บทที่ 367 ตกใจจนหัวใจดวงน้อยสั่นไปหมด
เยี่ยหวันหวั่นเหมือนจะฉุกคิดได้ว่าคำพูดของตนเองออกจะล่อแหลมชวนให้เข้าใจผิดได้ มุมปากกระตุกตามสัญชาตญาณ
ก็แค่ให้นายถอดเสื้อผ้าเท่านั้นเอง ไม่ต้องทำหน้าตกอกตกใจขนาดนั้นก็ได้?
พี่สาวอย่างฉันมองดูนายถอดเสื้อผ้าสิถึงจะเรียกว่าเสี่ยงอันตรายหนักมาก ตกใจจนหัวใจดวงน้อยสั่นไปหมดแล้ว…
เธอรู้ดีเป็นเพราะประสบการณ์ที่ผ่านมา ลั่วเฉินจึงระแวดระวังสูงมาก น่าจะยังไม่เชื่อตนอย่างสนิทใจ แต่ว่าหากเขายังรักษาท่าทีเช่นนี้ต่อไป เช่นนั้นการทำงานต่อไปของเธอก็จะลำบากมาก
สิ่งสำคัญที่สุดระหว่างศิลปินและผู้จัดการก็คือ ความเชื่อใจ
ไม่รู้ว่าลั่วเฉินกำลังนึกถึงสิ่งใดอยู่ กัดริมฝีปากแน่น เลือดฝาดบนใบหน้าก็ค่อยๆ ซีดหายไป
สายตาของเขาชะงักค้างอยู่ที่ผู้ชายหน้าโต๊ะทำงาน แม้เขาจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา แต่ก็เห็นสีหน้าที่ยังคงเรื่อยๆ สบายๆ นัยน์แววตาไร้ซึ่งความคิดสกปรกและความกระอักกระอ่วนใจใดๆ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสายตาของโจวเหวินปินเวลาที่มองเขา มันเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาและความอยากได้มาครอง…
เยี่ยหวันหวั่นรู้ดีว่าความเชื่อใจไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างออกมาด้วยระยะอันสั้นได้ อย่างไรแล้วในอดีตลั่วเฉินก็มีเงาดำทางจิตใจอันแสนสาหัส
ได้เห็นลั่วเฉินสีหน้าซีดขาว ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจไม่บังคับใจเขา พลางกล่าว “ช่างเถอะ นายไม่…”
ทว่าผลลัพธ์ เธอเพิ่งจะอ้าปากเตรียมจะบอกว่าไม่ต้องแล้ว กลับเห็นลั่วเฉินลุกพรวดขึ้นมา สองมือจับปลายเสื้อทั้งสองด้าน จากนั้นก็ถกชายเสื้อพลิกขึ้น ถอดเสื้อยืดสีขาวที่ออกจะเก่าไปบ้างตัวนั้นออก
สิ่งนี้ออกจะเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับเยี่ยหวันหวั่น คิดไม่ถึงเลยว่าด้วยระดับความเกลียดชังและความรังเกียจผู้ชายของลั่วเฉินแล้ว เขาจะสามารถทำได้ถึงขั้นนี้
หลังจากอึ้งงันไปครู่หนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นก็เริ่มพิจารณารูปร่างของลั่วเฉิน
ปกติเวลาที่สวมเสื้อผ้าก็จะดูไม่ค่อยออก ตอนนี้หลังจากถอดเสื้อแล้ว เยี่ยหวันหวั่นถึงได้เห็นว่าลั่วเฉินนั้นผอมจนเกือบจะเสียทรงแล้ว ผอมจนเห็นกระดูก ผิวก็ซีดขาวเหมือนกับไม่ได้เจอแสงแดดมาหลายปี…
นี่คือผลลัพธ์ที่เธอให้เขาฝึกเรียนกับอาจารย์สอนศิลปการต่อสู้กว่าครึ่งเดือนงั้นเหรอ…
แย่กว่าที่เธอจินตนาการไว้อีก…
เยี่ยหวันหวั่นปวดหัวจนต้องนวดขมับ แม้จะพูดว่าขึ้นกล้องแล้วจะอ้วนขึ้นห้ากิโล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายิ่งผอมจะยิ่งดี หุ่นของลั่วเฉินนี้เรียกว่าผอมเกินเกณฑ์แล้ว
หากว่าต้องถ่ายฉากที่ต้องเผยกล้ามเนื้อ หุ่นแบบเขานี้ไม่มีทางจะมองเห็นได้เลย!
ก่อนหน้านี้เธอตั้งใจพลิกสคริปต์แล้ว แตกต่างไปจากละคร “มังกรผงาด1” ลั่วเฉินเป็นเด็กหนุ่มผู้ไร้พิษสงทั้งยังบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ถึงแม้เขาจะอ่อนแอนุ่มนิ่มก็ไม่เป็นอะไรเลยสักนิด แต่ว่าอายุและบุคลิกนิสัยของลั่วเฉินในละคร “มังกรผงาด2” ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก จะมาติดภาพความเป็นเด็กหนุ่มอีกต่อไปไม่ได้แล้ว อีกทั้งมีหลายฉากในละครที่จะต้องเผยสัดส่วนด้วย
ไม่ใช่ว่าถึงเวลานั้นต้องใช้ตัวแสดงแทนนะ?
ด้วยข้อกำหนดด้านคุณภาพที่เข้มงวดของผู้กำกับซ่งจินหลินแล้ว ไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้อย่างแน่นอน
เยี่ยหวันหวั่นจดบันทึกลงสมุดโน๊ตสองสามข้อ พลันเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “ไม่ไหว นายผอมเกินไป ต้องเพิ่มไขมันก่อน แล้วค่อยเพิ่มกล้ามเนื้อ ฉันจะกลับไปทำสมุดวางแผนให้ แล้วนายก็ทำตามนั้น
อีกอย่างฉันจัดการเรื่องหลักสูตรการฝึกอบรมอื่นๆ แล้วก็เรื่องนักโภชนาการไว้ให้แล้ว หอพักก็ขอมาให้ได้แล้ว เพื่อสะดวกต่อการจัดการของฉัน นายต้องมาพักอยู่กับฉัน นี่คือกุญแจห้อง นายย้ายเข้ามาเย็นนี้ได้เลย
ก่อนหน้านี้ฉันส่งวิดีโอฉบับเต็มที่ถ่ายไว้ครั้งก่อนให้กับกองละคร “มังกรผงาด2” แล้ว เมื่อกี้เพิ่งได้รับอีเมลจากทางกองละคร แจ้งมาว่านายผ่านการทดสอบรอบแรกแล้ว กลับไปเตรียมตัวให้ดี เดือนหน้าจะมีการออดิชั่น ส่วนฉันพักอยู่ชั้นบนของนาย มีเรื่องอะไรก็มาหาฉันได้ตลอดเวลา!”
ลั่วเฉินอึ้งงันฟังอีกฝ่ายพูดถึงการเตรียมการในอนาคตทั้งหมดของเขา พลางมองลูกกุญแจที่อีกฝ่ายส่งมาให้ มีตัวอักษรสลักไว้ว่า “หว่านจิ่งหมิงหยวน” พลันมึนงงไปชั่วขณะกว่าจะรับมากำแน่นไว้ในฝ่ามือ พยักหน้าเงียบๆ พลางตอบรับเบาๆ “ครับ”
…………………………………
บทที่ 368 บอสของคุณหน้าตาโดดเด่นเกินไป
เวลางานของผู้จัดการยืดหยุ่น และไม่ต้องอยู่ที่บริษัททุกวัน เยี่ยหวันหวั่นจัดตารางฝึกซ้อม โค้ชออกกำลังกาย และนักโภชนาการให้ลั่วเฉินเรียบร้อย ทั้งยังประกาศรับสมัครพนักงานในทีมบนอินเทอร์เน็ต แล้วเรียกรถไปเยี่ยกรุ๊ป
เลขาพาเธอไปยังห้องทำงานของท่านประธานทันที
น่าจะสังเกตได้ว่าผู้ชายคนนี้ที่มีความสัมพันธ์ลึกลับกับท่านประธาน วันนี้แลดูมีเรื่องกลุ้มใจ เลขาเลยลองถามขึ้นมา “คุณเยี่ย วันนี้เหมือนคุณมีเรื่องไม่สบายใจเลย?”
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว ไม่ปฏิเสธ “ใช่แล้ว! ไม่สบายใจ…”
เลขากะพริบตา “ทำไมคะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
หรือว่าท่านประธานเขา… อารมณ์เสียอีกแล้ว?
เลขาได้ยินหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อข้างตัวเองถอนหายใจด้วยความเศร้า “บอสของคุณหน้าตาโดดเด่นเกินไป…”
เลขา…หา?
ทำไมน้ำเสียงนี้… มีความรู้สึกเหมือนเห็นแฟนสาวหน้าตาสวยเกินไปแล้วหงุดหงิด…
ในห้องทำงานท่านประธาน
บทที่เยี่ยหวันหวั่นเข้าไป ซือเยี่ยหานมีธุระเรื่องหนึ่งยังจัดการไม่เสร็จ กำลังสนทนาทางวีดีโออยู่หน้าคอมพิวเตอร์กับใครไม่รู้
เยี่ยหวันหวั่นเลยเดินไปนั่งที่โซฟา ระหว่างรอ ก็เท้าคางมองอย่างเหม่อลอยไปทางชายหนุ่มหน้าโต๊ะทำงานกำลังสวมหูฟังบลูทูธพูดภาษาเยอรมันอย่างคล่องแคล่ว
ด้านหลังชายหนุ่มเป็นหน้าต่างทั้งบาน ขอบฟ้าเป็นแสงสีเพลิงของพระอาทิตย์ที่ส่องทะลุเมฆ เทียบกับใบหน้าเย็นชาถึงขีดสุดของชายหนุ่มแล้วเห็นความต่างชัดเจนมาก กลายเป็นภาพที่สวยงามอย่างที่สุด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดที่คิ้วยกสูงขึ้น รูม่านตาที่ดำมืดและลึก ริมฝีปากบาง ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ หาผู้เทียมเท่าไม่ได้
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าแค่นั่งอย่างสบายอยู่ตรงนั้นเท่านั้นเอง ใบหน้าปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ไม่มีไออุ่นของมนุษย์อยู่เลย แค่มองแวบเดียวก็ทำให้คนรู้สึกว่าความเจริญรุ่งเรืองที่ผ่านมา เทียบไม่ได้กับความสวยงามที่เจริญตาตรงหน้านี้…
เยี่ยหวันหวั่นถอนสายตาออกมาด้วยความยากลำบาก เกือบจะทรุดลงเอาแก้มมุดเข้าไปในฝ่ามือ
สร้างบาป…
สะดุดตา…
นี่สะดุดตาเกินไปแล้ว…
สะดุดตาแบบนี้ จะให้เธอพากลับไปยังไง?
หากเธอกลับไปให้พ่อแม่เห็น แล้วยังต้องกังวลหนักอีก?
นี่ทำร้ายตัวเองชัดๆ…
………..
สุดท้าย เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้เจตนาร้ายเลือกจะไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่ภัตตาคารระดับหรู แต่เลือกบาร์ร้านหนึ่ง
เห็นชัดว่าเป็นสถานที่ที่ไม่เข้ากับลักษณะบุคลิกของซือเยี่ยหานเลย แต่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง ความมีตัวตนของซือเยี่ยหานก็เหมือนกับสถานที่ที่ปลูกดอกท้อที่เงียบสงบ รู้สึกสดชื่น
เยี่ยหวันหวั่นกำลังใช้สมอง จ้องมองคนงามตรงข้ามแล้วถอนหายใจด้วยความกังวล เห็นซือเยี่ยหานวางแก้วเหล้าในมือลงช้าๆ เงยหน้าขึ้นมา เอนตัวไปที่โซฟาด้านหลัง ทันใดนั้นสายตาที่มีพลังดึงดูดอย่างรุนแรงก็ตกลงมาที่ใบหน้าเธอ ริมฝีปากบางเอ่ยถาม “มองพอแล้ว?”
“แค่กๆๆๆ …” เยี่ยหวันหวั่นอึ้งไปก่อน ตามมาด้วยเสียงไอขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตอนนี้ถึงเพิ่งรู้ตัวว่าสายตาตัวเองมองอย่างไร้ยางอายมาก เลยพูดอย่างเคอะเขิน “นั่นเป็นเพราะ… คุณหน้าตาดีไง!”
ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็สงบอารมณ์ตัวเองลง เตรียมจะพูดเข้าเรื่อง “ที่รักคะ เมื่อคืนที่ฉันพูดในงานเลี้ยงวันเกิดคุณปู่คุณได้ยินหมดแล้วใช่ไหม? คำพูดพวกนั้นที่ฉันกับกู้เยว่เจ๋อยกเลิกสัญญาแต่งงาน…”
ซือเยี่ยหาน “อืม”
มองดูสีหน้าซือเยี่ยหาน น่าจะอารมณ์ดีอยู่
สายตาเยี่ยหวันหวั่นเป็นประกายทันที เลยลองพูดอย่างหยั่งเชิง “งั้น… เห็นแก่ที่ฉันว่านอนสอนง่ายมากขนาดนี้ จะขอร้องคุณเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่งได้ไหมคะ?”
ซือเยี่ยหานจิบเหล้า เหลือบตามองเธอ “ลองว่ามา”
…………………………………………………