บทที่ 665 น่า… น่ารักจัง!
เมื่อเห็นท่าทางกงซวี่ไม่รู้จักอับอายซ้ำยังคิดว่าน่าภูมิใจ เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วด้วยความปวดหัว “เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง พวกนายไม่ต้องกังวล”
ได้ยินคำพูดนี้ ลั่วเฉินค่อยวางใจลงได้
ถึงอย่างไรสาเหตุเรื่องนี้ก็เกิดมาจากเขา…
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ ก็มองไปทางลั่วเฉินด้วยสายตาที่คมกริบเล็กน้อย “ลั่วเฉิน วันนี้ฉากนายเกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้ผู้กำกับบอกฉันว่าสองวันนี้นายไม่คืบหน้าไปไหนเลย”
ลั่วเฉินหน้าหงอยหลุบสายตาลง “พี่เยี่ย ขอโทษครับ ฉากที่เล่นกับเมิ่งเสี่ยวโหรวมีปัญหานิดหน่อย ผมเข้าไม่ถึงบทจริงๆ ผมลองซ้อมหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังเข้าถึงอารมณ์ไม่ได้…”
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว เมื่อครู่ตอนที่เธอคุยกับผู้กำกับ ผู้กำกับเปิดฉาก NG ของลั่วเฉินให้เธอดู ปัญหาค่อนข้างใหญ่ทีเดียว
ละครเรื่องนี้ลั่วเฉินทำการบ้านมาหนัก เยี่ยหวันหวั่นคิดว่าต้องไม่มีปัญหาแน่นอน ใครจะรู้ว่าจะมาเกิดปัญหาตรงนี้
ชายหนุ่มอายุน้อยยี่สิบกว่าปี ทำไมถึงแสดงบทรักแล้วมีปัญหาได้?
ไมได้ต้องการให้เขาเข้าถึงอารมณ์มากเลย แต่ก็ไม่ควรแสดงได้เก้ๆ กังๆ แบบนี้…
กงซวี่บ่นพึมพำ “ไม่ได้เรื่องจริงๆ บทง่ายขนาดนี้ยังเล่นไม่ดีเลย!”
ตงไจ๋ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินมุมปากก็กระตุก พี่ซวี่ ตอนนี้พี่พูดให้น้อยหน่อยดีกว่า พี่ก็ยังมีหน้าไปว่าฝีมือการแสดงคนอื่นแย่อีก
เยี่ยหวันหวั่นไตร่ตรองอยู่นาน ลั่วเฉินยืนเงียบๆ ไม่พูดอะไรอยู่ด้านข้าง
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยหวั่นหวันลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อกันลมบนตัวออกแล้วจึงเอ่ย “เอาแบบนี้แล้วกัน นายมานี่ พวกเราต่อบทกัน”
“ต่อบท…” ลั่วเฉินอึ้งไป
จะต่อยังไง
“ฉันจะเล่นเป็นเชิงชิงบทของเมิ่งเสี่ยวโหรว นายมาต่อบทกับฉันหน่อย” เยี่ยหวันหวั่นพูด
กงซวี่ที่อยู่ข้างๆ เบิกตาโต “ชิงชิงเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นพูด “ใช่ ทำไม”
กงซวี่ตอบ “พี่เยี่ย พี่จะเล่นบทผู้หญิงเลย?”
เยี่ยหวันหวั่นถามกลับ “มีปัญหาเหรอ”
“ไม่… ไม่ๆ…” กงซวี่รีบโบกมือ พูดด้วยสีหน้าประจบสอพลอ “พี่เยี่ยพี่ว่ายังไงก็ยังงั้น!”
เพราะการต่อบทไม่น่าสนใจ กงซวี่เลยนั่งอย่างเบื่อหน่ายเกียจคร้านลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม
“เริ่มเถอะ!” เยี่ยหวันหวั่นเดินเข้าไปสองก้าว มายืนอยู่ตรงหน้าลั่วเฉิน
เวลานี้ หลังจากเยี่ยหวันหวั่นถอดชุดกันลมออก ด้านบนสวมเสื้อไหมพรมสีเทา เข้ากับเสื้อเชิ้ตสีข้าวด้านใน ผมสีน้ำตาลอ่อนมองไปแล้วดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด
“เอ่อ ได้…” ลั่วเฉินอึ้งไปนิดแล้วจึงค่อยได้สติกลับมา
เยี่ยหวันหวั่นหลับตาลง
หนึ่งวินาที สองวินาที
วินาทีที่สาม ตอนที่ลืมตามาอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองที่นิ่งเย็นชาของเยี่ยหวันหวั่นก็เปลี่ยนไป
อ่อนโยนราวกับทำให้ละลายเป็นธารน้ำได้ ราวกับเขาคือความศรัทธาทุกอย่างในโลกใบนี้ของเธอ…
“อา… อาเฉิน…” สีหน้าหญิงสาวประหม่า เขินอาย และไม่สงบ จนวินาทีต่อไปสามารถถอยหนีไปได้ แต่ก็เหมือนกล้าหาญที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาได้เช่นเดียวกัน สุดท้าย ในที่สุดสายตาเธอก็เปลี่ยนเป็นหนักแน่น “ข้าชอบเจ้า…”
ลั่วเฉินรู้สึกแค่ว่าในหัวมีเสียงระเบิดดังก้อง แก้มขาวสองข้างค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ทันใดนั้นในความคิดเขาก็มีภาพตัวเองโดนผู้หญิงสารภาพรักเป็นครั้งแรกตอบอายุสิบหกปีโผล่มา ตอนนั้นเขาทำอะไรไม่ถูก ยังเป็นวัยรุ่นใสๆ โดยสิ้นเชิง
ไม่มีใครสังเกตเห็น มีคนตรงนั้นหน้าแดงยิ่งกว่าลั่วเฉินเสียอีก
เดิมทีกงซวี่กำลังเท้าคางอย่างเบื่อหน่าย ปรากฏว่าหลังเห็นฉากที่เยี่ยไป๋เล่นเป็นชิงชิงสารภาพรักกับหลินลั่วเฉิน ทั้งตัวก็ราวกับจุดไฟติดขึ้นมา
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นผู้ชาย เห็นอยู่ชัดๆ ว่ารูปร่างเหมือนเดิมทุกอย่าง แม้กระทั่งเสียงยังเป็นผู้ชาย เปลี่ยนแค่สายตาและสีหน้าเท่านั้น แต่ทำไมถึงทำให้เขารู้สึกว่าเหมือนเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง…
น่า… น่ารักจัง!!!
……………………………………………………………..
บทที่ 666 เริ่มถ่ายทำ
เวรๆๆ! บ้าไปแล้ว! ไม่นึกว่าเขาจะรู้สึกว่าผู้ชายคนหนึ่งน่ารัก! เขาเป็นเกย์ไปแล้วหรือไง?
กงซวี่รีบนวดหน้าตัวเอง ทำให้ตัวเองฟื้นสติกลับมา
แต่ว่า พอย้อนกลับไปคิดถึงฉากเมื่อกี้ เขาก็ตกลงสู่ฟองสีชมพูอีกครั้งทันที…
ตอนที่ลั่วเฉิน กงซวี่ และผู้ช่วยสองคนกำลังตกตะลึงอย่างต่อเนื่อง เยี่ยหวันหวั่นก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม พยักหน้าแล้วพูดอย่างพอใจว่า “ดีมาก มีชีวิตชีวาขึ้นมาเยอะเลย ปรับอารมณ์อีกนิดก็สมบูรณ์แบบแล้ว”
ในเวลานี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เสี่ยวเฉินที่เป็นคนคุมกองถ่ายเดินเข้ามาแจ้ง “ลั่วเฉิน การถ่ายทำเริ่มแล้ว!”
“ไปเถอะ จำความรู้สึกเมื่อกี้ไว้” เยี่ยหวันหวั่นกำชับ
“ครับ…” ในที่สุดลั่วเฉินก็ได้สติกลับมา ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ถึงไม่กล้ามองฝีมือการแสดงของเยี่ยไป๋ตรงๆ รีบเดินไปด้วยกันกับผู้ช่วย
“ไปเถอะ ไปดูด้วยกัน ไหนๆ ก็มาแล้ว จะได้เรียนรู้ไปด้วยเลย” เยี่ยหวันหวั่นพูดกับกงซวี่
ปรากฏว่ากงซวี่เอาแต่ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
“เป็นอะไร” เยี่ยหวันหวั่นตบไหล่กงซวี่
กงซวี่สะดุ้งโหยงเหมือนโดนไฟดูด
เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าพูดไม่ออก
กงซวี่กลืนน้ำลายลงคอ รีบพูดขึ้นมา “หา? ไม่…ไม่มีอะไรครับ! ผมไม่มีอะไร!”
โว้ย! ผีหลอกจริงๆ! ผีหลอกแล้ว! เขากลับใจเต้นให้ผู้ชาย แล้วยังจมดิ่งไปกับจินตนาการที่เป็นไปไม่ได้อีก อีกอย่างผู้ชายคนนี้ยังเป็นพี่เยี่ยอีกด้วย!
เขามันเป็นสัตว์ร้ายจริงๆ!
ต้องเป็นเพราะไม่ได้มีแฟนมานานเกินไปแล้วแน่เลย!
ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน…
ไม่นาน การถ่ายทำของลั่วเฉินก็เริ่มต้นอีกครั้ง
เหล่าทีมงานที่อยู่ข้างๆ ต่างพูดคุยกัน เหมือนจะไม่หวังในตัวลั่วเฉินแล้ว นักแสดงหลายคนของหวงเทียนรอดูเรื่องสนุกด้วยสีหน้าเยาะเย้ย เหลียงเยวี่ยที่รับบทชิงชิงกับเมิ่งเสี่ยวโหรวก็เริ่มหมดความอดทนแล้ว
“3 2 1 แอคชั่น!”
กลางป่า
เมิ่งเสี่ยวโหรวเงยหน้าขึ้นมาอย่างเขินอาย เอ่ยปากสารภาพว่า “อา… อาเฉิน…ข้าชอบเจ้า…”
วินาทีต่อมา กล้องตัดภาพไปที่สีหน้าของลั่วเฉินอย่างรวดเร็ว
ในเฟรม สีหน้าหลินลั่วเฉินตกใจก่อน จากนั้นเต็มไปด้วยความสับสน รู้ทั้งรู้ว่าเธอเป็นศิษย์ของสำนักคู่แข่ง รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่ใช่ชิงชิง แต่กลับห้ามความรู้สึกตัวเองที่มีต่อเธอไม่อยู่
จอมปีศาจที่ตัดขาดจากเรื่องรักใคร่แล้ว เวลานี้กลับเผยให้เห็นความใสซื่อของวัยหนุ่มที่เห็นได้ยาก เผยให้เห็นสีหน้าที่แท้จริงของเขา…
ซ่งจินหลิงจ้องมองหน้าจอบันทึกภาพด้วยสีหน้าเคร่งเครียดตลอด เวลานี้สีหน้ามีแววตกใจแวบผ่าน จากนั้นค่อยรู้สึกตัว ตะโกนขึ้นมาว่า “ดีมาก! ผ่าน!”
ลั่วเฉินถอนหายใจออกมาทันที ก่อนจะโค้งคำนับขอบคุณทุกคน “ขอบคุณครับผู้กำกับ ขอบคุณครับทุกคน! ทำให้ทุกคนเดือดร้อนแล้ว!”
“ไม่เป็นไรๆ เรื่องฝีมือการแสดงแบบนี้ ใครจะรักษาให้ดีไว้ได้เสมอ!”
“ใช่แล้ว เมื่อกี้เล่นได้เยี่ยมมากเลย! สู้ๆ นะ!”
ทุกคนต่างพากันชื่นชม
เยี่ยหวันหวั่นรู้ว่าลั่วเฉินเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง ดังนั้นจึงคอยกำชับเสี่ยวชิงให้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในกองถ่ายไว้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าหลายวันนี้ NG มาตลอด ทุกคนก็เริ่มหงุดหงิดแล้ว แต่ทุกคนในกองถ่ายต่างรู้สึกดีกับลั่วเฉิน ดังนั้นเลยไม่ได้ใส่ใจมากนัก
เวลานี้ เสี่ยวชิงทำตามคำสั่งของเยี่ยหวันหวั่น พูดอย่างเฉลียวฉลาดว่า “ลำบากทุกคนแล้วครับ วันนี้ลั่วเฉินเลี้ยงเอง สั่งอาหารจากคริสตัลเจดมาให้! แล้วยังมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ด้วย เชิญทุกคนมารับด้วยนะครับ!”
มีกินแล้วก็มีดื่ม ทันใดนั้นทุกคนก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ต่างยิ้มแย้มขอบคุณ
ว่านชานชานกัดฟันกรอดมองไปทางลั่วเฉินและคนอื่นๆ จากนั้นเมื่อเหลือบเห็นเวยป๋อที่มีข้อความกับคอมเมนต์ส่งเข้ามามากขึ้นทุกที ก็แค่นหัวเราะ “คนพวกนี้ไม่กลัวอะไรจริงๆ ฉันไม่เชื่อว่าถึงตอนนั้นแล้วพวกเขาจะทนความกดดันไหว ไม่ยอมมาขอโทษ!”
………………………………………………………………