บทที่ 667 อยากแต่งงาน
ว่านชานชานมองทางหลิงเส่าเจ๋ออย่างประจบสอพลอ “เส่าเจ๋อ นายอย่าโกรธเลย กลับไปฉันจะให้คนทำข่าวนี้ให้เป็นประเด็นร้อน! จะมีคนเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนาย นายก็แค่รอเขาโดนด่าเถอะ! ไปคิดเล็กคิดน้อยกับพวกลูกคนรวยไม่มีมารยาทแบบนั้น มีแต่จะลดระดับนายให้ต่ำลง!”
ได้ยินคำพูดนี้ หน้าตาบึ้งตึงของหลิงเส่าเจ๋อถึงค่อยดูผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย
ถึงแม้ว่าจะโด่งดังมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน แต่ชื่อเสียงและคำชื่นชมของกงซวี่ เทียบกับเขาแล้วยังไม่ได้ถึงเสี้ยวเลย
ไม่ช้าก็เร็วไอ้ลูกคนรวยนั่นต้องทำตัวเองเดือดร้อนเอง!
ขณะเสี่ยวชิงกำลังยุ่งอยู่กับการแจกของขวัญให้ทีมงาน เยี่ยหวันหวั่นเดินมาตรงหน้าผู้จัดการกองถ่าย “เสี่ยวเฉิน เธอลองกินยานี้ดู แฟนฉันมีอาการคล้ายๆ กับเธอ วันนั้นของเดือนจะปวดท้องหนักมาก ตอนหลังไปหาแพทย์แผนจีนที่มีประสบการณ์มากเลยได้ยานี้มา บอกว่าได้ผลมาก เธอลองดู”
ที่จริงแล้วเยี่ยหวันหวั่นถามมาจากซุนไป๋เฉ่า ยาที่หมอเทวดาซุนจ่ายให้ ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน
ผู้จัดการกองถ่ายเสี่ยวเฉินมองใบหน้างดงามของชายหนุ่ม ใบหน้าเล็กๆ แดงขึ้นมาทันที “เอ่อ… นี่… จะรับไว้ได้ยังไง! ขอบคุณมากนะคะ!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร ไม่ได้หนักหนาอะไรเลย อีกอย่างถึงจะขอบคุณ ก็ควรเป็นผมขอบคุณคุณมากกว่า ขอบคุณที่คุณช่วยดูแลลั่วเฉิน!”
ผู้จัดการกองถ่ายเหมือนแค่ดูความเรียบร้อยของกองถ่าย แต่ก็ต้องดูแลงานจุกจิกทุกอย่างของทั้งกอง ต้องรวบรวมทีมคนดูแลทั้งหมด แบ่งเป็นแต่ละฝ่ายเพื่อทำงานในแต่ละวัน เรียกได้ว่าต้องคอยเป็นหูเป็นตาทุกอย่าง
อย่างเรื่องวันนี้ เสี่ยวเฉินก็ช่วยเหลือได้เยอะ…
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ได้ช่วยคุณก็ดีแล้ว ฉันก็ทนดูไม่ไหวที่พวกเขากลั่นแกล้งคนอื่น!”
เสี่ยวเฉินพูดด้วยสีหน้าละอาย จากนั้นนัยน์ตาเต็มไปด้วยความเสียดาย
ครั้งแรกที่เจอผู้จัดการเยี่ยคนนี้คือตอนที่บวงสรวงละคร ตอนนั้นเพราะว่าเธอปวดท้องประจำเดือนมากจนแทบตาย แต่ตอนนั้นยุ่งมาก ทิ้งงานไม่ได้ เธอเป็นแค่ผู้จัดการกองถ่ายตัวเล็กๆ จึงทำได้แค่อดทนไว้
มีเพียงเยี่ยไป๋คนเดียว ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้ว่าเธอปวดประจำเดือนได้ยังไง ถึงแอบให้ผู้ช่วยเอาแผ่นประคบร้อน น้ำต้มน้ำตาลทรายแดง และยาแก้ปวดมาให้เธอ แล้วยังให้ผู้ช่วยแบ่งงานเธอไปทำด้วย
ตอนนั้นเธอเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา อยากแต่งงาน…
เฮ้อ ผู้ชายระดับสูงแบบนี้ น่าเสียดายที่มีแฟนแล้ว…
ไม่ไกลออกไป กงซวี่เห็นเสี่ยวเฉินผู้จัดการกองถ่ายถูกเยี่ยไป๋เอาอกเอาใจจนยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้บาน ใบหน้าเล็กเขินอายแดงระเรื่อ ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างประหลาด
ก็แค่ผู้จัดการเล็กๆ คนหนึ่ง ทำไมต้องดีกับเธอขนาดนี้ด้วย! น่าโมโหจริงๆ! ถ้ามีเวลาว่างขนาดนั้น สู้มาเอาอกเอาใจเขาดีกว่า!
กงซวี่กำลังบ่นพึมพำ ข้างตัวก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
“กงซวี่…” ลั่วเฉินเดินมาตรงหน้ากงซวี่ ยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความอยากพูดแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
พอเห็นคนที่มาหา กงซวี่เปลี่ยนท่าทีเป็นไก่ชนที่พร้อมสู้ทันที “มีอะไร?”
“เรื่องเมื่อกี้…” ลั่วเฉินหยุดไป จากนั้นพูดต่อ “ขอบคุณนายมาก”
กงซวี่ได้ยินก็ถูๆ แขนทันที สีหน้าดูขัดเขิน “อย่ามาใช้สายตาน่าสะอิดสะเอียนมองฉัน ฉันไม่ได้ทำเพื่อนาย!”
“ฉันรู้ ยังไงก็ขอบคุณนะ” ลั่วเฉินเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เยี่ยหวันหวั่นถามขึ้น “คุยอะไรกันอยู่”
เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่นเดินเข้ามา กงซวี่รอไม่ไหวพูดขึ้นว่า “พี่เยี่ย เมื่อไรพี่จะดูแลผมเป็นพิเศษ ช่วยผมต่อบทบ้าง”
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “บทฉัน นายเอาไม่อยู่”
กงซวี่โดนแทงใจดำจนหน้างอในพริบตา “ฝีมือการแสดงของผมแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ…”
………………………………………………………………
บทที่ 668 สนิทมาก
“นายคิดว่าไงล่ะ ยังไม่หัดเดินเลย คิดจะวิ่งแล้วเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นใช้หางตามองเขา “บทที่ฉันให้นายไป ได้อ่านหรือยัง”
พอพูดถึงบท สองตาของกงซวี่เป็นประกายขึ้นมาทันที “อ่านแล้วๆ ครับ! ดีมากเลย! บทเล่มนั้นปรับแต่งมาเพื่อผมเลย! พระเอกหล่อมากเลยใช่ไหม!”
หล่อ?
เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นหนุ่มเจ้าสำราญที่ไม่ศึกษาหาความรู้อะไรเลย…
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ชอบก็ดีแล้ว”
กงซวี่รีบคะยั้นคะยอเร่งเร้า “พี่เยี่ย เมื่อไรพวกเราจะเริ่มถ่ายทำ ผมรอไม่ไหวแล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแล้ว นัยน์ตาเป็นประกายเล็กน้อย “ไม่เร็วขนาดนั้น นายไปเริ่มงานอื่นก่อน ยังมีหนังเรื่องนั้นที่บริษัทจัดการให้ เรื่องนี้ยังไม่รีบ”
“เอ๋? ทำไมล่ะ ผมอยากจะถ่ายเรื่องนี้ก่อน!” กงซวี่บ่นออดแอด
เดิมที เยี่ยหวันหวั่นเตรียมจะหาผู้ร่วมทุนมาถ่ายหนังเรื่องนี้ อาศัยชื่อเสียงของโกลบอล คิดว่าการหาผู้ร่วมทุนไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ช่วงนี้เธอได้ข่าวมาว่าหลานชายของฉู่หงกวงกำลังแอบสืบและหมายตากวงเย่ามีเดียอยู่เงียบๆ อีกทั้งเข้าไปในห้องทำงานฉู่หงกวงอยู่บ่อยครั้ง เกรงว่าจะเล็งกวงเย่าไว้แล้ว…
ในเมื่อจะไม่ให้ผลประโยชน์ตกไปอยู่กับบุคคลภายนอก ถึงตอนนั้นหนังเรื่องนี้ ทำไมเธอไม่ออกเงินถ่ายเองเลย?
นี่เป็นไพ่ตายใบใหญ่ที่สุดของเธอ ไม่สามารถรีบร้อนแบบนี้ได้…
เยี่ยหวันหวั่นพูดว่า “รอฝีมือการแสดงนายถึงขั้นใช้ได้ก่อนค่อยว่ากัน”
ถึงแม้ว่าเธอจะอาศัยทักษะโน้มน้าวนักแสดงให้อินกับบทได้ แต่นักแสดงควรมีความสามารถและความรู้มาก่อนหน้านี้ ไม่ใช่บอกว่าคนธรรมดาคนไหน เธอก็ทำให้เขาเล่นละครได้ทันทีไปเสียหมด แบบนั้นไม่สมจริง
ต้นแอปเปิลจะออกลูกเป็นผลส้มได้ยังไง นี่คือเหตุผลเดียวกัน
พื้นฐานของกงซวี่แย่เกินไป ให้เวลาเขามากหน่อยจะยิ่งปลอดภัยมากกว่า
“งั้นก็ได้…” กงซวี่พยักหน้าอย่างว่าง่าย จากนั้นจงใจเหลือบมองไปทางลั่วเฉิน
ได้รับการดูแลพิเศษตรงไหน พี่เยี่ยให้บทใหม่ที่ปรับมาเพื่อเขาเลยนะหึๆ…
“งานเลี้ยงบริษัทคืนนี้ นายจะไปกับฉันและลั่วเฉินตอนนี้ไหม หรือว่ามีธุระอย่างอื่น” เยี่ยหวันหวั่นถาม
กงซวี่พยักหน้าติดๆ กัน “ไปด้วยๆ! ผมต้องไปด้วยกันกับพี่เยี่ยอยู่แล้ว!”
ที่ผ่านมาสำหรับเขาแล้วพวกงานเลี้ยงบริษัทน่าเบื่อหน่ายที่สุด เขาไม่เคยไป แต่มีพี่เยี่ยอยู่ด้วยย่อมไม่เหมือนเดิมอยู่แล้ว
“ได้ งั้นไปกันเถอะ”
ครั้งชั่วโมงผ่านไป ที่บลูส์บาร์
เวลานี้ในบาร์มีคนมาไม่น้อยแล้ว พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นมาถึง ทุกคนต่างเข้ามาทักทาย
“ผู้อำนวยการ!”
“ผู้อำนวยการเยี่ย!”
“พี่เยี่ยพี่มานั่งตรงนี้!”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นนั่งลงตรงกลางโซฟาฝั่งตรงข้าม กงซวี่และลั่วเฉินนั่งขนาบซ้ายขวา
ถึงแม้ว่าภายหลังเธอได้รับช่วงต่อดูแลศิลปินหลายคน แต่ฐานะของลั่วเฉินกับกงซวี่ไม่เหมือนกัน กงซวี่ไม่ต้องพูดถึง แต่อย่างไรลั่วเฉินก็เป็นถึงศิลปินคนแรกที่เธอปั้นมากับมือ
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งนั่งลง เสียงมือถือก็ดังขึ้นมา เป็นสายโทรเข้าของหานเซี่ยนอวี่
หานเซี่ยนอวี่พูด “ฮัลโหล เยี่ยไป๋ อยู่ที่ไหน”
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “อยู่ที่บลูส์บาร์ มีงานเลี้ยงบริษัท มีอะไรหรือเปล่า”
หานเซี่ยนอวี่พูด “บังเอิญจัง ฉันก็อยู่ใกล้ๆ พอดีมีเรื่องจะปรึกษากับนายหน่อย สะดวกให้ฉันไปหาไหม”
เยี่ยหวันหวั่น “แน่นอน มาได้เลย”
หานเซี่ยนอวี่ “หึ ได้ ฉันจะถึงในอีกห้านาที”
เยี่ยหวันหวั่น “OK”
กงซวี่ที่อยู่ข้างหูผึ่งแล้ว “พี่เยี่ย ใครน่ะ”
“หานเซี่ยนอวี่” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
กงซวี่บ่นพึมพำ “อ้อ…พี่เยี่ย พี่สนิทกับหานเซี่ยนอวี่มากเหรอ ตัวเขาเองมีผู้จัดการอยู่แล้วแท้ๆ ทำไมมีเรื่องอะไรชอบมาปรึกษาพี่ตลอด!”
………………………………………………………………