บทที่ 409 ไม่อยากจะเชื่อ
หลิวอิ่งโมโหอกแทบระเบิด กระโจนเข้าใส่เยี่ยหวันหวั่นอย่างบ้าคลั่งไม่คิดชีวิต ท่าทางเหมือนกับจะให้พินาศไปด้วยกัน
ครั้งนี้สิบเอ็ดจะไม่พูดไม่ได้แล้ว “หลิวอิ่ง! หยุดเดี๋ยวนี้!”
ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยเป็นที่สุดเสียงนี้ หลิวอิ่งหยุดชะงัก การเคลื่อนไหวพร้อมโจมตีของลูกน้องพลันชะงักงันเช่นเดียวกัน มองไปทางชายหนุ่มอย่างตกตะลึง อุทาน “นาย…”
สิบเอ็ดถอดหน้ากากออก มองไปทางหลิวอิ่งพลางกล่าว “หลิวอิ่ง อย่าวู่วาม ฉันเอง!”
“นาย…สิบเอ็ด?” หลังจากได้เห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากแล้ว หลิวอิ่งตะลึงงัน สวี่อี้ก็งงด้วยเช่นกัน
คนอื่นๆ เดิมทีเตรียมพร้อมจะเป็นมัจฉาตายตาข่ายขาด[1] ต่างพากันงุนงงอยู่ตรงนั้น
และสิ่งที่ทำให้พวกเขายากจะเชื่อก็คือ ตามมาด้วยการที่ผู้ติดตามคนอื่นๆ ของหญิงหม้ายชุดดำทยอยกันถอดหน้ากากออก…
ได้เห็นผู้ติดตามเผยโฉมหน้าที่แท้จริงทีละคน เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยคนแล้วคนเล่า สีหน้าของหลิวอิ่ง สวี่อี้ ซ่งจิ้งและคนอื่นๆ เหมือนกับกำลังฝันไป
คนเหล่านี้…สมาชิกขององค์กรกุหลาบแห่งความตาย…ที่แท้ก็คือสายลับทีม1 ที่อารักขาไปส่งเยี่ยหวันหวั่นหนีไป? !
พวกเขาไปกันแล้วไม่ใช่เหรอ?
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
ทำไมคนของกุหลาบแห่งความตายจึงเป็นสายลับทีม1ได้?
หรือว่า…เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องไม่จริง?
สายลับทีม1 ปลอมตัวเป็นกุหลาบแห่งความตายงั้นเหรอ?
นี่มันเป็นอะไรที่ยากจะเชื่อจริงๆ…
กุหลาบแห่งความตายก็คือสายลับทีม1 เช่นนั้น…หญิงหม้ายชุดดำ…
ไม่รู้ว่าคิดอะไรได้ สายตาของหลิวอิ่งพลันมองไปทางเยี่ยหวันหวั่น
ตามมาด้วยสายตาตกตะลึงของหลิวอิ่ง เยี่ยหวันหวั่นยื่นมือออกมาค่อยๆ ถอดหมวกออกจากศีรษะ เพียงพริบตาใบหน้างดงามที่ถูกผ้าโปร่งดำบดบังอยู่ก็เผยสู่สายตาของผู้คน
ได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นค่อยๆ เผยออกมาจากหลังผ้าโปร่งสีดำ รูม่านตาของหลิวอิ่งก็หดเกร็งลงไปทีละนิด สุดท้ายกลายเป็นความตกใจและอาการตกตะลึงอย่างมาก แข็งทื่อไปทั้งตัวราวกับเป็นรูปปั้น
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเล็กน้อย พลางกล่าว “หัวหน้าหลิวอิ่ง ไม่เจอกันนานสบายดีไหม”
สตั้นไปสิบวินาทีเต็มๆ หลิวอิ่งถึงเรียกสติกลับมาได้ อุทาน “เยี่ย…เยี่ยหวันหวั่น! ! !”
นี่…นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!
หญิงหม้ายชุดดำก็คือเยี่ยหวันหวั่นเหรอ?
เมื่อครู่นี้ผู้หญิงที่ออร่าแรงกล้า สยบพันธมิตรเลือดให้กลัวจนปัสสาวะราดยอมถอยล่นกลับไปก็คือ…เยี่ยหวันหวั่น?
ไม่เพียงแต่หลิวอิ่ง ทุกคนต่างก็ตกตะลึงพูดอะไรไม่ออกอยู่ตรงนั้น อาการเหมือนกับเจอผีอะไรอย่างนั้น
“ทำ…ทำไมถึงเป็นคุณ…คุณไม่ได้ไปแล้วเหรอ…แล้วก็สายลับทีม1…พวกนาย…ทำไมถึงได้…” เพราะตกใจเกินไป หลิวอิ่งจึงพูดจาจับใจความไม่ค่อยได้
สีหน้าของสวี่อี่ก็ค่อนข้างซับซ้อนปนความประหลาดใจ ถึงว่าเมื่อครู่นี้เขาจึงรู้สึกว่าคุ้นหูคุ้นตากับน้ำเสียงและรูปร่างของผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน โดยเฉพาะเวลาที่เธอเข้าใกล้นายท่าน และตอนที่เธอตั้งใจยั่วโมโหหลิวอิ่ง ความรู้สึกคุ้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
แต่ว่าให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ที่แท้เธอ…ก็คือเยี่ยหวันหวั่น!
ซ่งจิ้งที่อยู่ข้างกายหลิวอิ่งก็มีสีหน้าว่างเปล่า เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าอย่างไรดี
เมื่อครู่นี้คนที่ช่วยชีวิตเขาไว้…ก็คือผู้หญิงที่ชอบสร้างปัญหาไม่มีตรงไหนดีเลยนอกจากถ่วงขาหลังคนนั้น?
ทุกคนต่างมองหน้าสบตากัน ผ่านไปนาน ผู้คนที่งุนงงเหมือนอยู่ในความฝันก็ได้สติกลับคืนมา
“สิบเอ็ด นี่…นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?” หลิวอิ่งถามด้วยความประหลาดใจ
สิบเอ็ดคาดเดาปฎิกิริยาตอบสนองของพวกเขาได้ตั้งแต่แรกแล้ว เห็นเช่นนี้จึงตอบยิ้มๆ “พูดไปเรื่องมันยาว สรุปคือครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณหนูเยี่ยมากๆ เข้าด้านในกันก่อนค่อยคุยเถอะ! บาดแผลของพวกนายจำเป็นต้องรีบจัดการ!”
หลิวอิ่งหมดคำจะพูด
จัดการบาดแผลกับผีอ่ะสิ! ตอนนี้เรื่องสำคัญคือบาดแผลงั้นเหรอ? เขาอยากรู้แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!
…………………………………
บทที่ 410 เกิดอันตรายขึ้นจริง
ในเวลาเดียวกัน ณ บ้านใหญ่แห่งตระกูลซือ เมืองหลวง
คุณหญิงย่ากำลังดื่มชาอยู่ที่ห้องรับแขก
ฉินรั่วซีกับกรรมการบริษัทอีกคนหนึ่งเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน
“พวกเธอสองคน ทำไมมาตอนนี้ได้?” คุณหญิงย่าเช็ดศีรษะด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน
ไม่รู้ว่าเป็นอะไร วันนี้ทั้งวัน เธอรู้สึกจิตใจไม่สงบเอาเสียเลย
เห็นฉินรั่วซีกับคนเก่าแก่ระดับสูงของบริษัทมาหาในเวลานี้ ลางสังหรณ์ร้ายก็ยิ่งทวีเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ฉินรั่วซีมองกรรมการบริษัทข้างกาย สีหน้าของกรรมการบริษัทลำบากใจราวกับยากที่จะเอ่ยปาก มองฉินรั่วซีแล้วเอ่ยว่า “คุณหนูรั่วซี คุณเป็นคนพูดเถอะครับ!”
ฉินรั่วซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากทบทวนคำพูดอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้น “คุณย่าคะ หนูมีเรื่องอยากจะขอคำปรึกษา แต่หลังจากคุณย่าได้ฟังแล้ว…ต้องคำนึงถึงสุขภาพให้มาก อย่าได้ตกใจจนเกินไปนะคะ…”
คุณหญิงย่าได้ยินดังนั้น คิ้วพลันขมวดมุ่น “เรื่องอะไร? ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ค่ะ…” ฉินรั่วซีสูดหายใจเข้าลึก “คือว่า เก้าเกิดเรื่องขึ้นแล้วค่ะ…”
สีหน้าของคุณหญิงย่าเปลี่ยนไปทันที รีบเอ่ยซักถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “เจ้าเก้า? เจ้าเก้าเป็นอะไร?”
ฉินรั่วซีเอ่ยเสียงเครียด “”คณะเดินทางของเก้าถูกอำนาจไม่ทราบฝ่ายปิดล้อมที่ประเทศ B สวี่อี้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือมา พวกเรารีบส่งความช่วยเหลือไปทันที แต่คิดไม่ถึงเลยว่า อำนาจนั้นไม่ธรรมดาเลย ทั้งประเทศ B ล้วนตกอยู่ใต้ตาข่ายอำนาจของเขา คนของพวกเราหาตำแหน่งที่แน่นอนของพวกเขาไม่ได้เลย ข่าวของทางสวี่อี้ก็ถูกตัดขาด พวกเราตอนนี้…สูญเสียช่องทางติดต่อทางนั้นโดยสิ้นเชิง…”
ตอนนี้พวกซือเยี่ยหานขาดการติดต่อไปอย่างสิ้นเชิง สาบสูญไร้ร่องรอย ไม่รู้ชะตากรรม แม้จะกังวลว่าคุณหญิงย่าจะรับไม่ไหว แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาไม่กล้าปิดบังเอาไว้
ทันทีที่ฉินรั่วซีกล่าวจบ คุณหญิงย่าผุดลุกขึ้นทันที ทว่ายืนขึ้นได้เพียงครึ่งเดียวก็หงายหลังเป็นลมหมดสติไปเพราะข่าวนี้สร้างความสะเทือนใจมากเกินไป
“คุณย่า!”
“คุณหญิงย่า!”
เพราะคุณหญิงย่าหมดสติไปอย่างกะทันหัน ทำให้ภายในห้องรับแขกวุ่นวายเป็นพัลวัน
ฉินรั่วซีสั่งให้พ่อบ้านไปเรียกหมอมาดูอาการพลางรีบกดจุดเหรินจง[2]ของคุณหญิงย่า
ผ่านไปครู่หนึ่งคุณหญิงย่าถึงได้ฟื้นคืนสติ พอฟื้นขึ้นมาก็รีบคว้าเสื้อของฉินรั่วซีเอาไว้ “เธอ…เธอพูดว่าอะไรนะ! รั่วซี เมื่อกี้นี้เธอพูดว่าอะไร? เจ้าเก้าและพวกถูกจับไปอย่างนั้นเหรอ?”
“จากสถานการ์ณตอนนี้ ใช่ค่ะ…” สีหน้าฉินรั่วซีเคร่งเครียด ใต้ตาหมองคล้ำ เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืน
ใบหน้าของคุณหญิงย่าเต็มไปด้วยความมืดคล้ำ “พวกมันเป็นใคร ถึงกล้าลงมือกับพวกเราตระกูลซือ!”
“เป็นฝีมือขององค์กรหนึ่งที่ชื่อว่าพันธมิตรเลือด ไม่เคยมีความแค้นเคืองกับตระกูลซือมาก่อน หนูเดาว่า พวกมันคงถูกจ้างมา” ฉินรั่วซีตอบ
ได้ยินชื่อพันธมิตรเลือด สีหน้าคุณหญิงย่าพลันยิ่งซีดขาว เห็นได้ชัดว่าเคยได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับองค์กรนั้น
ใครกัน โกรธแค้นอะไร ถึงได้จ้างคนเลวพวกนี้มาทำร้ายตระกูลซือ…
ตอนแรกเธอเดาว่า เป้าหมายของอีกฝ่ายจะเป็นอุปกรณ์ราคาแพงลิ่วชิ้นนั้น หรือว่าเพื่อทำลายการเจรจาสำคัญครั้งนี้
ตอนนี้มองดู นี่มัน…นี่มันใช่การจับตัวที่ไหน? นี่มันต้องการให้เจ้าเก้าตายชัดๆ!
เวลานี้ คุณหญิงย่านึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่ชิ่นอวี้มาอยู่เป็นเพื่อนคุย บอกว่าก่อนเดินทาง หวันหวั่นเอาแต่รั้งเจ้าเก้า วางแผนขัดขวางการเดินทาง แล้วยังฝันว่าเขาอาจจะมีอันตราย
ตอนนั้นเธอแค่คิดว่ายัยหนูคนนั้นเอาแต่ใจไม่รู้ความ หาข้ออ้างเรื่อยเปื่อยไม่ให้แฟนไปทำงานต่างประเทศนานขนาดนั้น…
ใครจะรู้ว่า..เจ้าเก้ากลับเจออันตรายเข้าจริงๆ…
……………………………………………………………………..
[1] มัจฉาตายตาข่ายขาด หมายถึง ต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย
[2] จุดเหรินจง คือ ตำแหน่งที่อยู่ระหว่างริมฝีปากบนกับรูจมูก คนจีนเรียกจุดนี้ว่าจุดเหรินจง การกดจุดนี้จะช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง อัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจให้กลับมาเป็นปกติ ใช้กับอาการช๊อค หมดสติ โคม่า ลมแดด ชักแบบเฉียบพลัน