บทที่ 643 ฉันไม่มีศีลธรรมขนาดนั้นเลย?
เยี่ยหวันหวั่นตอบด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “ด้วยนิสัยของฉู่หงกวง ก็คาดเดาได้”
“เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ แล้วยังมีหนี้ของพ่ออยู่อีก จะใช้หนี้ยังไง…” สีหน้าเยี่ยมู่ฝานเคร่งขรึมเล็กน้อย
สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นไม่เปลี่ยนไป “ในเมื่อกล้าซื้อบ้านหลังนี้ ต้องมีปัญญาชดใช้หนี้ก้อนนี้อยู่แล้ว”
เห็นเยี่ยหวันหวั่นแต่งตัวดูสะอาดเรียบร้อย ท่าทางมั่นอกมั่นใจ เยี่ยมู่ฝานรู้สึกประหลาดใจว่าน้องสาวตัวเองทำไมถึงได้มีความรู้สึกปลอดภัยขนาดนี้
จนเขาอยากจะเข้าไปยื่นบุหรี่ให้เจ้านาย…
“แกมีแผนยังไง” เยี่ยมู่ฝานถาม
“ฉันเตรียมจะลงทุนถ่ายหนังเรื่องหนึ่ง เตรียมบทไว้แล้ว ส่วนนักแสดงนำฉันกำลังมองหาอยู่ ตอนนี้พี่ก็มาแล้ว ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องดีไซน์ ตอนนี้เหลือแค่หาคนมาร่วมทุน”
เยี่ยมู่ฝานอึ้งไปเล็กน้อย “ถ่ายหนังเอง? ตอนนี้ตลาดหนังแข่งขันกันดุเดือด มีกี่คนขาดทุนก้อนใหญ่ยังไม่ได้ทุนกลับมาเลย…”
“เรื่องรายละเอียดกลับไปเดี๋ยวฉันจะค่อยๆ เล่าให้พี่ฟัง ตอนนี้พวกเราไปเดินชอปปิงกันก่อน!” เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นพูด
“หา? เดินชอปปิงทำอะไร” เยี่ยมู่ฝานไม่เข้าใจ
“พี่เป็นถึงผู้อำนวยการแผนกสไตล์ลิสต์ของบริษัท แน่นอนต้องไปหาซื้อชุดดีๆ ที่เหมาะสมสักหลายชุดหน่อย”
เยี่ยมู่ฝานได้ยิน คิดถึงก่อนหน้านี้ตอนที่ตัวเองแต่งชุดอย่างนี้ไปสัมภาษณ์ เจอสายตาประหลาดที่มองมา สีหน้าก็ขรึมลงเล็กน้อย
คนสมัยนี้โดยเฉพาะคนในวงการต่างดูกันที่รูปลักษณ์ภายนอกเสียมาก
หวันหวั่นพูดไม่ผิด จะรับตำแหน่งแล้ว เขาจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าที่เหมาะสมหลายชุด ไม่อย่างนั้นจะไม่ทำให้น้องสาวขายหน้าเหรอ?
สีหน้าเยี่ยมู่ฝานดูเศร้าเล็กน้อย “เพียงแต่ ฉันกลัวว่าจะไม่มีเงินซื้อ…”
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าตึงเหลือบมองไปยังพี่ชายตัวเอง นายเหอเฉิงจวิ้นนั่นใช้ผลงานเขาหารายได้ทั้งปีหลายล้านแล้ว เขากลับยังยากจนอนาถาอยู่ ไม่รู้จะว่าเขายังไงดี
เยี่ยหวันหวั่นพูดว่า “ฉันให้พี่ยืมก่อน เดือนหน้าเงินเดือนออกค่อยคืนฉัน ซื้อเสื้อผ้าไม่กี่ชุดใช้เงินเดือนพี่แค่ครึ่งเดือนเท่านั้น ยังไงก็ดีกว่าพี่เอาไปใช้กินเที่ยวเล่น!”
เยี่ยมู่ฝานพยักหน้าติดๆ กัน “ได้ๆ ฉันฟังแก… แต่ว่าฉันมีเรื่องขอร้องเรื่องหนึ่ง!”
“ขอร้องเรื่องอะไร”
เยี่ยมู่ฝานกระแอมเบาๆ “คือว่า… แกเปลี่ยนเป็นชุดผู้หญิงไปเดินชอปปิงกับฉันได้ไหม ผู้ชายสองคนเดินชอปปิงด้วยกันมันดูแปลกๆ ว่าไหม จะโดนเข้าใจผิดว่าเป็น… แกรู้ใช่ไหม…”
“ผู้ชายผู้หญิงพี่ได้หมดไม่ใช่เหรอ ยังจะสนใจเรื่องนี้อีก” เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยน้ำเสียงมีเหตุมีผล
เยี่ยมู่ฝานระเบิดลงทันที “แม่ง! ใครบอกว่าฉันได้หมดทั้งผู้หญิงผู้ชาย บอกว่าไม่ให้แกไปฟังพวกเพื่อนเที่ยวเล่นของฉันพูดจาพล่อยๆ ไม่ใช่เหรอไง”
“ไม่ใช่ก็ดี ตอนนี้ฉันมีศิลปินผู้ชายสองคนอยู่ในสังกัด ฉันยังกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยอยู่เลย”
“ในใจแก ฉันไม่มีศีลธรรมขนาดนั้นเลย?”
“พี่คิดว่าไงล่ะ”
“…”
คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีภาพลักษณ์แบบนี้ในใจน้องสาว เขาต้องล้างมลทินปฏิวัติเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่…
หลังออกจากบริษัท เพราะเยี่ยมู่ฝานยืดกรานคำขอร้อง เยี่ยหวันหวั่นเลยไปหาที่เปลี่ยนเป็นชุดผู้หญิงก่อน
ไม่นานนัก เยี่ยหวันหวั่นขับรถมาถึงห้างหรูหราที่ใหญ่ที่สุดในเมือง มาซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนเยี่ยมู่ฝาน
“หวันหวั่น เป็นยังไง”
เยี่ยมู่ฝานเปลี่ยนมาใส่ชุดลิมิตเต็ดของ Versace เดินออกมาจากห้องลองเสื้อผ้า
เวลานี้ เยี่ยมู่ฝานเปลี่ยนลุคใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดเท้า สวมสูทสีแดงเข้มทั้งตัว สีนี้เป็นสีที่ใส่ขึ้นยากมาก แต่กลับช่วยเสริมให้เขาดูหล่อเหลาเจ้าสำราญ เท่และมีเสน่ห์ เหล่าพนักงานร้านเล็กๆ ข้างกันต่างหลบอยู่ข้างๆ พลางมองอย่างเคลิบเคลิ้ม
รูปร่างหน้าตาของพี่ชายเธอ เธอไม่มีอะไรจะพูด บวกกับเสื้อผ้าที่ช่วยเสริมเติมแต่ง เขายิ่งดูมีเสน่ห์แพรวพราว
…………………………………………………………
บทที่ 644 หน้าตาดีกว่าร้อยเท่า
บางครั้งสไตล์ลิสต์และเสื้อผ้าก็มีผลกับกับคนมากจริงๆ เรื่องแบบนี้มองกันที่ภายนอกก่อนค่อยมองภายใน
บุคลิกคุณชายหนุ่มเจ้าสำราญเล่นสนุกๆ ไปวันๆ ของเยี่ยมู่ฝาน ดูเหมือนเริ่มกลับมาอีกครั้งแล้ว…
เทียบกับเมื่อก่อนที่มีแต่กลิ่นอายความเศร้าโศกรังเกียจสังคมและไม่มั่นใจไปทั้งตัว คิดไว้แล้วว่าแบบนี้ดูน่ามองกว่าจริงๆ…
“ไม่แย่ หล่อมาก ซื้อชุดนี้ด้วย” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าอย่างพอใจ
“เฮ้อ ของคุณภาพดีใส่แล้วสบายกว่าจริง แกดูก่อนหน้านี้ที่ฉันใส่พวกของตลาดนัด ใส่จนผิวฉันแพ้ผื่นขึ้นไปหมดแล้ว” เยี่ยมู่ฝานยกข้อมือขึ้นมา ด้านบนมีผดเล็กๆ สีแดงเป็นพรืด
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก “พี่เป็นโรคคุณชาย…”
เยี่ยมู่ฝานพูดขึ้นมาทันที “แกยังมีหน้ามาว่าฉัน? ผิวแกแพ้ง่ายกว่าฉันอีกหรือไม่จริง? รู้ไหมว่าทุกครั้งที่ฉันเลือกเสื้อผ้าให้แกต้องใช้พละกำลังไปเท่าไร เพราะกลัวว่าเนื้อผ้าไหนไม่เข้ากับแกแล้วจะทำให้แกแพ้น่ะ?”
“มีเหรอ ฉันว่าฉันโอเคอยู่นะ!” เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบๆ
หลายปีมานี้เหมือนไม่แพ้เท่าไรแล้ว…
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าใช้ชีวิตดีเกินไปเลยคุ้นชินมากกว่ามั้ง?
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้สานต่อคำถามนี้ ชี้ไปที่ชุดสูทสีน้ำเงินเข้มที่อยู่ไม่ไกลแล้วพูดว่า “พี่ไปลองชุดนั้น”
“ชุดสีน้ำเงินเข้มนั่น?” เยี่ยมู่ฝานถาม
“ใช่”
“ไม่ดีมั้ง? สายตาแกนี่ยังไง ก็เห็นชัดว่าชุดนั้นไม่เหมาะกับบุคลิกฉันไม่ใช่เหรอ”
“ใครบอกว่าจะซื้อให้พี่” เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว
“แกให้ฉันลองไม่ซื้อให้ฉัน แล้วซื้อให้ใคร…” เยี่ยมู่ฝานพูดไป จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าดูไม่ดีขึ้นมาทันที แล้วถามกลับว่า “แกคงไม่ได้… คิดจะซื้อให้ผู้ชายโฉดนั่นนะ?”
“ชายโฉดอะไร นั่นคือแฟนอย่างเป็นทางการของฉัน พี่ช่วยลองหน่อย ฉันอยากจะดูคร่าวๆ” เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้ปฏิเสธ
ใบหน้าเยี่ยมู่ฝานยิ่งตึงขึ้นกว่าเดิม เดินมาตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แกถึงกับซื้อเสื้อผ้าแพงขนาดนี้ให้เขา? หวันหวั่น แกแน่ใจนะว่าไอ้หมอนั่นพูดเรื่องจริง? แกต้องเปิดหูเปิดตาให้มากหน่อย ผู้ชายตอนนี้มีดีอยู่ไม่กี่คน!”
ได้ยินประโยคของเยี่ยมู่ฝานที่บอกว่า ‘ผู้ชายตอนนี้มีดีอยู่ไม่กี่คน’ เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าพูดไม่ออก มีที่ไหนแม้แต่ตัวเองยังด่าด้วย?
เยี่ยมู่ฝานพูดว่า “หวันหวั่น แกอย่ามาไม่เห็นด้วย ถ้าเขาเห็นแกทั้งมีเงิน หน้าตาก็ดีด้วย ถ้ามาหลอกเอาเงินหลอกฟันแกจะทำยังไง”
ได้ยินคำพูดนี้ เยี่ยหวันหวั่นยิ่งพูดไม่ออก
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “หลอกเอาเงิน… หลอกฟัน…?”
เยี่ยมู่ฝานเอ่ย “ใช่แล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นหน่ายใจ
เธอไม่พูดอะไรอยู่นาน สุดท้ายพูดจริงจังขึ้นมาว่า “พี่ พี่คิดมากไปแล้ว ถึงแม้จะหลอกเอาเงินหลอกฟัน นั่นคือฉันเป็นคนหลอกต่างหาก!”
“หมายความว่ายังไง”
“หมายความตามตัวอักษร เอาละ ไม่ต้องบ่นอีกแล้ว รีบไปเปลี่ยนชุดให้ฉันดู!” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเร่ง
เยี่ยมู่ฝานเห็นเยี่ยหวันหวั่นเร่งเร้า จึงไปห้องลองเสื้อผ้าเปลี่ยนชุดด้วยความไม่เต็มใจ
ไม่กี่นาทีต่อมา เยี่ยมู่ฝานเดินหน้าคว่ำออกมา “ได้หรือยัง”
เยี่ยหวันหวั่นลูบคาง มองดูอยู่นาน “อืม ทำไมถึงรู้สึกประหลาด”
“ก็บอกแล้วว่าไม่เข้ากับฉันไง!” เยี่ยมู่ฝานพูดอย่างไม่สบอารมณ์
เยี่ยมู่ฝานลองหยั่งเชิงถาม “แฟนแกหน้าตาเป็นยังไง เป็นประเภทไหน เล่าให้ฉันฟังหน่อย”
เยี่ยหวันหวั่นคิดไตร่ตรองหาคำพูด จากนั้นตอบ “หน้าตาเป็นยังไง… น่าจะหน้าตาดีกว่าพี่ร้อยเท่าได้”
สีหน้าเยี่ยมู่ฝานดำเหมือนก้นหม้อทันที “แกพูดจาโอเว่อร์ ระวังปากไว้เถอะ!”
ยีนตระกูลเยี่ยดี ลูกออกมามีแต่หนุ่มหล่อสาวสวย โดยเฉพาะเมื่อมีหน้าตาเขาที่เป็นพี่ชายอยู่ตรงนี้ ทำให้เธอบ้าคนหน้าตาดีตั้งแต่เด็ก บอกว่าแฟนเธอหน้าตาดี เขาเชื่อ แต่บอกว่าหน้าตาดีกว่าเขาร้อยเท่า นี่ตาบอดแล้วหรือเปล่า?
…………………………………………………