บทที่ 439 ข่าวน่าตะลึง
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะยกถ้วยยาออกไปได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นกลางห้องนอนอันเงียบสงัดอีกครั้ง
ซือเยี่ยหานนิ่งงันไปสองสามวินาที ก่อนจะรับสาย “ฮัลโหล”
“ไม่มีอะไร เมื่อครู่สัญญาณไม่ดี”
ฟังคนทางปลายสายพูดอยู่ครู่หนึ่ง ซือเยี่ยหานก็พูดต่อ “ขอโทษด้วย เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย เรื่องการเจรจาเกรงว่าคงต้องเลื่อนไปหนึ่งเดือน”
“ครับ”
“ความเสียหายและผลที่ตามมาทั้งหมด ซือกรุ๊ปจะรับผิดชอบเอง”
……
กลางดึก ณ คฤหาสน์หรูแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
“โอ๊ะโอยยย…เจ็บ! เจ็บโว้ย! เจ็บจะตายอยู่แล้ว! เบาหน่อยสิว่ะ! พวกนายอยากให้ฉันตายหรือไง!”
ชายหนุ่มแหกปากโอดร้องครางครวญระงม ดังก้องไปทั่วทั้งคฤหาสน์ เหล่าคนใช้ต่างพากันตัวสั่นงันงก ไม่กล้าส่งเสียงดัง
ภายในห้องนอน เห็นเพียงชายหนุ่มผิวนุ่มละเอียดคนหนึ่งกำลังนอนโอดครวญฟุบอยู่บนเตียง แผ่นหลังของชายหนุ่มถูกตีจนเนื้อแตกยับ มีเลือดไหลซิบน่าสยดสยอง
“หมอ อาการของลูกชายฉันเป็นอย่างไรบ้าง?” ซือหมิงหลี่หน้านิ่งดั่งสายน้ำ ซักถามอย่างประหม่า
ทางด้านศาลกฎหมายเขาได้ยัดเงินไปแล้ว ทว่าคนพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรชัดเจนเกินไป ออมน้ำหนักมือไปเพียงสองสามส่วนเท่านั้น
คุณหมอที่อยู่ด้านข้างเอ่ยไปด้วยความลำบากใจ “คือว่า…บาดแผลที่แผ่นหลังของคุณชายอี้เจี๋ยเป็นเพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น นับว่ายังอาการดี ใช้เวลารักษาสักหน่อยก็จะดีขึ้น แต่ว่าน่องขาขวาบาดเจ็บไปถึงกระดูก เกรงว่า…”
“เกรงว่าอะไร?” ซือหมิงหลี่แววตาดุดัน
คุณหมอแข็งใจเอ่ยตอบ “เกรงว่า…จะตกอยู่ในสภาพทุพพลภาพถาวร…กระทบต่อการเดิน…”
“นายว่าอะไรนะ! พิการอย่างนั้นเหรอ!” ซือหมิงหลี่ตบโต๊ะดังปังลุกขึ้นยืน
นี่ไม่ได้หมายความว่าอี้เจี๋ยต้องกลายเป็นคนพิการหรอกเหรอ?
“ยัยผู้หญิงชั่วสกุลเยี่ยคนนั้น! ฉันไม่ปล่อยให้แกได้ตายดีแน่! ! !” ซือหมิงหลี่ตะโกนเสียงโกรธเกรี้ยว
“อะไรนะ? นายแม่งหมายความว่าไง? นายมันหมอจอมปลอม! พูดได้ไงว่าฉันจะขาพิการ? ต่อไปฉันต้องกลายเป็นคนพิการงั้นเหรอ?” ซืออี้เจี๋ยที่นอนอยู่บนเตียงร้องโวยวายด้วยความโกรธ
“คุณชายอี้เจี๋ยอย่าเพิ่งขยับตัวครับ แผลบนตัวของคุณเพิ่งจะเย็บเสร็จ ห้ามขยับเขยื้อนเด็ดขาด!” คุณหมอรีบห้าม
“พอแล้ว นายออกไปได้!” ซือหมิงหลี่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ครับ…ครับ…” คุณหมอและคนใช้ในห้องทั้งหมดต่างรีบถอยออกไปตามความปรารถนาที่อยากออกไปใจจะขาด
“ป๊า สรุปแล้วนังตัวดีคนไหน! ใช่ยัยผู้หญิงข้างกายซือเยี่ยหานคนนั้นไหม? ผมจะต้องตีขาสองข้างของยัยนั่นให้หักให้ได้! ผมจะทำให้ยัยนั่นไม่ได้ตายดี! นังสารเลว! ป๊า ทำไมถึงมาเสียท่าให้กับแค่ผู้หญิงคนเดียว แล้วยังพาผมมาซวยด้วยแบบนี้อีก!”
ซืออี้เจี๋ยได้ยินว่าตัวเองจะต้องเสียขาไป โมโหแทบคลั่ง ตะโกนลั่นพูดจาอะไรไม่ได้คิด
“พอได้แล้ว แกหุบปากให้ฉันเดี๋ยวนี้!” ซือหมิงหลี่ถลึงตาใส่ลูกชายคนโตที่แหกปากโวยวาย
ลูกชายคนโตของเขาต้องกลายเป็นคนพิการเพราะผู้หญิงคนเดียว แล้วเขาจะยังทนกลั้นความโกรธไว้ได้อีกเหรอ?
แต่ว่ากล้ำกลืนไม่ลงจะมีประโยชน์อะไร?
หลังจากแผนการลอบสังหารครั้งนี้ล้มเหลว ก็ไม่มีโอกาสดีๆ อีก ต่อไปตระกูลซือจะต้องเพิ่มการป้องกันอย่างเข้มงวดแน่ อีกทั้งสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด
เพื่อไม่ให้ความลับถูกเปิดเผย ในช่วงเวลาอันสั้นนี้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้
ตราบใดที่ซือเยี่ยหานยังอยู่ในตำแหน่งเหนือฟ้าเช่นนั้นอยู่ พวกเขาจะแตะต้องผู้หญิงคนนั้นไม่ได้แม้แต่นิดเดียว!
ขณะที่ซือหมิงหลี่กำลังหน้าคร่ำเครียด เวลานี้เองพลันมีเสียงเคาะประตู
“เข้ามา!” ซือหมิงหลี่เอ่ยเสียงหงุดหงิด
หนึ่งในคนสนิทของซือหมิงหลี่เดินเข้ามาสีหน้าเร่งรีบ มองมาทางซือหมิงหลี่ด้วยความตื่นเต้นเป็นที่สุดพลางรายงาน “นายท่าน เมื่อครู่ผมสืบข่าวมาจากบ้านใหญ่ตระกูลซือได้ข่าวน่าตะลึงมากมาข่าวหนึ่ง! เกี่ยวกับเรื่องของซือเยี่ยหาน!”
“ข่าวน่าตะลึง? ข่าวอะไร?” ซือหมิงหลี่ชำเลืองตามองไป
คนสนิทรีบขยับเข้ามาใกล้ เอ่ยเสียงกระซิบด้วยความตื่นเต้น “เมื่อครู่ผมได้ข่าวมาจากสายสืบว่า ซือเยี่ยหานกำลังป่วยหนัก เกรงว่าคงจะอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งปี!”
………………………………………………………..
บทที่ 440 เฒ่าประมงคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
เดิมทีซือหมิงหลี่ยังอารมณ์เสียกับเรื่องขาของลูกชายอยู่ พอได้ฟังสิ่งที่คนสนิทบอกแล้ว สีหน้าพลันเปลี่ยนไป ลุกพรวดขึ้นมาถามย้ำ “นายว่าอะไรนะ? ซือเยี่ยหานป่วยหนัก? จะมีชีวิตได้อีกไม่เกินครึ่งปี?”
ขนาดซืออี้เจี๋ยที่อยู่บนเตียงก็ยังหยุดร้องโอดครวญ พยายามเอียงคอมาเอ่ยถาม “อะไรนะๆ ? ซือเยี่ยหานป่วยหนักจนใกล้ตาย? เรื่องจริงหรือหลอก? นายได้ข่าวมั่วมาหรือเปล่า!”
ซือหมิงหลี่จ้องคนสนิท สีหน้าเคร่งขรึมยิ่งกว่าปกติ พลันเอ่ยถามเสียงเคร่ง “ซือเยี่ยหานก็ดีๆ อยู่ ทำไมอยู่ๆ ถึงล้มป่วยใกล้ตายไปได้? นายแน่ใจใช่ไหมว่าข่าวที่ได้มาเป็นความจริง?”
น้ำเสียงของคนสนิทหนักแน่นอย่างที่สุด “นายท่าน ข่าวสำคัญขนาดนี้ หากไม่ยืนยันมาดีแล้ว ผมจะกล้านำเรื่องนี้มารายงานง่ายๆ ได้อย่างไร? ข่าวนี้ผมใช้เงินก้อนใหญ่ซื้อมาจากลูกศิษย์ใหญ่ของหมอเทวดาซุน! ยืนยันว่าข่าวจริงพันเปอร์เซ็นต์!
ที่แท้หลายปีมานี้ที่หมอเทวดาซุนเข้าออกบ้านใหญ่ก็ไม่ใช่เพื่อรักษาอาการทั่วไปอะไร แต่เป็นเพราะสุขภาพของซือเยี่ยหานป่วยหนักอยู่แล้ว หลายปีมานี้ได้มีการรักษามาโดยตลอด! ในครั้งนี้ระหว่างการเดินทางไปประเทศ B ก็ไม่ใช่เพราะทำงานมากเกินไปจนหมดสติ แต่เป็นเพราะอาการป่วยกำเริบ
วันนี้ หลังจากที่บรรดาผู้อาวุโสกลับออกมาจากบ้านใหญ่ได้ไม่นาน หมอเทวดาซุนก็เพิ่งไปตรวจอาการให้ซือเยี่ยหาน วินิจฉัยว่าซือเยี่ยหานจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินครึ่งปี!”
ได้ยินคนสนิทพูดรายละเอียดด้วยความมั่นใจเช่นนี้ ซือหมิงหลี่ถึงได้ปักใจเชื่อ ลุกขึ้นเดินวนอยู่ในห้องหลายรอบ คล้ายกับจะคิดอะไรได้ พลันหยุดชะงักยืนตรงพลันเอ่ยถาม “ไม่มีวิธีรักษาเลยเหรอ?”
คนสนิทคิดแล้วจึงตอบไป “ลูกศิษย์คนนั้นของซุนไป๋เฉ่าขี้ขลาดมากจึงไม่ได้บอกรายละเอียดเรื่องอาการป่วย แต่ในเมื่อหมอเทวดาซุนลงความเห็นวินิจฉัยแบบนี้แล้ว แน่นอนว่าต้องไม่มียาใดจะรักษาได้! โรคที่แม้แต่หมอเทวดาซุนยังรักษาไม่ได้ จะมีใครมีวิธีอื่นไปได้?”
“นายพูดได้ไม่ผิด…” ซือหมิงหลี่พยักหน้าเห็นด้วย
“ฮ่ะ…ฮ่าๆๆๆ…ดังนั้นก็หมายความว่าซือเยี่ยหานใกล้ตายแล้วจริงๆ?” ซืออี้เจี๋ยเมื่อครู่ยังร่ำไห้เศร้าโศกพอได้ฟังแบบนี้ก็หัวเราะลั่น “เป็นเวรกรรมจริงๆ! เวรกรรม! ป๊า รอให้ซือเยี่ยหานตายแล้ว ก็อย่าลืมเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมาให้ผมนะ!”
ซืออี้เจี๋ยพูดพลางนัยน์ตาประกายร่องรอยของตัณหา “ได้ยินว่าเธอสวยยิ่งกว่าหลินชิงหรานสาวงามเบอร์หนึ่งของเมืองหลวงอีก! ผมล่ะอยากลองสักหน่อยว่าจะสวยขนาดนี้ไหม! รอให้ผมเล่นจนเบื่อแล้วค่อยฆ่าเธอทิ้ง…เฮอะ…”
ซือหมิงหลี่ไม่ได้สนใจคำพูดของลูกชาย ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ข่าวนี้
ตั้งแต่ที่เด็กน้อยอย่างซือเยี่ยหานขึ้นมาเป็นหัวหน้าตระกูล ก็ปกครองตระกูลซืออย่างเคร่งครัด ทำเอาพวกเขาเสียผลประโยชน์ไปตั้งเท่าไหร่
สมัยก่อนตอนที่เขามีอำนาจในตระกูลซือ เจ้าเด็กนี่ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ ตอนนี้ก็เป็นแค่ลูกนกขนยังไม่หงอกคนหนึ่ง แต่กล้ามาเล่นหัวของเขา!
หากซือเยี่ยหานจะอยู่ได้อีกไม่นาน งั้นก็เป็นข่าวดีที่พิเศษมากจริงๆ!
ซือหมิงหลี่คุยทำความเข้าใจถึงรายละเอียดสถานการณ์กับคนสนิทอีกหน่อย จากนั้นระหว่างที่เดินกลับห้องคนเดียว ก็ได้ต่อสายโทรศัพท์ไปยังสายหนึ่ง
“คุณท่านครับ เมื่อครู่คนของผมได้ข่าวมาว่าซือเยี่ยหานกำลังป่วยหนัก จะอยู่ได้นานมากสุดไม่เกินครึ่งปี!”
“ไม่ผิดครับ ผมยืนยันมาแล้ว ข่าวถูกต้องแน่นอน ดังนั้นพวกเราตอนนี้จะ…?”
“ความหมายของท่านคือ…พวกเราจะรอดูสถานการณ์ก่อน แต่จะปล่อยข่าวให้พัดกระพือ?”
“ครับ…ครับ…ผมเข้าใจแล้ว! คุณท่านแผนการยอดเยี่ยมจริงๆ! หลังจากปล่อยข่าวออกไปแล้ว ก็ให้คนพวกนั้นสู้กันไปก่อน พวกเราค่อยเป็นเฒ่าประมงคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์!”
“ก็แค่ยัยผู้หญิงใช้ความสวยสนองชายเท่านั้น คุณท่านกังวลมากไปหรือเปล่า?”
“ครับ…ผมจะจับตาดูให้ดี…”
………………………………………………………..