บทที่ 271 หนามยอกเอาหนามบ่ง
เฟยหยางใจเย็นลงด้วยคำเตือนสติของหานเซี่ยนอวี่ จากนั้นลองไตร่ตรองอย่างละเอียด “เจอนายพูดแบบนี้ ก็เหมือนจะจริงอย่างที่ว่า…
หากแยกดูหลักฐานแต่ละอย่าง เหมือนว่าจะไม่มีอะไร ยกตัวอย่างข้อความน่าเกลียดใต้คลิปนั่นของจ้าวต้าหย่ง จากระดับของเขาแล้วจะพูดจาแบบนี้ก็ไม่แปลกอะไร ต่อให้นำบันทึกสนทนาทั้งหมดของเขามารวมกัน อย่างมากสุดก็พิสูจน์ได้เพียงว่าเขามีแนวโน้มทำอนาจารเด็กและมีจริยธรรมต่ำตม…
ที่เขาส่งโพสต์รูปนั้นของลูกสาว หากแยกจากหลักฐานอื่นมาดูก็จะเป็นการอวดลูกสาวธรรมดาเท่านั้นเอง เหมือนกับรูปถ่ายที่นายนอนบนเตียงกับพวกเด็กๆ ภาพนั้น ดูเดี่ยวๆ ก็เป็นรูปภาพธรรมดาทั่วไป…
ส่วนคำให้การของเพื่อนบ้าน มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเพื่อนบ้านมีเรื่องบาดหมางใจกับเขาอยู่จริง คำให้การของเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ก็ยืนยันแค่ว่าเขาดื่มสุราแล้วจะชอบทำร้ายคน
เพื่อนบ้านของจ้าวต้าหย่งก็เหมือนกับแฟนเก่านายคนนั้น คำพูดของพวกเขาคนอื่นมักจะเชื่อง่ายกว่า…”
พูดมาถึงตรงนี้ เฟยหยางตระหนักถึงบางอย่างขึ้นมาทันที นิ่งอึ้งไป “หรือ…หรือว่าจ้าวต้าหย่งเดิมทีก็ไม่ใช่…”
หานเซี่ยนอวี่เอ่ยเสียงเบา “เขาใช่หรือไม่ใช่มันไม่สำคัญแล้ว”
ได้ยินประโยคนี้ของหานเซี่ยนอวี่ เฟยหยางรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี “นายพูดไม่มีผิด มันไม่สำคัญแล้ว สิ่งสำคัญก็คือในสายตาของคนอื่น สรุปว่าเขาทำหรือไม่ทำ…”
เฟยหยางจ้องมองในวิดีโอถ่ายทอดสด มองเงาร่างขาวที่ลุกขึ้นและเดินออกจากงานสื่อมวลชนไป พลางจัดระเบียบความคิดเรื่องราวตั้งแต่ต้น “เยี่ยไป๋ไม่ได้ให้คนของโกลบอลออกโรง เพราะแค่มีคนของโกลบอลเข้าร่วมด้วย ไม่ว่าจะพูดอะไร ความน่าเชื่อถือก็จะถูกหักลบไปมาก
ไม่ใช่ว่าโกลบอลไม่เคยกล่าวหาจ้าวต้าหย่งว่าติดเหล้าติดพนันซ้อมลูกเมีย แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะทุกคนต่างคิดว่าโกลบอลกำลังใส่ร้ายจ้าวต้าหย่ง เพื่อจะล้างมลทินตัวเองให้ขาวสะอาด เขาจึงไปขอความร่วมมือจากมาร์สวีคเอ็นสำนักข่าวที่เคยมีบารมีสูงมากในวงการนี้
เขาจัดการให้เกาเฟยไม่บอกทุกคนแต่แรกว่าวีแชทข้อความนั้นเป็นฝีมือของจ้าวต้าหย่ง แต่ปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิด สุดท้ายถึงได้บอกความจริง พิชิตใจทุกคนอย่างคาดไม่ถึง
หลังจากทำลายภาพลักษณ์พ่อผู้มีความเมตตา เปิดโปงนิสัยที่แท้จริงของเขาแล้ว คำพูดหลังจากนั้นของเกาเฟยก็จะทำให้สื่อเชื่อถือได้ง่ายขึ้น
ต่อจากนั้นตั้งแต่ที่เขาโพสต์รูปถ่ายของลูกสาว จวบจนพยานบุคคลต่างๆ ที่เรียกกัน ท้ายที่สุดเกาเฟยตั้งใจยั่วโมโหจ้าวต้าหย่งให้ต่อยนักข่าว เรื่องราวทั้งหมดมันเหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับนายเลย…”
หานเซี่ยนอวี่ถอนหายใจยาว เสริมคำพูดที่เฟยหยางยังพูดไม่จบว่า “หนามยอกเอาหนามบ่ม”
เรื่องที่เยี่ยไป๋สร้างขึ้นมานี้ ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นการเลียนแบบเรื่องราวที่จ้าวต้าหย่งเคยใช้สื่อกระทำต่อเขามาก่อน และส่งคืนสิ่งที่เขาเคยเผชิญในช่วงเวลานั้นให้ตัวจ้าวต้าหย่งทีละเรื่องๆ ทั้งหมด
ไม่เพียงเท่านี้ แผนการของเยี่ยไป๋ยังสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ จนแม้แต่เฟยหยางที่คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปีก็ดูไม่ออก จึงไม่ต้องพูดถึงนักข่าวพวกนั้นในงานวันนี้และบรรดาชาวเน็ตเลย
เนื่องจากเขาเคยผ่านเรื่องราวทั้งหมดนี้มากับตัวเอง จึงมองแผนการของเยี่ยไป๋ออก
หานเซี่ยนอวี่จดจ้องแผ่นหลังคนนั้นที่หายไปจากหน้าประตูห้องโถงในหน้าจอถ่ายทอดสด พลันมีความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้พลุ่งพล่านอยู่ในอก
เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ…คนคนนั้นไม่เพียงทำได้แล้ว…แต่ยังเลือกวิธีการแบบนี้มาล้างมลทินให้เขา…
…………………………………………………..
บทที่ 272 วิธีการแบบนี้
จ้าวต้าหย่งสูญเสียการควบคุมอารมณ์ไปแล้ว งานแถลงข่าวเลยโดนบังคับให้จบลง
หน้าประตูโรงแรมปักกิ่งโดนสื่อห้อมล้อมเบียดเสียดแน่นไปหมด นายจ้าวและภรรยาเดินอย่างยากลำบาก
“คุณจ้าว เรื่องที่คุณชอบเด็กและกระทำชำเราลูกสาวตัวเอง คุณมีอะไรอยากจะพูดไหม?”
“คุณนายจ้าวคุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่าคะ?”
“นอกจากลูกสาวคุณแล้ว คุณยังล่วงละเมิดเด็กคนอื่นอีกหรือไม่?”
…….
รอบด้านเต็มไปด้วยสื่อที่บ้าคลั่งและแสงแฟลชแสบตา คำถามแทงใจสารพัดต่างถาโถมเข้ามา จ้าวต้าหย่งโดนฝูงคนเบียดเสียดจนเวียนหัวไปหมด ท่ามกลางความวุ่นวายเขาโดนกล้องกระแทกไปหลายรอบ
หลี่เฉียวหงรู้แค่ว่าให้ตอบไปว่าไม่รู้ ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น
ได้ยินคำถามที่ยิ่งถามยิ่งไร้สาระ จ้าวต้าหย่งโมโหจนอกแทบแตกแล้ว “พูดมั่วๆ! ใส่ร้าย! ทั้งหมดเป็นการใส่ร้าย! นักข่าวนั่นใส่ร้ายผม! ผมไม่ใช่พวกใคร่เด็กอะไรเลย ยิ่งไม่มีทางทำเรื่องอย่างนั้นกับลูกสาวเด็ดขาด! นักข่าวอย่างพวกคุณโง่กันไปหมดแล้วหรือไง? แม้แต่คำพูดอย่างนี้ก็ยังเชื่อ!”
“แล้วข้อความพวกนั้นที่คุณโพสต์ในเน็ตจะอธิบายว่ายังไง หรือว่าคุณไม่ได้พูดจาล่วงละเมิดเด็กห้าหกขวบเท่านั้น ยังพูดจาละลาบละล้วงผู้หญิงในเน็ตด้วยครับ?”
“ผม…ตอนนั้นผมแค่หลุดปากไป…ผมไม่เคยทำ…”
“แล้วคำให้การของเพื่อนบ้านคุณล่ะจะอธิบายว่ายังไง?”
“เจ้านั่นมันไม่พอใจผมเลยตั้งใจป้ายสี ใส่ร้ายผม! ผมอธิบายไปร้อยรอบแล้ว พวกคุณต้องให้ผมพูดอีกกี่ครั้ง!”
“เพื่อนบ้านคนหนึ่งมีเรื่องผิดใจกับคุณได้ หรือว่าเพื่อนบ้านทุกผิดใจกับคุณหมด? มีหลักฐานชัดเจน หรือว่าคุณยังจะปฏิเสธอยู่?”
“แม่ง!”
“ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหรอ? คุณเอาแต่บอกว่าหานเซี่ยนอวี่อ้างการกุศลหลอกทำร้ายลูกสาวคุณ เรื่องจริงคงไม่ใช่ตัวคุณเองขายลูกสาวให้เขาหรอกนะครับ!”
“ขายปู่แกสิ!”
“ถ้าอย่างนั้นคุณใส่ร้ายหานเซี่ยนอวี่เพื่อเงินใช่ไหม?”
……..
สื่อตามถามจ้าวต้าหย่งอย่างบ้าคลั่ง ไม่รู้เห็นอะไร จู่ๆ ก็กรูกันไปอีกทางหนึ่ง
เกาเฟยออกมาจากโรงแรมแล้ว
“นักข่าวเกา ตั้งแต่แรกคุณก็สงสัยในพฤติกรรมของจ้าวต้าหย่งแล้วใช่ไหม?”
“ผมก็แค่คาดเดาอย่างสมเหตุสมผลตามข้อมูลที่ได้รับมาเท่านั้นครับ”
“ถ้าอย่างนั้นนักข่าวเกา ขอถามหน่อยว่าคุณมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องจริงที่กลับตาลปัตรแบบนี้?”
เกาเฟยเหลือบมองเหยียนเจิ้งหยางที่มีสีหน้าย่ำแย่อยู่ท่ามกลางผู้คน ตอบช้าๆ ว่า “ดูจากภายนอกก็เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน เอาเรื่องจริงคืนให้ประชาชน ผมก็แค่ทำเรื่องที่ผมควรทำ ผมเชื่อ ความยุติธรรมไม่มีวันหายไป!”
ได้ยินน้ำเสียงเย้ยหยันในคำพูดของเกาเฟย เหยียนเจิ้งหยางโมโหจนแทบกระอักเลือด
ช่วงเวลานี้เขาคอยวิ่งเต้นเรียกร้องความเป็นธรรมให้จ้าวต้าหย่งมาตลอด ตอนแรกเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายมีความชอบธรรม ตอนนี้โดนเกาเฟยทำจนเป็นแบบนี้ ชื่อเสียงเขาไม่เหลือแล้ว เขากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดช่วยผู้ร้ายจ้าวต้าหย่งไปแล้ว
เหยียนเจิ้งหยางมองตาปริบๆ ดูเรื่องราวเลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้ และคอยหาโอกาสพูดแทรกอยู่ข้างๆ อยากจะอธิบาย อยากจะพลิกกระดาน อยากด่าเกาเฟยว่าหลักฐานพวกนั้นหลอกลวงและเชื่อถือไม่ได้
แต่ว่าไม่มีใครสักคนสนใจเขา
ความสนใจของทุกคนไปอยู่ที่การนินทาข่าวฉาวเรื่องพ่อล่วงละเมิดลูกสาวตัวเองที่ไม่มีข่าวไหนมาเทียบได้
เทียบกับหานเซี่ยนอวี่ทำร้ายเด็กผู้หญิง ข่าวนั้นจืดสนิทไปเลย พ่อของเด็กผู้หญิงที่ฟ้องร้องหานเซี่ยนอวี่จ้าวต้าหย่งกลับเป็นพวกใคร่เด็กเสียเอง เรื่องพลิกผันที่ทำให้คนตื่นตกใจแบบนี้สามารถดึงดูดความสนใจได้มาก
สื่อก็รู้ดีว่าข่าวแบบไหนที่ควรค่าแก่การขุดคุ้ย
ทำไมเขาถึงคิดไม่ออก เดิมทีหมากนี้อยู่ในกำมือแล้ว ทำไมถึงกลับตาลปัตรภายในพริบตา
อาศัยแค่แหล่งข่าวจากมาร์สวีคเอ็นที่ใกล้ปิดตัวแล้ว?
หรือว่า… เบื้องหลังมีใครควบคุมอยู่?
เป็นอิทธิพลฝ่ายไหนกันแน่ ถึงลงมือด้วยวิธีการแบบนี้ได้…
…………………………………………….