แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 419 สืบให้ถึงที่สุด / บทที่ 420 หลักฐาน

บทที่ 419 สืบให้ถึงที่สุด

ลอบฆ่าหัวหน้าตระกูลหวังรับตำแหน่งแทนอย่างนั้นเหรอ? ความผิดนี้ไม่ได้ใหญ่ธรรมดา…

คำพูดของผู้อาวุโสเคราขาวดังก้องไปทั่วห้อง สะเทือนจนทุกคนในห้องเงียบเหมือนกับจั๊กจั่นยามเหมันต์

ผู้อาวุโสเคราขาวคือซือหมิงหรงน้องชายคนรองของคุณปู่ของซือเยี่ยหาน ซึ่งก็เป็นปู่รองของซือเยี่ยหาน มีลำดับศักดิ์และบารมีในตระกูลสูงที่สุด ในหลายๆ เรื่องแม้แต่คุณหญิงย่าเองก็ยังปรึกษาและฟังคำแนะนำของเขา

เขาเป็นเหมือนนักกฎหมายในตระกูล จงรักภักดีต่อตระกูลซือมานานหลายปี ให้การสนับสนุนหัวหน้าตระกูลอย่างเต็มความสามารถ ไม่เคยกลัวว่าต้องผิดใจกับใคร

ทันทีที่เสียงของซือหมิงหรงจบลง เกือบจะทุกคนพากันมองไปที่ผู้อาวุโสที่สวมชุดสูทใส่รองเท้าหนังกำลังดื่มชาด้วยท่วงท่าสบายๆ อยู่มุมห้อง

ผู้อาวุโสชุดสูทลักษณะอายุหกสิบกว่าปี เห็นทุกคนมองมาที่ตน สีหน้าพลันดำทะมึน “เฮอะ ลุงหรง คุณจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ”

ผู้ที่เอ่ยออกมาคือซือไหวเหลียง ลูกพี่ลูกน้องของพ่อซือเยี่ยหาน ลูกชายของปู่สาม ตอนที่ซือไหวจางพ่อของซือเยี่ยหานเสียชีวิต  บรรดาลุงๆ อาๆ ทั้งหลายของซือเยี่ยหานแก่งแย่งชิงดีกันอย่างดุเดือด จนกระทั่งหลายปีให้หลังซือเยี่ยหานชิงตำแหน่งนั้นกลับมาได้ คนเหล่านั้นก็ยังไม่หยุดที่จะแอบเคลื่อนไหว

โดยเฉพาะซือไหวเหลียง ปกติชอบระดมคนให้เป็นพวก กระทั่งก่อเรื่องหลายต่อหลายครั้งเวลาเมา แสดงออกถึงความไม่พอใจซือเยี่ยหาน ก่นด่าเขาว่าเป็นเด็กหัวขนมีสิทธิอะไรถึงได้ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลไปครอง แล้วยังเคยประกาศว่าจะจ้างคนไปฆ่าเขา จึงไม่อาจโทษคนอื่นได้ที่สงสัยตัวเขาเป็นอันดับแรก

สายตาน่าเกรงขามของผู้อาวุโสเคราขาวกวาดตามองซือไหวเหลียง “ฉันก็แค่ลองคาดเดาดู แกจะร้อนตัวขนาดนี้ไปทำไม? หรือว่าแกเป็นคนส่งคนพวกนั้นไป?”

ซือไหวเหลียงพลันร้อนใจทันที “ลุงหรง! คุณจะพูดมั่วๆ ไม่ได้นะ! ผมคิดว่าจะอาศัยแค่คำพูดของลูกน้อง มาสงสัยคนในตระกูลโดยไม่มีหลักฐาน ดูจะเป็นการทำลายความปรองดองกันเกินไปหรือเปล่า! ทุกท่านคิดว่าใช่หรือไม่? ”

คนอื่นๆ ได้ฟังก็พากันพูดความคิดของตัวเอง “ความสังสัยของลุงหรงใช่ว่าจะไร้เหตุผล แต่ว่า ความผิดใหญ่หลวงขนาดนี้ ย่อมต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ต้องหาหลักฐานที่มัดตัวได้อย่างแน่นหนา!”

“ใช่แล้ว ตอนนี้หัวหน้าตระกูลป่วยหนักไม่ได้สติ ฝูงมังกรไร้ผู้นำ พวกเราจะตีกันเองไม่ได้!”

ผู้อาวุโสเคราขาวเอ่ยน้ำเสียงเด็ดขาด “ต้องสืบอยู่แล้ว! อีกทั้งต้องเริ่มต้นสืบจากพวกเรากันเอง! ขอแค่พวกนายบริสุทธิ์ทำทุกอย่างถูกต้องก็ไม่มีอะไรต้องกังวล!”

คุณหญิงย่าสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาที่ปิดสนิทเปิดขึ้น เมื่อนึกว่าครั้งนี้หลานชายเกือบเอาชีวิตไม่รอด สายตาที่กวาดมองทุกคนพลันเย็นยะเยือกถึงกระดูก “ลุงของพวกแกพูดไม่ผิด ในเมื่อไม่มีหลักฐาน ก็สืบจนกว่าจะเจอหลักฐาน! เริ่มสืบจากพวกเราคนในก่อน ทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือกับการสืบสวน ไม่อย่างนั้น จะถูกลงโทษข้อหาเป็นคนทรยศ!

ฉันเคยเตือนพวกแกหลายต่อหลายครั้ง ห้ามแก่งแย่งกันเอง ห้ามฆ่ากันเองเด็ดขาด หากฉันรู้ว่ามีคนกล้าละเมิดข้อห้าม ฉันไม่ปล่อยไว้แน่!”

ซือไหวเหลียงเบ้ปาก ไม่กล้าคัดค้าน “ครับๆ ป้าสะใภ้ใหญ่ ผมให้ความร่วมมือแน่นอน! แต่ว่า ผมขอบอกไว้ก่อนนะป้าสะใภ้ใหญ่ ป้าเป็นคนที่เข้าใจผมดีที่สุด ผมเป็นคนปากร้ายใจดี แม้ปกติจะพูดถ้อยคำร้ายกาจพวกนั้น แต่ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้กับเจ้าเก้าได้หรอก! ขอให้คุณป้าสืบให้กระจ่างด้วย!”

คุณหญิงย่าปรายตามองเขาทีหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ขอแค่แกไม่ได้ทำ ย่อมไม่ใส่ร้ายแกแน่นอน!”

คุณหญิงย่าพูดจบ ก็พูดกับพ่อบ้านข้างกายว่า “กระจายคำสั่งออกไป ภายในสามวัน…”

ขณะที่คุณหญิงย่ากำลังจะเอ่ยคำสั่ง เวลานี้เอง นัยน์ตาของผู้อาวุโสสวมเสื้อคอจีนสีกรมท่าที่มุมห้องพลันส่องประกาย เอ่ยขึ้นกะทันหัน “เดี๋ยวก่อน!”

…………………………………………………………..

บทที่ 420 หลักฐาน

ทุกคนหันมองไปยังผู้อาวุโสที่เอ่ยขัดคุณหญิงใหญ่พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

เยี่ยหวันหวั่นที่คอยสังเกตความเป็นไปของเหตุการณ์อยู่เงียบๆ เห็นผู้อาวุโสเสื้อคอจีนเอ่ยพูด คิ้วพลันเลิกสูง

“มีอะไร?” คุณหญิงย่าขมวดคิ้ว

สายตาเย็นชาของผู้อาวุโสเสื้อคอจีนเหลือบมองไปทางสวี่อี้โดยที่ไม่มีใครสังเกต จากนั้นบอกกับคุณหญิงใหญ่ว่า “พี่สะใภ้ ก่อนหน้านี้ทางผมได้ของสิ่งหนึ่งมา เพราะยังตรวจสอบไม่แน่ชัด จึงไม่ได้นำออกมาสุ่มสี่สุ่มห้า จนกระทั่งตอนนี้หัวหน้าตระกูลถูกลอบทำร้าย พอนำเรื่องราวมาเชื่อมโยงกัน ผมถึงได้รู้สึกว่ามันผิดปกติ! เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ อาศัยผมคนเดียวไม่อาจตัดสินได้ ขอให้พี่สะใภ้กับทุกท่านช่วยดูพร้อมกันสักหน่อย”

เห็นภาพฉากนี้เกิดขึ้นกับตา ในที่สุดใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นก็เปลี่ยนสี

เป็นอย่างที่เธอคิด อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด…

ผู้พูด คือผู้ร้ายหลังม่านตัวจริง ปู่ลำดับสี่ของซือเยี่ยหาน ซือหมิงหลี่!

คุณปู่ของซือเยี่ยหานมีน้องชายสามคน คือ ผู้อาวุโสเคราขาวซือหมิงหรง ซือหมิงเซี่ยวที่ตายไปแล้ว แล้วก็ซือหมิงหลี่ตัวการหลังม่านคนนี้

ซือหมิงหลี่มีตำแหน่งและอำนาจสูง ต่อให้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ไร้ซึ่งกำลังไปขัดขวางได้…

ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เบื้องหลังซือหมิงหลี่ยังมีบุคคลที่มีอำนาจมากจนไม่อาจคาดเดาได้อยู่ และคนๆ นี้เธอก็ไม่เคยรู้ว่าเป็นใครจนถึงตอนนี้

ในชาติก่อน ตระกูลซือไม่เพียงสืบพบว่าเป็นซือหมิงหลี่ ยังสืบพบว่าหลายปีมานี้ซือหมิงหลี่ติดต่อกับบุคคลลึกลับคนหนึ่งอยู่ตลอด

เพียงแต่น่าเสียดาย จนถึงวันที่เยี่ยหวันหวั่นหย่าขาดออกจากตระกูลซือ ก็ยังสืบไม่พบคนร้ายตัวจริงหลังม่านคนนั้น

เพื่อสืบเรื่องนี้ แม้แต่คุณหญิงย่าที่กำลังป่วยหนักก็ถูกวางยาพิษ…

มองดูสวี่อี้ที่ยังไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ใจคิดแต่จะจับคนร้ายเพื่อนายของตัวเอง แล้วนึกถึงจุดจบในชาติที่แล้วของเขา เยี่ยหวันหวั่นก็กำมือที่วางอยู่ข้างกายแน่น

ซองเอกสารสีน้ำตาลที่ซือหมิงหลี่นำออกมาถูกส่งผ่านมือคุณหญิงย่าและผู้อาวุโสทั้งหลายอย่างรวดเร็ว

เมื่อดูเสร็จ สีหน้าของทุกคนล้วนเคร่งเครียดผิดปกติ

ใบหน้าของผู้อาวุโสเคราขาวซือหมิงหรงเครียดคล้ำ วางเอกสารหนาปึกในมือลงอย่างแรง จากนั้นสายตาที่คมราวกับมีดมองไปทางมุมที่สวี่อี้อยู่ “สวี่อี้!”

สวี่อี้ย่อมรับรู้ได้ถึงสายตาผิดปกติที่ผู้อาวุโสเหล่านั้นมองมาทางตน เขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยจากนั้นเดินเข้าไปก้าวหนึ่ง “ครับ!”

“ปัง” เสียงมือของซือหมิงหรงตบลงบนโต๊ะ “สวี่อี้! แกกล้ามาก! ตระกูลซือดีต่อแก่มากมาย แกกลับทรยศตระกูลซือ สมคบคิดกับพันธมิตรเลือด วางแผนลอบฆ่าหัวหน้าตระกูล!”

“อะไรนะครับ? ทรยศนายท่าน…สมคบคิดกับพันธมิตรเลือด…” ใบหน้าของสวี่อี้งุนงง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้รีบร้อนเอ่ยขึ้นว่า “ขอผู้อาวุโสหรงช่วยตรวจสอบด้วย ผมจะทรยศตระกูลซือ ลอบฆ่าหัวหน้าตระกูลได้อย่างไร! ยิ่งไม่มีทางเกี่ยวข้องกับพันธมิตรเลือดได้เลย!”

“เฮอะ ฉันว่าแกไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตา!” ซือหมิงหรงนำสิ่งที่อยู่บนโต๊ะโยนใส่หน้าของเขา “แกกล้าพูดเหรอว่าไม่ได้สมคบคิดกับพันธมิตรเลือด? ถ้าอย่างนั้นแกบอกหน่อยสิว่า แกจะอธิบายของพวกนี้ว่าอย่างไร!”

เยี่ยหวันหวั่นมองตามสายตาของสวี่อี้ ก็เห็นว่า ทั้งหมดล้วนเป็นหลักฐานที่สวี่อี้ลักลอบติดต่อกับคนของพันธมิตรเลือด ข้อนี้ไม่อาจแก้ตัวให้พ้นผิดได้เลย…

………………………………………………………………

Options

not work with dark mode
Reset