บทที่ 411 ไม่ธรรมดาจริงด้วย
เพราะอาการบาดเจ็บของหลิวอิ่งและซ่งจิ้งสาหัสมาก หลังจากถึงประเทศจีนแล้ว จึงหาสถานที่ที่ใกล้ที่สุดทำการรักษาพวกเขาก่อนเป็นอันดับแรก
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ในที่สุดทุกคนที่อยากรู้เรื่องราวจนอดไม่ไหวก็ได้ฟังสิบเอ็ดอธิบายความเป็นมาของเรื่องที่เกิดขึ้น
สิบเอ็ดสู้กับสายตาที่จับจ้องมาที่ตัวเองแล้วเริ่มเล่าตั้งแต่ต้น “ตอนนั้น พวกเราส่งคุณหนูหวันหวั่นไปถึงเขตปลอดภัยแล้วจริงๆ แต่ว่า พอถึงที่นั่น คุณหนูหวันหวั่นกลับปฏิเสธไม่ยอมหนีไป!”
“ไม่ยอมหนีไป?” สวี่อี้พึมพำ
“ใช่แล้ว ตอนนั้นพวกเราทุกคนโมโหมาก ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่โรงแรม ในสถานการ์ณหนีตายแบบนี้ เธอยังจะเอากระเป๋าที่มีแต่เสื้อผ้าและเครื่องสำอางไปด้วยให้ได้ พวกเราเข้าใจผิดคิดว่าครั้งนี้เธอเอาแต่ใจขึ้นมาอีกแล้ว คิดไม่ถึงว่า…”
เมื่อย้อนนึกอีกครั้ง น้ำเสียงของสิบเอ็ดยังคงตื่นเต้น “กระเป๋าเดินทางใบนั้นที่เธอยืนกรานจะเอาไปด้วยให้ได้ ข้างในมีแต่อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการปลอมตัวเป็นกุหลาบแห่งความตาย…”
หลิวอิ่ง สวี่อี้และทีมบอดี้การ์ดทุกคนได้ยินดังนั้นต่างมองหน้ากันไปมา
ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เยี่ยหวันหวั่นคอยทะนุถนอมยิ่งกว่าอะไร ที่แท้ใส่ของพวกนี้เอาไว้อย่างนั้นเหรอ?
หลิวอิ่งรีบถาม “แล้วจักจั่นไหมทอง อาวุธของหญิงหม้ายชุดดำล่ะ?”
สิบเอ็ดถูจมูก “เอ่อ คุณหนูหวันหวั่นบอกว่า ซื้อมาจากบนอินเตอร์เน็ตในราคาเก้าจุดเก้าหยวน…เสื้อผ้าพวกนั้นทั้งหมดก็สั่งทำจากร้านบนอินเตอร์เน็ต…เพราะว่าซื้อเยอะ…เลยเป็นราคาส่ง…ตัวหนึ่งไม่ถึงหนึ่งร้อยหยวน…”
สีหน้าทุกคนต่างนิ่งอึ้ง
อาศัยอุปกรณ์ราคาถูกที่ซื้อมาจากบนอินเตอร์เน็ต ไล่พันธมิตรเลือดที่ชื่อเสียงน่าหวาดกลัวเสียกระเจิง?
หากไม่ใช่เพราะว่าเมื่อกี้พวกเขาประสบกับเรื่องทั้งหมดนี้มาเอง…นี่คงเหมือนกำลังฟังนิทาน…
“แต่คำถามคือ ทำไมเธอถึงได้รู้เรื่องราวของกุหลาบแห่งความตายดีขนาดนี้ รู้แม้แต่ตัวตนที่แท้จริงของ K ? แล้วยังเตรียมของพวกนี้ไว้พร้อมล่วงหน้า?” สมาชิกทีมคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
นี่เหมือนจะเป็นความสงสัยของทุกคน
สิบเอ็ดแบมือทั้งสองขึ้น “เรื่องนี้เหรอ…ฉันเองก็ไม่รู้แล้ว…”
เวลานี้เอง ซ่งจิ้งที่เปลือยกายท่อนบนอยู่ข้างๆ ทั้งตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผลไอขึ้นเบาๆ พึมพำว่า “เอ่อ…นั่นอะไรน่ะ คงไม่ใช่ว่าดูแม่นอีกแล้วหรอกนะ?”
พูดเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์พลันยากจะอธิบาย
มาถึงวันแรก เยี่ยหวันหวั่นก็พูดถูกเรื่องหลิวอิ่งมีเคราะห์จะเสียเลือด มาถึงวันที่สาม เยี่ยหวันหวั่นทายทักว่าซ่งจิ้งจะมีเคราะห์ด้านความรัก แม้กระทั่งก่อนมา เธอยังมั่นใจมากว่าการเดินทางครั้งนี้ของนายท่านมีอันตราย…
ทุกเรื่องที่เธอทำนาย ทุกอย่าง ล้วนเกิดขึ้นจริงทั้งหมดแล้ว
“สุดยอดไปเลย! ฉันเพิ่งจะค้นพบว่า สิ่งที่คุณหนูหวันหวั่นเคยพูดไว้ เหมือนว่าจะเป็นจริงทั้งหมดเลย…”
“นี่มันแม่นเกินไปแล้วมั้ง?”
“เจ๊งเป้ง! ไม่เสียแรงที่เป็นผู้หญิงที่นายท่านชอบ! ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!”
ทุกคนพากันฮือฮา แต่ว่าย่อมมีคนที่ยังมีความสงสัยอยู่ในใจ มีคนดูดวงเป็นจริงๆ ที่ไหนกัน?
ผู้หญิงบอบบางธรรมดาๆ คนหนึ่งอย่างเธอ ไปรู้รายงานลับพวกนี้มาจากที่ไหน?
ฟังสิบเอ็ดเล่าจบ เห็นสีหน้าสงสัยของทุกคน สวี่อี้กวาดตามองทุกคนพลางเอ่ยว่า “ไม่ว่าคุณหนูหวันหวั่นจะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร สิ่งที่สามารถมั่นใจได้คือ เธอช่วยพวกเรา ช่วยชีวิตพวกเราทุกคนเอาไว้ ไม่ได้มีเจตนาร้ายแน่นอน”
เป็นเช่นนี้จริง ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอ ป่านนี้พวกเขาเหล่านี้คงจะตายไปแล้ว…
ฟังประโยคนี้ของสวี่อี้ ความสงสัยในใจของทุกคนก็มลายหายไป
โดยเฉพาะบอดี้การ์ดลับกลุ่ม 1 ผู้ที่ได้ร่วมเป็นร่วมตายร่วมมือกับเยี่ยหวันหวั่นช่วยเหลือทุกคน ไม่ได้มีความคิดสงสัยเลย
เยี่ยหวันหวั่นสามารถที่จะหนีเอาตัวรอดไปได้แท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะเสี่ยงอันตราย กลับมาช่วยคน
แค่จุดนี้ ก็คู่ควรกับความเคารพนับถือของพวกเขาแล้ว
สิ่งที่ทำให้พวกเขายอมรับคือ เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้น กลับมีสติมากกว่าบอดี้การ์ดที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างพวกเขาเสียอีก นำพาพวกเขาควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดจนพ้นจากอันตราย…
………………………………………………………….
บทที่ 412 เธอกลายเป็นหมอดูไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
สำหรับคำพูดของสวี่อี้ หลิวอิ่งไม่อาจคัดค้านได้
เขาในฐานะหัวหน้าทีม ไม่สามารถปกป้องนายท่านได้ แม้แต่ลูกทีมของตัวเองยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอปรากฏตัวทันเวลา ตอนนี้ซ่งจิ้งคงได้เป็นศพไปแล้ว เขาคงไม่ให้อภัยตัวเองชั่วชีวิต
เยี่ยหวันหวั่นช่วยพวกเขาทุกคนเอาไว้ ข้อนี้ เขาไม่มีอะไรจะพูด
ภายในห้องนอน
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะป้อนยาซือเยี่ยหานเสร็จ กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา
เวลาที่ชายหนุ่มนอนหลับไม่มีบรรยากาศที่ทำให้อกสั่นขวัญแขวนเหมือนเวลาปกติ ท่าทางอ่อนแอทำให้ผู้ชายที่ยิ่งใหญ่คนนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นไร้พิษภัย
หนึ่งวันเต็มๆ แล้ว ซือเยี่ยหานไม่มีวี่แววจะฟื้นขึ้นมาแม้แต่น้อย
เธอจำได้ว่าในชาติก่อนซือเยี่ยหานสลบไปเต็มๆ สามเดือน เกือบจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว ครั้งนี้โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่อาการป่วยสะสมของเขายังสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับร่างกาย เป็นภัยแฝงอันร้ายแรงที่สุด
ไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาจะสลบนานเท่าไหร่ถึงจะฟื้น…
ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังเหม่อลอย “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้น บอดี้การ์ดคนหนึ่งยกสำรับเดินเข้ามา
“คุณหนูหวันหวั่น ทานอะไรสักหน่อยเถอะครับ” บอดี้การ์ดปฏิบัติตัวกับเธอต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนหน้านี้พวกลูกน้องของหลิวอิ่งเหล่านั้นย่อมไม่อาจแสดงท่าทีอะไรกับเธอ แต่กลับไม่อาจซ่อนสายตาเย็นชาเย้ยหยันเอาไว้ได้
“อื้อ ขอบใจนะ วางไว้ตรงนี้เถอะ!”
บอดี้การ์ดวางสำรับเรียบร้อยแล้ว ทว่ากลับไม่ออกไปในทันที แต่ยืนอยู่ที่เดิม ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ไม่พูดออกมา
“เป็นอะไรไป? มีเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปากถาม
ใบหน้าของบอดี้การ์ดแดง เหมือนว่าจะกระดากอายอยู่บ้าง เกาศีรษะอย่างลังเลแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไร คือว่า…เรื่องนั้น…คุณหนูหวันหวั่น…คุณช่วยดูดวงให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”
เยี่ยหวันหวั่นงุนงง “ห๊ะ?”
ช่วยเขาทำอะไรนะ?
บอดี้การ์ดรีบเอ่ยต่อไปว่า “ไม่ต้องลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์! คิดเต็มราคา! คิดเต็มราคาเลยครับ!”
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งอึ้ง
เธอกลายเป็นหมอดูไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ได้…ได้ไหมครับ?” บอดี้การ์ดเอ่ยถามอย่างรอคอย
เยี่ยหวันหวั่นพลันรู้สึกไร้คำพูด ดูท่าที่เธออวดเก่งก่อนหน้านี้จะประสบความสำเร็จมากเกินไปหน่อย คนพวกนี้ถึงได้เชื่อจริงๆ ว่าเธอดูดวงเป็น
ในสถานการ์ณของเธอแบบนี้ บางทีก็แม่นเสียยิ่งกว่าดูดวงเสียอีก แต่ปัญหาคือ ไม่ใช่ว่าเธอจะรู้อนาคตของทุกคนเสียหน่อย!
ยกตัวอย่างเช่นคนตรงหน้านี้
มองใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยตรงหน้า ในความทรงจำไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับคนๆ นี้เลย เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงหาข้ออ้างบอกไปว่า “อะแฮ่ม ฉันมีกฏของฉันอยู่ว่า ฉันดูให้เฉพาะคนที่มีวาสนาเท่านั้น”
ส่วนแบบไหนถึงจะนับว่ามีวาสนา นั่นเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเธอ
บอดี้การ์ดได้ยินดังนั้นทำได้เพียงจากไปอย่างผิดหวัง
เวลานี้เอง เสียงหัวเราะเบาๆ ดังแว่วมาจากทางประตู “คุณหนูหวันหวั่น ถ้าอย่างนั้นดูดวงให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”
ไม่รู้ว่าสวี่อี้เดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
เห็นผู้ที่มาเยือน เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้วขึ้น สวี่อี้?
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะพลางกล่าวว่า “พ่อบ้านสวี่อย่ามาล้อฉันเล่นเลย ก็แค่เรื่องล้อพวกเขาเล่นเท่านั้น ฉันดูดวงแม่นขนาดนั้นที่ไหนกัน ถ้าฉันดูดวงเป็นจริงๆ จะมาลำบากขนาดนี้เหรอ?”
ความจริงแล้ว ในฐานะที่เป็นหนึ่งในมือซ้ายมือขวาที่สนิทที่สุดของซือเยี่ยหาน ชะตากรรมของสวี่อี้ เธอรู้ชัดเจนดีทุกอย่าง…
เวลานี้เอง ไม่รู้ว่าย้อนนึกถึงอะไรขึ้นมา สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นพลันเปลี่ยนเป็นกลัดกลุ้ม
ช่วงนี้เธอเอาแต่เป็นห่วงเรื่องของซือเยี่ยหาน ก็เลยไม่ได้สนใจเขา ตอนนี้ถูกสวี่อี้พูดขึ้นมาเธอถึงนึกขึ้นได้ จุดจบของสวี่อี้ในชาติก่อน…เหมือนว่าจะน่าอนาจอย่างมาก…
………………………………………………………………