก็โยนมือถือไปข้างๆ จากนั้นหันหลังเดินกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ
เหอจวิ้นเฉิงนั่งอยู่ในรถ นานๆ ทีจะมองดูนาฬิกา
ไม่นานก็ผ่านไปอีกสิบห้านาที เยี่ยมู่ฝานยังมาไม่ถึง
เหอจวิ้นเฉิงก็ไม่รีบร้อน ยังรอต่อไป เขาขับรถสปอร์ตบึ่งมา ย่อมมาถึงก่อนอยู่แล้ว
น่าจะผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมงได้ เยี่ยมู่ฝานยังไม่มา เหอจวิ้นเฉิงจึงโทรไปหารอบที่สอง
“ฮัลโหล คุณชายเยี่ย ถึงหรือยัง”
เยี่ยมู่ฝานสวมชุดนอนนอนอยู่บนเตียง ดื่มไวน์ไปพลางพลิกดูนิตยสารแฟชั่นไปพลาง “ระหว่างทางรถติด น่าจะอีกสักพัก!”
เหอจวิ้นเฉิงตอบกลับ “อ้อ ก็ได้… แล้วนายน่าจะใช้เวลาอีกนานเท่าไร”
เยี่ยมู่ฝานตอบ “น่าจะสิบนาที!”
ปรากฏว่าสิบนาทีผ่านไปแล้ว เยี่ยมู่ฝานก็ยังไม่มาอีก เหอจวิ้นเฉิงเลยโทรไปอีกรอบ
“อ้อ อยู่บนนถนนอยู่เลย…” ครั้งนี้แม้แต่ข้ออ้างเยี่ยมู่ฝานก็ขี้เกียจหามาแล้ว
สีหน้าของเหอจวิ้นเฉิงค่อยๆ เริ่มหมดความอดทนแล้ว ตั้งแต่มีชื่อเสียงขึ้นมา มีแต่คนรอเขา เขาเหอจวิ้นเฉิงเคยรอคนตั้งแต่เมื่อไร?
แต่วันนี้ เขาได้แต่รอแล้วรอเล่า!
เขาก็โชคดี อาศัยความสามารถด้านจีบผู้หญิงในเวลาปกติ หลังจากเข้าบริษัทก็เอาไปใช้จีบเฉินเมิ่งฉี เอาอกเอาใจคุณหนูเฉินจนมีความสุขมาก
ประจวบเหมาะกับว่าเหมือนเฉินเมิ่งฉีจะมีความแค้นกับตระกูลเยี่ย ไม่อยากให้เยี่ยมู่ฝานได้หน้า ผลประโยชน์เลยตกมาอยู่ที่เขา ไม่เพียงแต่ได้ผู้หญิงแถมยังได้ชื่อเสียงด้วย ถือว่าการงานราบรื่นดี
แต่ตอนนี้เป็นเพราะไอ้โง่เยี่ยมู่ฝานไม่เชื่อฟัง ทำให้เขาสถานการณ์ย่ำแย่
ยังดีที่จัดการกับไอ้โง่นี่ง่ายหน่อย แค่ให้เงินนิดหน่อยก็ว่านอนสอนง่ายแล้ว ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะยังเป็นของเขาอยู่…
ก็แค่รอเท่านั้น ไม่หนักหนาอะไร
เหอจวิ้นเฉิงสูดหายใจเข้าลึก “ฮ่าๆ ได้ ไม่รีบ!”
เยี่ยมู่ฝานเหลือบมองมือถือที่โยนทิ้งไว้ข้างๆ แล้วจิบไวน์ต่อไป พูดอย่างสบายใจว่า “หึ งั้นก็รอไปเถอะ…”
………………………………………………………….