แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 251 โอกาสชนะกี่เปอร์เซ็นต์ / บทที่ 252 ชะตาชีวิตตอนต่อไป

บทที่ 251 โอกาสชนะกี่เปอร์เซ็นต์

ในที่สุดคนทั้งสามก็ออกมาจากวงล้อมของนักข่าวได้สำเร็จ

“เยียนหรานเธอเป็นอะไรไหม? บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ต้องโทษฉันที่ปกป้องเธอได้ไม่ดี” ฉู่เฟิงตำหนิตัวเองไม่หยุด

เจียงเยียนหรานยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น ไม่พูดอะไรสักคำ ชัดเจนว่าได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมากจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้

เยี่ยหวันหวั่นกอดปลอบเธอไว้ จากนั้นก็บอกกับฉู่เฟิง “ส่งเยียนหรานกลับไปก่อน ทางที่ดีช่วงนี้อย่าเพิ่งออกไปไหน”

นักข่าวไม่มีทางปล่อยจุดชนวนแบบนี้ไปแน่ จะต้องนำบทสัมภาษณ์ช่วงนี้ของเจียงเยียนหรานไปเขียนข่าว

เป็นอย่างที่คิด วันถัดมาบทสัมภาษณ์ของเจียงเยียนหรานก็ถูกนักข่าวตีพิมพ์นอกบริบทเผยแพร่ไปทั่วทั้งโซเชี่ยล แฟนคลับของหานเซี่ยนอวี่ล้วนถูกขนานนามว่าเป็นแฟนคลับสมองพิการ บรรดาแฟนคลับที่ช่วยพูดแทนหานเซี่ยนอวี่ต่างก็ถูกพวกผดุงความยุติธรรมรุมโจมตีจนไม่เหลือชิ้นดี ถึงขึ้นเกิดเหตุการณ์ทำร้ายกับแฟนคลับ

ตามมาด้วย หนังสือพิมพ์ตงหนานที่นักข่าวร่างสูงโปร่งคนนั้นสังกัดอยู่ได้ขุดข้อมูลที่ยิ่งแฉได้อีก อดีตเจ้าหน้าคนหนึ่งที่เคยทำงานในคฤหาสน์ของหานเซี่ยนอวี่ได้ออกมาให้ข่าว พบเห็นหานเซี่ยนอวี่พาเด็กผู้หญิงหายเข้าไปในห้องเพียงลำพังนานกว่าครึ่งบ่าย ในห้องจะมีเสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิง ชวนให้ผู้คนพากันคิดจินตนาการไปต่างๆ นาๆ

หลักฐานทั้งหมดต่างกำลังชี้ให้เห็นความจริงที่ว่าหานเซี่ยนอวี่ขู่บังคับล่วงละเมิดเด็กผู้หญิง เรื่องซุบซิบในวงการบันเทิงที่ไร้เดียงสาได้แพร่สะพัดกลายเป็นประเด็นที่สังคมพากันพูดถึง…

หน้ากระจกบานใหญ่จากพื้นจรดเพดาน เยี่ยหวันหวั่นก้มหน้า ดึงจัดแขนเสื้ออย่างลวกๆ ริมฝีปากแดงชุ่มหยักยิ้มเล็กน้อย วินาทีถัดมา เธอพลันเงยหน้าขึ้นกระทันหัน บนใบหน้าที่สวยงามพลันถูกแทนที่ด้วยความดุดันประหลาดๆ และความไร้กฎเกณฑ์ ความงดงามอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาวค่อยๆ ถูกความสามารถอันแหลมคมกลืนกิน…

เวลานี้เอง บริเวณตึกใหญ่ของโกลเบิลเอ็นเตอร์เทนเม้นท์กำลังถูกบรรดานักข่าวที่กำลังโกรธเคืองและประชาชนที่ลุกฮือล้อมตึกไว้จนไม่มีช่องทางผ่านได้

หน้าต่างถูกขว้างปาของใส่เสียหายไปหลายบาน หน้าประตูมีกลิ่นไข่เน่าผักเน่าลอยฟุ้ง แม้แต่กลิ่นน่าขยะแขยงของปัสสาวะอุจจาระก็มี ตลอดทั้งวันล้วนแต่มีคนออกมาชูป้ายประท้วงเสียงดัง

“หานเซี่ยนอวี่ออกไปจากวงการซะ!”

“โกลเบิลให้ที่พักพิงเนื้อร้าย!”

“คืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียหาย!”

……

ณ ห้องประชุมของโกลบอล

ทุกคนต่างก้มหน้าไม่แสดงความคิดเห็น บรรยากาศอึดอัดจนแทบจะแช่เป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว

“ตอนนี้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตขนาดนี้แล้ว คนเป็นขบวนวิ่งมาตะโกนด่าอยู่นอกบริษัทไม่เว้นแต่ละวัน ตอนนี้พวกนายพากันเป็นใบ้ไปหมดแล้วเหรอ สรุปว่าเรื่องนี้จะแก้ไขยังไง? วันนี้พวกนายจะต้องช่วยกันคิดหาวิธีการมาให้ฉัน” ฉู่หงกวง ประธานโกลเบิลเอ็นเตอร์เทนเม้นท์โยนหนังสือพิมพ์หลายฉบับลงบนโต๊ะประชุม ตะคอกระเบิดโทสะ ร่างกายอวบท้วมกระเพื่อมหอบหายใจ ก่อนที่เขาจะสูดลมหายใจลึกสุดปอด พยายามกดความโมโหในใจลงไป แล้วมองมาทางทนายความที่อยู่ตรงข้าม

“ผมขอถามหน่อยคุณทนาย คดีนี้เรามีโอกาสชนะเท่าไร?”

ทนายความหน้าซีด กล่าวตอบด้วยอาการแข็งทื่อ “ตอนนี้ความคิดเห็นของประชาชนล้วนเอนเอียงไปที่เด็กผู้หญิง หมู่ประชานิยมกำลังเดือดดาล ศาลก็ถูกกดดันด้วยเสียงของประชาชนไม่น้อย ต่อให้ต้องขึ้นศาลกันจริงๆ ลำพังเพียงแค่ต้องย้ายกลับไปสู่ความคิดเห็นของสาธารณชน ตามหาหลักฐานที่บิดเบือนไปจริงๆ เกรงว่าต้องลากเวลายาวนาน…”

“ยาวนาน? ต้องนานแค่ไหน!” ฉู่หงกวงทำหน้าเครียด เรื่องราวยิ่งยืดเยื้อ สำหรับหานเซี่ยนอวี่ก็เท่ากับรอวันตายอย่างช้าๆ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาทองของหานเซี่ยนอวี่ หากว่าเวลานี้มีข่าวเสียหายมาทับตัวแบบนี้ เกรงว่าเส้นทางแห่งดวงดาวคงต้องพังยับเยินแน่ จะมีผู้กำกับและสปอนเซอร์เจ้าไหนมาใช้ดาราที่มีข่าวฉาวติดตัวแบบนี้?

ทนายกลืนน้ำลาย ให้ตัวเลขที่เป็นประเพณีนิยม

“สถานการณ์ดีที่สุด ก็ต้องสองสามปี…”

…………………………………

บทที่ 252 ชะตาชีวิตตอนต่อไป

“สองสามปี?!” ฉู่หงกวงหน้าเครียดคล้ำ หากต้องแบกจุดดำแบบนี้ไปสองสามปี ต่อให้สุดท้ายได้ชัยชนะ หานเซี่ยนอวี่ก็ไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง แล้วยังต้องมารักษาชื่อเสียงของบริษัทอีกหลายปี

“ยังมีวิธีอื่นอีกไหม?”

ทนายความลังเลอยู่ครู่หนึ่่งแล้วเอ่ยว่า “ผมเสนอให้ไกล่เกลี่ยนอกศาล พยายามลดผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ให้น้อยที่สุด”

เฟยหยางได้ยินก็ร้อนใจขึ้นมาทันที “ทำอย่างนั้นได้ไง ไกล่เกลี่ยนอกศาลไม่เท่ากับเป็นการยอมรับผิดเหรอ? ทั้งชีวิตนี้เซี่ยนอวี่ก็ล้างมลทินนี้ไม่หมด!”

เวลานี้ ผู้ชายใบหน้าสง่างาม สวมชุดสูทสีเทานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเฟยหยางได้เอ่ยเนิบช้า “ดังนั้นเพื่อหานเซี่ยนอวี่คนเดียว จะลากศิลปินทั้งหมดของบริษัทลงคลองไปด้วย?”

เฟยหยางหน้าเปลี่ยนสีไปถนัดตา “โจวเหวินปิน คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”

โจวเหวินปินหยักไหล่ “เฟยหยาง เป็นคนอย่าเห็นแก่ตัวเกินไป เรื่องนี้เกิดจากหานเซี่ยนอวี่ ทำให้ลำบากกันไปทั่วทั้งบริษัท หุ้นก็ตกครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้พวกคุณไม่มีหลักฐานแก้ต่างสักกะอย่างเดียว หรือว่าอยากให้ทุกคนในบริษัทถูกลากลงคลองรอวันตายไปด้วยกันงั้นเหรอ”

คำพูดของโจวเหวินปินดึงเสียงสนับสนุนจากผู้จัดการดาราคนอื่นไม่น้อย

“เหวินปินพูดถูก ไม่มีเหตุผลที่พวกเราทุกคนต้องตามเช็คบิลความผิดแทนหานเซี่ยนอวี่เลย”

“ฉันก็คิดว่าวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้คือยุติการสูญเสียทันที”

เสียงถกเถียงของผู้คนพลันดังขึ้น แทบจะทั้งหมดเห็นด้วยกับวิธีการส่วนตัว และมีคนจำนวนไม่น้อยแอบก่นบ่นไม่พอใจ ไม่พอใจที่เรื่องนี้ของหานเซี่ยนอวี่ทำให้ศิลปินในสังกัดของพวกเขาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย

ท่ามกลางเสียงถกเถียงพักหนึ่ง สีหน้าของเฟยหยางยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ โกรธจนมือสั่น

ตอนแรกที่หานเซี่ยนอวี่โด่งดัง มีคนมาตามประจบสอพออยู่เท่าไร ศิลปินภายใต้สังกัดของผู้จัดการที่กล่าวเสียงสนับสนุนพวกนี้ มีคนไหนบ้างที่ไม่ขยี้ประเด็นร้อนของหานเซี่ยนอวี่?

“เซี่ยนอวี่ คุณพูดอะไรหน่อยสิ พวกเขาจะบีบคุณจนตายแล้วนะ” เฟยหยางอดไม่ไหวพูดกับหานเซี่ยนอวี่ที่เอาแต่นั่งเงียบไม่เอะอะทักท้วงอะไร

หานเซี่ยนอวี่นั่งนิ่งอยู่ในห้องประชุม ไม่ได้ยินเสียงถกเถียงหรือเอะอะรบกวนรอบกายเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ใบหน้าซีดขาว กับรอยคล้ำใต้ตาได้เผยความอ่อนเพลียในช่วงเวลานี้ของเขาเท่านั้น

เขามองกลุ่มคนที่ต้องการจะทิ้งขว้างเขาด้วยสายตาเย็นชา ในแววตาคู่นั้นพูดไม่ออกว่าเป็นรสชาติใด

โจวเหวินปินได้ยินเสียงสนับสนุนของผู้คนรอบข้าง ใบหน้าฉายแววความได้ใจอย่างไม่ทันสังเกตเห็น แล้วหันไปกล่าวกับฉู่หงกวง “ท่านประธานฉู่ครับ เรื่องราวเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงบริษัท ขอให้ท่านรีบตัดสินใจด้วยครับ”

ฉู่หงกวงได้ฟังข้อโต้แย้งของเหล่าลูกน้องพวกนั้น พลันรู้สึกปวดหัวไม่อาจตัดสินใจได้ แน่นอนว่าเขายังอาลัยอาวรไม้ทำเงินอย่างหานเซี่ยนอวี่อยู่ แต่พิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว คิดอยากจะรับหานเซี่ยนอวี่กลับมาเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้แล้ว หากยังดึงรั้งต่อไปเกรงว่าคงได้รับผลกระทบกันทั้งบริษัทแน่ แม้แต่ชื่อเสียงของศิลปินภายใต้สังกัดบริษัทคงต้องถูกขึ้นบัญชีดำด้วย

เฟยหยางมองดูฉู่หงกวงที่เริ่มหวั่นไหว พลันรีบเอ่ย “เจ้านาย เซี่ยนอวี่ไม่เคยทำเรื่องอะไรแบบนั้นจริงๆ สามีภรรยาคู่นั้นกำลังแบล็กเมล์ เจตนาพวกเขาชัดเจนว่าต้องการเงิน หากว่าให้เงินไปแบบหลับหูหลับตาเช่นนี้ งั้นชีวิตของเซี่ยนอวี่ก็จบเห่นะสิ”

“เฟยหยาง หานเซี่ยนอวี่ทำหรือไม่ได้ทำเรื่องนั้นตอนนี้มันสำคัญด้วยเหรอ?” โจวเหวินปินแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา กวาดตามองหานเซี่ยนอวี่ที่มีสีหน้าซีดขาวพลางกล่าว “สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาเป็นคนทำหรือไม่ได้เป็นคนทำ แต่คนข้างนอกล้วนตัดสินแล้วว่าเรื่องนี้เขาเป็นคนทำต่างหาก”

เฟยหยางคิดอยากจะเถียงกับโจวเหวินปิน

ฉู่หงกวงกลับยกมือขึ้นมาขวางการถกเถียงของคนทั้งสอง เขาเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “เหวินปินพูดไม่ผิด หานเซี่ยนอวี่เป็นคนทำหรือไม่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือ จะปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทอย่างไรต่างหาก”

คำพูดของฉู่หงกวง ทำให้เฟยหยางหน้าซีดเหมือนศพในพริบตา เขารีบหันไปมองหานเซี่ยงอวี่ทันที

หานเซี่ยนอวี่ที่ได้แต่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างมาโดยตลอด บนใบหน้าหล่อเหลานั้นเหลือเพียงอาการชาและตายด้าน เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้นของฉู่หงกวงที่ว่า “เป็นคนทำหรือไม่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ” เขาเพียงแต่ชักมุมปากเล็กน้อย

เฮอะ ไม่สำคัญ…

ทุกคนต่างคิดว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ…

ท่ามกลางสายตารอคอยของทุกคน ฉู่หงกวงสูดลมหายใจ ขยับมุมปากเล็กน้อยเตรียมจะเอ่ย

หานเซี่ยนอวี่หลับตาลงช้าๆ ไม่จำเป็นต้องฟังคำพูดต่อไปของฉู่หงกวง เขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าชะตาชีวิตตอนต่อไปของเขา…

“สำหรับเรื่องข่าวฉาวครั้งนี้ของหานเซี่ยนอวี่ จากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฉันตัดสินใจเพื่อสถานการณ์โดยรวมของบริษัท ทำตามคำแนะนำของทนายความ ทำการไกล่เกลี่ยนอกศาล…”

“ปัง” เสียงดัง พลันกลบคำพูดประโยคสุดท้ายของฉู่หงกวงไป

ผู้คนในห้องประชุม ต่างพากันหันมองไปตามทิศทางของเสียง

…………………………………

Options

not work with dark mode
Reset