บทที่ 275 ความจริงกระจ่าง
หลังจากรับสายจากคนแปลกหน้าเสร็จ จ้าวต้าหย่งก็จมอยู่ในความเงียบงันเนิ่นนาน
คำพูดสุดท้ายของคนคนนั้นเหมือนดั่งคำสาปแช่ง ดังซ้ำไปมาอยู่ในหัวเขาไม่หยุดหย่อน
‘ชีวิตนี้ของคุณจะอยู่กับการระรานของสื่อและคำด่าของคนบนโลก…’
นี่เพิ่งไม่กี่วันเอง เขาก็แทบจะเป็นบ้าแล้ว แล้วถ้าทั้งชีวิตล่ะ?
ถึงแม้ไม่รู้ว่าคนที่โทรหาเขาคือใคร แต่ที่อีกฝ่ายพูดทั้งหมดคือเรื่องจริง
ก่อนหน้านี้เขามั่นใจและไม่เกรงกลัวอะไร เป็นเพราะสื่อกับผู้คนต่างคอยคุ้มครองเขา
แต่ตอนนี้ไม่มีใครเชื่อคำพูดเขาแล้ว คนที่เคยอยู่ข้างเขากลับไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามหมดแล้ว เขาไม่เพียงแต่ขู่หานเซี่ยนอวี่ไม่ได้อีก ทั้งยังโดนทุกคนทอดทิ้งด้วย
เมื่อคิดถึงข้อนี้ ฟางเส้นสุดท้ายของจ้าวต้าหย่งค่อยๆ มลายหายไป…
หลายวันต่อมา
ตอนที่เสียงเรียกร้องบนโซเชียลมีเดียให้จัดการจ้าวต้าหย่งกำลังทวีความรุนแรงขึ้น หลังผู้คนที่โกรธแค้นก่อเรื่องใช้ความรุนแรงหลายครั้ง จ้าวต้าหย่งก็โพสต์ข้อความหนึ่งลงในเวยป๋อ บอกว่าเขาจะจัดแถลงข่าวอีกครั้ง จะพูดความจริงให้กระจ่างทุกเรื่อง
วันแถลงข่าวนั้น ผู้คนล้นหลาม เทียบกับครั้งที่แล้วก็มากกว่าหลายเท่าตัวเลย
สองสามีภรรยาก้มหน้าลง ยืนอยู่ต่อหน้าสื่อและผู้คนที่โมโหด้วยสีหน้ายอมจำนน
ใบหน้าจ้าวต้าหย่งดูห่อเหี่ยว สีหน้าดูซีดเซียว ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และการโจมตีอย่างบ้าคลั่งติดต่อกันหลายวัน ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
งานแถลงข่าวเพิ่งเริ่มต้น เขาก็แทบทนไม่ไหวรีบชี้แจงด้วยถ้อยคำที่เตรียมไว้แล้ว “หานเซี่ยนอวี่ไม่ได้ทำอนาจารและล่วงละเมิดลูกสาวผมเลย ทั้งหมดนี้ผมเป็นคนสร้างเรื่องเอง ผมทำเพื่อเงินค่าชดเชย ถึงได้จงใจสร้างเรื่องโกหกแบบนี้ขึ้นมา
ผมสอนให้ลูกสาวพูดคำพูดพวกนั้นแล้วบันทึกคำสารภาพพวกนั้นเอง และผมก็เป็นคนโน้มน้าวให้ภรรยาช่วยหลอกลวงสื่อ แต่ผมไม่ใช่พวกใคร่เด็กจริงๆ ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับลูกสาว จุดประสงค์ตั้งแต่แรกของผมคือแค่อยากจะเอาเงินจากหานเซี่ยนอวี่มาแค่นั้น…”
ได้ยินคำพูดจ้าวต้าหย่งก็เงียบงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นพากันฮือฮา
“คุณพระคุณเจ้า! หานเซี่ยนอวี่โดนใส่ร้ายจริงเหรอเนี่ย!”
“สามีภรรยาคู่นี้จิตใจโหดเหี้ยมมาก! ทำเรื่องเลวทรามกับคนที่จิตใจดีช่วยเหลือพวกเขาแบบนั้นได้?”
“หน้าละลายเกินต้านเลยจริงๆ!”
จ้าวต้าหย่งอยากให้พวกสื่อปล่อยตัวเองไป ดังนั้นเลยพูดขอโทษอย่างจริงใจ “ผมไปศาลถอนฟ้องแล้ว ขอโทษด้วยครับ ขอโทษจริงๆ ขอโทษสื่อที่ช่วยเหลือพวกเรามาตลอด ขอโทษเพื่อนชาวเน็ตที่คอยสนับสนุนให้กำลังใจพวกเรา ขอโทษลูกสาวผม ภรรยาผม ที่ผมขอโทษที่สุดก็คือคุณหานเซี่ยนอวี่…
ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ ผมหน้ามืดตามัวไป ผมสติเลอะเลือน ขอให้ทุกคนให้อภัยผมด้วย…”
จ้าวต้าหย่งพูดไปก็โค้งคำนับลงต่ำมาก หลี่เฉียวหงที่อยู่ข้างๆ ก็ขอโทษทุกคนเหมือนกัน
ทุกคนได้ยินคำขอโทษของสองสามีภรรยา ต่างด่าด้วยความขุ่นเคือง
“แค่ขอโทษก็จบเหรอ? เห็นพวกเราเป็นไอ้โง่นี่!”
“มีเจตนาร้ายหลอกให้พวกเราเห็นใจ ทำเกินไปแล้ว!”
เหล่าแฟนคลับของหานเซี่ยนอวี่ที่อยู่ในงานได้ยินคำสารภาพของจ้าวต้าหย่ง ได้ยินคำขอโทษของเขา ทั้งหมดทนไม่ไหวร้องไห้ด้วยความตื่นเต้น
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าหานเซี่ยนอวี่ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้! สื่อกับชาวเน็ตนี่ยังมีหน้ามาว่าสามีภรรยาจ้าวต้าหย่งอีก ตัวพวกเขาเองไม่ใช่คนที่ควรขอโทษที่สุดหรือไง?”
“โชคดีที่พวกเรารอจนสำเร็จ! ในที่สุดสิ่งที่พวกเรารอคอยก็มาถึง! รอวันนี้ที่ความจริงกระจ่างแจ้ง!”
“ความยุติธรรมอาจจะมาช้า แต่ความยุติธรรมไม่มีวันหายไป!”
…..
จิ่นหยวน
เยี่ยหวันหวั่นที่ดูถ่ายทอดสดอยู่ได้ยินประโยคที่ผู้คนป่าวร้องกันอย่างมีพลังว่า ‘ความยุติธรรมอาจจะมาช้า แต่ความยุติธรรมไม่มีวันหายไป!’ อดไม่ได้รู้สึกปลงอนิจจัง
ประโยคนี้เป็นคำสุภาษิต มาจากประโยคเดิมที่ว่า ‘Justice delayed is justice denied’ หมายความว่า ‘ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความไม่ยุติธรรม’ ต่อมาระหว่างการแปลความหมายก็ค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นประโยคข้างต้น
ชาติที่แล้วหานเซี่ยนอวี่รอจนความยุติธรรมมาถึง แต่ตอนนั้นชีวิตเขาโดนทำลายไปหมดแล้ว ความยุติธรรมที่มาช้าจะมีความหมายอะไร?
ความยุติธรรมที่ล่าช้า ไม่สมควรถูกเรียกว่าความยุติธรรมเลย
…………………………………………..
บทที่ 276 ทำไมถึงเป็นผู้หญิง
คอนโดหรูแห่งหนึ่ง
ในพริบตาที่จ้าวต้าหย่งพูดความจริงออกมาทั้งยังกล่าวขอโทษ เฟยหยางที่เดิมทีตื่นเต้นเสียจนไม่กล้าหายใจดังพลันกระโดดขึ้นด้วยความดีใจ
“บอกว่าเจ็ดวันก็เจ็ดวันจริงๆ! ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่วันเดียว! ฉันคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเยี่ยไป๋จะคืนความบริสุทธิ์ให้นายยังไงกันแน่ นึกไม่ถึงว่าจะให้จ้าวต้าหย่งพูดความจริงออกมาด้วยตัวเอง! ทีนี้นายก็หมดห่วงสักทีนะ!
ครั้งนี้นับว่าแทงถูกข้างจริงๆ! โชคดีที่ในการประชุมก่อนหน้านี้นายเลือกที่จะเชื่อเขา!
โจวเหวินปิน ไอ้เลวนั่น คำนวณเกมซะดิบดี หวังแต่จะให้นายตกกระป๋อง บริษัทจะได้ชูคนของเขา ฉันจะดูสิว่าเขาจะอวดดียังไงอีก…”
ขณะที่เฟยหยางกำลังตื่นเต้นดีใจ กลับพบว่าหานเซี่ยนอวี่เอาแต่เหม่อมองโทรศัพท์ จึงเรียกเขา “เซี่ยนอวี่…เซี่ยนอวี่? คิดอะไรอยู่ นายเห็นหรือยัง? จ้าวต้าหย่งขอโทษนายต่อหน้าทุกคนแล้วนะ!”
“เห็นแล้ว” หานเซี่ยนอวี่ยังคงสไลด์มือถือตัวเองไปมา
เฟยหยางเห็นดังนั้นก็นิ่งคิดเล็กน้อย “นายกำลังรอเยี่ยไป๋โทรมาใช่ไหม? จริงด้วย…นี่มันกี่วันแล้ว…ทำไมเขาไม่โทรมาสักที…ฉันโทรไปถามเองดีกว่า…”
เฟยหยางพูดจบก็โทรออกไป
ผลคือโทรศัพท์ดังอยู่นานแต่ไม่มีคนรับสาย
“ทำไมไม่รับนะ?” เฟยหยางพึมพำด้วยความสงสัย
ขณะที่ทางเฟยหยางกำลังจะวางสาย ในที่สุดก็มีคนรับโทรศัพท์ จากนั้นเสียงหวานละมุนไร้ที่เปรียบก็ลอยมาตามสาย “สวัสดีค่ะ ใครคะ?”
เฟยหยางถูกเสียงผู้หญิงที่ปลายสายสะกด จากนั้นทำหน้าเหลอหลา “สวัสดีครับ คุณคือ…”
หานเซี่ยนอวี่อยู่ใกล้ๆ ก็ได้ยินแว่วๆ ว่าคนที่รับสายเป็นผู้หญิง จึงขมวดคิ้วถาม “โทรผิดเหรอ?”
เฟยหยางมองที่โทรศัพท์แวบหนึ่ง “ไม่นะ หรือว่าฉันกดผิด ทำไมถึงเป็นผู้หญิงได้? เซี่ยนอวี่นายเอาเบอร์ให้ฉันดูอีกทีซิ!”
ในขณะเดียวกัน ที่สวนจิ่นหยวน
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งดูถ่ายทอดสดจบ เตรียมจะไปอาบน้ำ กำลังหาเสื้อผ้าเปลี่ยนอาบน้ำ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ร้องดัง
เพราะว่าเป็นเบอร์แปลก เธอจึงรับสายโดยไม่ได้คิดอะไรมาก ใครเลยจะรู้ พอรับสายก็ได้ยินเสียงที่พอคุ้นเคยดังมาจากปลายสาย เหมือนว่าจะเป็นเฟยหยาง
ประมาทเกินไปแล้ว…
เยี่ยหวันหวั่นรีบกุมโทรศัพท์เอาไว้แล้วเคลียร์คอ เปลี่ยนเป็นเสียงผู้ชาย “สวัสดีครับ ผู้จัดการเฟยเหรอครับ? ผมคือเยี่ยไป๋!”
ก่อนหน้านี้เธอได้ศึกษาวิธีการเปลี่ยนเสียงมาและจับทริกได้อย่างรวดเร็ว นับว่าเปลี่ยนเสียงได้ราบรื่น จะมีก็แต่เหตุการณ์ปล่อยไก่อย่างตอนนี้ ดูท่าต่อไปต้องระวังอีกสักนิด
ได้ยินเสียงเยี่ยไป๋ลอยมาจากปลายสาย เฟยหยางถึงได้ยกโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง “คุณเยี่ยเหรอครับ ผมยังหลงคิดว่าผมโทรผิดอยู่เลย! เมื่อครู่นี้เป็น…?”
เฟยหยางเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
เยี่ยหวันหวั่นตอบไปส่งๆ ว่า “เพื่อนของผมน่ะครับ ผู้จัดการเฟย มีเรื่องอะไรเหรอ”
เฟยหยางได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสนใจทันที
เพื่อนเหรอ? เพื่อนที่ดึกขนาดนี้แล้วยังอยู่ด้วยกัน คงไม่ใช่แฟนหรอกนะ?
แต่เขาหน้าตาดีขนาดนั้น มีแฟนก็เป็นเรื่องธรรมดานี่นา…
เฟยหยางดึงสติกลับมา รีบเอ่ยว่า “อะแฮ่ม คุณเรียกผมว่าเฟยหยางก็พอแล้วครับ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เพียงแต่อยากจะบอกคุณว่าผมกับเซี่ยนอวี่ดูไลฟ์สดแล้ว น้องเยี่ยสุดยอดไปเลย! ไม่ใช่แค่พลิกมติมหาชน ยังเอาคืนไอ้เลวนั่นอย่างสาสม คืนความบริสุทธิ์ให้เซี่ยนอวี่ของพวกเราได้อย่างหมดจด! ขอบคุณน้องเยี่ยมากจริงๆ ต้องการอะไรบอกมาได้เลย!”
“พี่หยางเกรงใจเกินไปแล้วครับ สิ่งที่ผมอยากได้ ผมจะไปรับจากประธานฉู่เอง” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
เฟยหยางเห็นว่าอีกฝ่ายพูดอย่างตรงไปตรงมา กลับยิ่งรู้สึกดีขึ้นอีกมาก “ถ้าอย่างนั้นก็ดี…”
เวลานี้เอง หานเซี่ยนอวี่ที่อยู่ด้านข้างยื่นมือเข้ามา เป็นความหมายว่าให้เฟยหยางส่งโทรศัพท์ให้ตัวเอง
“น้องเยี่ย เซี่ยนอวี่จะพูดกับนาย” เฟยหยางส่งโทรศัพท์ให้หานเซี่ยนอวี่
หานเซี่ยนอวี่เงียบอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พูดออกมาเพียงสองคำ “ขอบคุณ”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินคำขอบคุณของหานเซี่ยนอวี่ หัวเราะเอ่ยว่า “ถ้าคิดจะขอบคุณผมจริงๆ วันไหนมีโอกาสช่วยเซ็นลายเซ็นให้ผมหน่อยได้ไหมครับ? ผมจะเอาให้เพื่อน เขาต้องดีใจมากแน่ๆ!”
หานเซี่ยนอวี่พยักหน้าตอบด้วยเสียงหนักแน่น “ได้สิ”
……………………………………………..