บทที่ 513 สูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง
หลิวอิ่งคำรามเสียงต่ำ ออกแรงลุกขึ้นยืน ในขณะเดียวกันนี้ ซ่งจิ้งก็ไม่กล้าหยุดพัก ทั้งสองเข้าโจมตีพร้อมกัน
แม้พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขารู้ดี หากถอยตอนนี้ ด้วยฝีมือการต่อสู้ที่น่ากลัวถึงขีดสุดของเยี่ยหวันหวั่นตอนนี้ พวกเขาจะถูกปลิดชีวิตทันที แต่ถ้าหากสู้ละก็…
อาจจะตายช้าลงอีกสักนิด…
ทั่วทั้งบาร์ คนที่หนีก็หนี คนที่ซ่อนก็ซ่อน ที่เหลือยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ทุกคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว อึ้งมองหญิงสาวเล่นงานคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียว…
ผู้ชายสองคนนั้นแทบจะกลายเป็นมนุษย์เลือดอยู่รอมร่อ โดยเฉพาะคนที่ดูจะเก่งกว่าหน่อยคนนั้น…
ในเวลานี้เอง เสียงฝีเท้าดังเป็นระเบียบก็ลอยมาจากทางประตู
ตอนที่สืออีและสวี่อี้นำคนมาถึง เห็นเพียงที่บาร์มีเสียงกรีดร้องดังระงม บอดี้การ์ดนอนเกลื่อนพื้น
ซ่งจิ้งนอนลมหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น ร่างของหลิวอิ่งซึ่งเต็มไปด้วยเลือดถูกร่างบางเตะลอยออกไป นอนหมอบกับพื้นไม่ขยับ…
ใครกัน! ไม่นึกเลยว่าจะทำให้ซ่งจิ้งกับหลิวอิ่งบาดเจ็บได้ขนาดนี้?
เงาร่างนั้นว่องไวมาก มีจิตสังหารน่าหวาดหวั่นถึงที่สุด ร่างนั้นกำลังมุ่งตรงไปหมายจะโจมตีหลิวอิ่งผู้หมดแรงจะต่อสู้แล้ว…
“หลิวอิ่ง!”
เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของสืออีเปลี่ยนไปทันที ไม่ทันได้คิดอะไรมาก รีบทะยานเข้าไปขัดขวางการโจมตีสุดท้ายของคนคนนั้น
บอดี้การ์ดลับด้านหลังสืออีเห็นหลิวอิ่งกับซ่งจิ้งถูกทำร้ายจนมีสภาพนี้ ก็พลันรู้สึกเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจ พุ่งตัวตามเข้าไปด้วย
“แกเป็นใคร?”
แขนของสืออีแทบถูกกระแทกจนชา สายตามองยังเงาร่างบางอย่างดุดัน
ผลคือวินาทีถัดมา หลังจากเห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดเจนแล้ว สืออีพลันนิ่งอึ้ง “คุณ…คุณหนูหวันหวั่น…ทะ…ทำไมถึง…”
ไม่รอให้สืออีได้สติ หัวไหล่พลันรู้สึกเจ็บรุนแรงอีกครั้ง เขาทำได้เพียงรีบรับมือการกระหน่ำโจมตีของอีกฝ่าย
ในขณะเดียวกัน สวี่อี้ที่อยู่ไม่ไกลก็เห็นชัดเจนแล้วว่าผู้หญิงที่กำลังสู้กับสืออีอยู่คือใคร
“คุณหนูหวันหวั่น นี่…”
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมถึงเป็นคุณหนูหวันหวั่นไปได้?
“คุณหนูหวันหวั่น!” สวี่อี้ร้องเรียกอย่างร้อนใจ ทว่าอีกฝ่ายราวกับไม่ได้ยินเสียงเขา ตรงกันข้าม กลิ่นอายกระหายเลือดยิ่งเข้มข้นมากขึ้น
บอดี้การ์ดลับที่สืออีนำมาด้วยเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเยี่ยหวันหวั่น แทบทุกคนตกตะลึง แต่ละคนไม่กล้าเข้าไป กลัวว่าจะทำให้เธอบาดเจ็บเข้า
ทว่าพวกเขารู้ตัวอย่างรวดเร็วว่าพวกเขาไร้เดียงสาเกินไป
สืออีล้มลงพื้นอย่างแรงข้างเท้าของสวี่อี้ ข้างหน้ามีดาวลอยเต็มไปหมด
“สืออี! เป็นยังไงบ้าง!” สวี่อี้รีบพยุงเขาขึ้นมา
สวี่อี้กุมหน้าอก “นะ…นี่…มันยังไงกันแน่…”
novel-lucky
ซ่งจิ้งที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวอธิบายอย่างอ่อนแรง “ไม่รู้ว่า…คุณหนูหวันหวั่นกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง…ตอนแรกแค่ทำร้ายพวกที่เฉินซื่อเจี๋ยพามา…แต่จู่ๆ ก็เริ่มโจมตีผมกับหลิวอิ่งด้วย…”
ขณะที่ทั้งสามพูดคุยกันอยู่นั้น บอดี้การ์ดลับที่สืออีพามาเหล่านั้นใกล้จะรับมือไว้ไม่ไหวแล้ว
สืออีกับสวี่อี้เห็นว่าบอดี้การ์ดลับจำนวนมากขนาดนั้นยังหยุดเธอไว้ไม่ได้ ร่างที่เต็มไปด้วยจิตสังหารนั้นกำลังเดินมาทางพวกเขาทีละก้าวๆ…
“ขวับ…” เยี่ยหวันหวั่นโจมตีสืออีต่อ
เหมือนว่าหากใครมีฝีมือการต่อสู้ที่ดี ก็จะยิ่งกระตุ้นจิตสังหารของเธอได้มากขึ้น
หลิวอิ่งไม่มีแรงจะต่อสู้อีกต่อไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นซึ่งเต็มไปด้วยจิตสังหารจึงหันไปทางสืออีที่โผล่เข้ามาทันที
………………………………………………
บทที่ 514 ห้ามใช้กำลัง
สืออีเองก็ค้นพบจุดนี้อย่างสิ้นหวังและหวาดกลัวแล้วเช่นกัน
จะอย่างไรเขาก็ทำใจเชื่อไม่ได้ จู่ๆ ผู้หญิงที่งามหยดย้อยขนาดนั้นกลับเปลี่ยนเป็นเทพนักฆ่า น่ากลัวได้ถึงระดับนี้
ครั้งนี้ไม่เหมือนตอนเดินทางในประเทศ B ซึ่งทั้งหมดเป็นแค่การแสดง
สีหน้าของทุกคนราวกับกำลังฝันไป ไม่อาจเชื่อได้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนเดียวกันกับผู้หญิงน่ารักขี้อ้อนของเจ้านายพวกเขา
ก่อนที่การโจมตีถึงชีวิตของเยี่ยหวันหวั่นจะถึงตัว สวี่อี้รีบเข้าไปขวางหน้าสืออี “คุณหนูหวันหวั่น! อย่าครับ!”
เท้าของเยี่ยหวันหวั่นชะงัก สายตาว่างเปล่าจ้องมองสวี่อี้ หยุดการโจมตีชั่วคราว
สวี่อี้แอบโล่งใจ “คุณ…”
จากนั้น ยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็ถูกถีบกระเด็นออกไป
novel-lucky
สวี่อี้ตกลงพื้นอย่างแรงไม่ไกลจากหลิวอิ่ง
“สวี่อี้! ไอ้บ้าเอ๊ย…” มองเห็นแววตาเย็นเยือกของหญิงสาวจับจ้องอยู่ที่ตน พลางเดินบีบเข้ามาทีละก้าวๆ สืออีเหน็บหนาวไปหมด เหมือนกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
หญิงสาวไม่ต้องการอาวุธใด แขนขาของเธอ ร่างกายของเธอ คืออาวุธขั้นสุดยอดแล้ว
ฝ่ามือที่เปรียบดั่งมีดแหลมพุ่งเข้ามา สืออีฝืนกัดฟัน ทำได้แค่เข้าไปสู้กับเธออีกยก และขวางการโจมตีที่คร่าชีวิตได้นั้นไว้ตรงๆ
ทั้งสองต่อสู้ติดพันกันอยู่ตรงจุดหนึ่ง…
พูดให้ถูกต้องคือ เยี่ยหวันหวั่นโจมตีสืออีอยู่ฝ่ายเดียว สืออีทำได้เพียงป้องกันตัว
พละกำลังที่ระเบิดออกมาก่อนตายไม่อาจยื้อไว้ได้นาน สืออีเริ่มเผยช่องโหว่อย่างต่อเนื่อง ตั้งรับไม่ไหวแล้วจริงๆ ทว่า จิตสังหารของเยี่ยหวันหวั่นกลับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ การโจมตีที่คร่าชีวิตได้มุ่งไปยังตำแหน่งหัวใจของเขา…
สืออียืนโงนเงนอยู่ที่เดิม หลับตาลงอย่างสิ้นหวัง…
“คุณหนูหวันหวั่น!” สวี่อี้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลตะโกนลั่นด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย
“สืออี!” สีหน้าซ่งจิ้งและหลิวอิ่งก็เปลี่ยนไป
เวลานี้เอง พลันมีเสียงดังแหวกอากาศมาจากฝั่งทแยงมุม ความกดดันมหาศาลปะทะกับจิตสังหารบนตัวหญิงสาว
ราวกับเวลาหยุดลงในพริบตานี้
ความรู้สึกเจ็บปวดเพราะกระดูกหักที่สืออีจินตนาการไว้ไม่เกิดขึ้น
เขาลืมตาขึ้นด้วยเหงื่อผุดชื้น เห็นร่างสูงโปร่งที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ยืนย้อนแสงอยู่ตรงนั้น มือจับข้อมือของหญิงสาวไว้แน่น ขัดขวางการโจมตีถึงชีวิตนั้นไว้
ทั่วร่างของซือเยี่ยหานคล้ายห่อหุ้มด้วยลมเหมันต์อันหนาวเหน็บ กวาดมองลูกน้องที่นอนอยู่เต็มพื้นด้วยสายตาทะมึน แล้ววนกลับมามองหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าเย็นชาถึงขีดสุด
“คุณ…คุณชายเก้า…” พวกสวี่อี้หันไปมองซือเยี่ยหานทันที
ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นมองข้อมือตัวเองที่ถูกจับอย่างค่อนข้างเชื่องช้า จากนั้นมองตามมือเย็นๆ ข้างนั้นจนเห็นชายหนุ่มตรงหน้า ในนัยน์ตาว่างเปล่ามืดมิดสะท้อนเงาร่างของชายหนุ่ม
เธอเหมือนจะไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกจับกุมเอาไว้ จึงขมวดคิ้วอย่างอันตรายโดยพลัน
พวกสวี่อี้เห็นแล้วหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม “คุณชายเก้า! ระวังนะครับ! คุณหนูหวันหวั่นดูแปลกๆ ไป…”
ซือเยี่ยหานจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังแผ่ความร้ายกาจทั่วร่าง ก้นบึ้งนัยน์ตาเหมือนมีพายุที่ก้นทะเลลึกกำลังก่อตัว ราวกับกำลังใช้พละกำลังทั้งหมดกดความโกรธในอกที่แทบระเบิดเอาไว้ ภายใต้สายตาที่อันตรายขึ้นเรื่อยๆ ของเธอ เขาพลันออกแรงตรงข้อมือ วินาทีถัดมาก็รัดร่างกายแบบบางของหญิงสาวไว้ในอ้อมกอดตัวเอง แล้วพูดช้าๆ ชัดๆ ทีละคำอย่างเย็นชา “ฉันเคยเตือนเธอแล้วใช่ไหมว่าห้ามใช้กำลัง!”
……………………………………………………