แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 183 อย่างมากก็แค่โดนสาดด้วยน้ำมันล้างเครื่องสำอาง / บทที่ 184 เพราะความที่หน้าตาดีเกินไป

บทที่ 183 อย่างมากก็แค่โดนสาดด้วยน้ำมันล้างเครื่องสำอาง

เวลานี้ยังเช้าอยู่ ฟ้าเพิ่งเริ่มสาง บนลูกกรงหน้าต่างยังมีไอหมอกและน้ำค้างติดอยู่ ในโรงเรียนว่างเปล่าไม่มีใครอยู่สักคนเดียว

แต่ว่า เจียงเยียนหรานมองไปตามสายตาเยี่ยหวั่นหวัน กลับเห็นเงาคนหนึ่งที่คุ้นเคยอยู่ข้างล่าง

ชายหนุ่มเหมือนเทพเฝ้าประตู ยืนอยู่ชั้นล่างของหอพักหญิงไม่ขยับเลย

ส่วนเจียงเยียนหรานสังเกตเห็น เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มใส่นั้น ยังเป็นชุดนอนของเมื่อคืนอยู่เลย

บทที่เมื่อคืนเยี่ยหวั่นหวันโทรไปหาฉู่เฟิงหลับไปแล้ว เป็นเพราะรีบร้อนมาหา เลยไม่ทันได้เปลี่ยนชุดนอน

แต่ตอนนี้เช้าแล้ว เขายังคงใส่ชุดนอนนั้นอยู่…

หรือว่าเขาไม่ได้กลับไปเลย ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคืน?

คิดมาถึงตรงนี้ ในใจเจียงเยียนหรานเหมือนโดนอะไรอย่างหนักชนเข้าใส่ หันหลังกลับ วิ่งไปทางบันไดอย่างรวดเร็ว

เยี่ยหวั่นหวันเห็นเบื้องหลังเจียงเยียนหราน มองดูแล้วมีความรู้สึกเหมือนลูกสาวในบ้านโตเป็นสาวแล้วอย่างประหลาด

ชั้นล่าง

ฉู่เฟิงที่กำลังยืนเหม่อลอยอยู่ ทันใดนั้นเห็นเจียงเยียนหรานวิ่งเข้ามาหา สีหน้าเขาตกตะลึงขึ้นมา จากนั้นใบหน้าหล่อก็เริ่มแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด มือเท้าไม่รู้จะวางไหว้ตรงไหนดี “เยียน… เยียนหราน…”

“คุณ…” เจียงเยียนหรานไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ถามออกไปอย่างลังเล “เมื่อคืนคุณได้กลับไปนอนเหรอ?”

ชายหนุ่มส่ายหน้า ไม่กล้าโกหก เหมือนเด็กน้อยที่ทำผิดแล้วยืนอยู่ตรงนั้น ตอบอย่างตรงไปตรงมา “ผม… ผมไม่กล้านอน…”

“ทำไมไม่กล้านอน?” เจียงเยียนหรานไม่เข้าใจ

ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก เงียบไปสักพัก จากนั้นตอบเสียงเบามาก “ผมกลัวว่าผมกำลังฝันอยู่ กลัวว่าผมตื่นมาแล้ว…” จะไม่มีภรรยาแล้ว

ถึงแม้ว่าฉู่เฟิงจะไม่ได้พูดคำหลังออกมา แต่เจียงเยียนหรานก็ยังเข้าใจความหมายเขา

หลายปีมานี้เธอตามจีบซ่งจื่อหังอยู่หลายปี จนแทบจะลืมไปแล้วว่าเธอคือผู้หญิงคนหนึ่ง ลืมความรู้สึกที่มีคนทะนุถนอมนั้นเป็นยังไงไปแล้ว

ถึงแม้ฉู่เฟิงจะซื่อจนบื้อไปบ้าง แต่กลับทำให้เธอรู้สึกจริงใจและสบายใจ

เจียงเยียนหรานมองคนตรงหน้าเงียบๆ ความมืดมนและมัวหมองในแววตาค่อยๆ จางหายไป เธอพูดออกไปขณะที่สายตาของชายหนุ่มดูตื่นเต้นไม่เป็นสุขอยู่ “คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!”

พูดจบ เจียงเยียนหรานเดินไปข้างหน้าหลายก้าว เขย่งปลายเท้า จุ๊บเบาๆ ลงบนแก้มของฝ่ายชายครั้งหนึ่ง แล้วพูดเสียงเบา “คุณไม่ได้ฝันไป”

“อ้อ ผมกลับเดี๋ยวนี้ล่ะ…” ฉู่เฟิงกะพริบตาแล้วกะพริบตาอีก จากนั้นยืดตัวตรง หันหลังกลับ เดินจากไปอย่างเชื่อฟังทีละก้าวๆ

“เอ๋ นิ่งขนาดนี้เลย?”

ชั้นบน เยี่ยหวั่นหวันเห็นภาพเมื่อกี้ชัดเจน กำลังอุทานว่าเด็กคนนี้มีความคืบหน้าแล้ว ปรากฏว่า วินาทีต่อมากลับพบว่าฉู่เฟิงเดินไม่เป็นท่าเลย…

เยี่ยหวั่นหวันขำเบาๆ เท้าคางด้วยสีหน้าหวาดกลัว รู้สึกอิจฉาขึ้นมาอย่างประหลาด วัยรุ่นนี่ดีจริง สามารถชอบคนคนหนึ่งได้อย่างบริสุทธิ์ใจ

นั่งดูคนรักพลอดรักกันจนพอแล้ว เยี่ยหวั่นหวันกลับมานอนต่อบนเตียงอีกครู่หนึ่ง

หลังตื่นมา เป็นเวลาไปซ้อมใหญ่ที่หอประชุมเล็กพอดี

เจียงเยียนหรานล้างหน้าล้างตาไปซื้ออาหารเช้ากลับมาให้แล้ว รู้ว่าเธอจะไปซ้อม ก็มองเธออย่างกังวล พูดเตือน “พวกแฟนคลับของซือเซี่ยบ้าคลั่งเกินไป โดนเฉพาะเฉิงเสวี่ยนั่นเบื้องหลังไม่ธรรมดา เธอระวังตัวหน่อย!”

พูดถึงเฉิงเสวี่ยนั้นก็มีความพยายามมากจริงๆ เพื่อซือเซี่ยแล้ว ยอมแสดงบทเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย เพื่อที่จะเบียดแย่งตำแหน่งของผู้หญิงอีกคน

เยี่ยหวั่นหวันกัดซาลาเปาอย่างรวบรวมสมาธิไปพลาง แล้วก็พูดเสียงอู้อี้ขึ้นมา “วางใจได้ ผลที่หนักที่สุดอย่างมากก็แค่โดนสาดด้วยน้ำมันล้างเครื่องสำอางเท่านั้นเอง!”

………………………………………………………..

บทที่ 184 เพราะความที่หน้าตาดีเกินไป

ณ ห้องโถงเล็กของโรงเรียน

อุปกรณ์เครื่องแต่งกายของกลุ่มนักแสดงมาครบแล้ว ทุกคนกำลังล้อมวงตรวจดูด้วยความตื่นเต้น

“ว้าว! ชุดสวยมากเลย! หรูหราสุดๆ ไปเลย!”

“ลำบากเฉิงเสวี่ยแล้ว อุปกรณ์และเครื่องแต่งกายพวกนี้เป็นเพราะเธอช่วยไปยืมจากกองถ่ายมาให้! ถึงเวลาขึ้นเวทีการแสดงห้องเราจะต้องสวยที่สุดแน่นอน!”

“เธอฝันไปหรือไง! ต่อให้อุปกรณ์และเครื่องแต่งกายจะหรูหราแค่ไหน ก็ไม่อาจชดเชยหน้าตาแย่จนทนมองไม่ได้ของเยี่ยหวันหวั่นได้หรอก?”

“หมดคำจะพูดกับยัยตัวประหลาดนี่จริงๆ หน้าตาแบบนี้ไม่รู้ว่าทำไมยังกอดบทสโนไวท์ไม่ยอมปล่อย บีบให้เฉิงเสวี่ยต้องมารับบทราชินีวายร้าย!”

“แล้วยังไง ไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่บาดเจ็บ เสี่ยวเสวี่ยของพวกเราจะต้องเป็นราชินีที่งามที่สุดในประวัติศาสตร์แน่นอน!”

เวลานี้เอง ก็มีคนข้างๆ หยิบยกข้อสงสัยขึ้นมา “เดี๋ยวนะ แม้ว่าละครเวทีจะมีส่วนประกอบของความโอเว่อร์ แต่ใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นไม่ได้เว่อร์เกินขีดแล้วเหรอ? ปล่อยให้เธอขึ้นเวทีจะไม่เป็นปัญหาจริงๆ ใช่ไหม?”

พวกลิ่วล้อที่อยู่ข้างเฉิงเสวี่ยเหล่สายตามองไปทางเยี่ยหวันหวั่น จากนั้นก็เอ่ยถ้อยคำกล่าวโทษ “แล้วไม่ใช่งั้นเหรอ แม้แต่อุปกรณ์เครื่องแต่งกายยังช่วยอะไรเขาไม่ได้ สุดท้ายต้องบีบให้พวกเราเปลี่ยนบทไปซะ!”

“ห๊า? เปลี่ยนบท? เปลี่ยนอย่างไร?”

เฉิงเสวี่ยตอบไปด้วยสีหน้าจนใจ “เปลี่ยนบทเป็นแม่ของสโนว์ไวท์ต้องการที่ปกป้องสโนว์ไวท์ จึงให้เธอแต่งหน้าเข้มเพื่ออำพรางโฉมหน้าแท้จริงตั้งแต่เล็กจนโต แบบนี้ตั้งแต่ต้นจนจบเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ต้องเปิดเผยโฉมหน้าแล้ว”

“ฮะฮะฮะฮ่า แม่เจ้าแบบนี้ก็ได้เหรอ?”

พวกลิ่วล้อแค่นเสียงเย็นชา “ไม่งั้นจะทำอย่างไรได้? ถึงเวลานั้นหากผู้ใหญ่คนสำคัญมากมายขนาดนั้นมาถึงลานแสดง ตกใจไปใครจะรับผิดชอบ?”

……

ผู้คนต่างพูดจาเหน็บแหนบฉันว่าอย่างเธอว่าอย่างต่อเยี่ยหวันหวั่น พลางส่งสายตารังเกียจและดูแคลนเป็นครั้งคราว

เยี่ยหวันหวั่นกลับลูบเครื่องแต่งกายของตัวเอง มือเท้าคาง ยิ้มตาหยีฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกเขา กระทั่งพวกเขาเม้าท์มอยกันพอประมาณแล้ว จึงแทรกเข้าไปประโยคหนึ่งอย่างใจเย็น “เอ๋ ความจริงให้ลบเครื่องสำอางขึ้นเวทีก็ได้นะ เวลาที่ฉันลบหน้าแล้วดูดีมากเลย!”

วินาทีที่คำพูดของเยี่ยหวันหวั่นจบลง บรรยากาศในห้องก็เงียบพิลึกขึ้นมาทันที

ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงหัวเราะดังต่อเนื่องเป็นระลอก

“ฮ่ะฮ่าฮาฮาฮา เมื่อกี้ยัยตัวประหลาดพูดว่าอะไรนะ? เธอบอกว่าตัวเองลบหน้าแล้วดูดีมากเหรอ!”

“เธอไปเอาความมั่นใจจากไหนถึงกล้าพูดจาแบบนี้!”

“ล้อเล่นสินะ! ให้เธอลบหน้าขึ้นเวที อยากให้ผู้ชมทั้งห้องโถงตกใจตายใช่ไหม? นี่คือการแสดงเจ้าหญิงสโนว์ไวท์หรือละครสยองขวัญเที่ยงคืนกันแน่?”

เยี่ยหวันหวั่นหน้าตาจริงจัง “เฮ้ ฉันลบเครื่องสำอางแล้วดูดีจริงๆ นะ ที่ต้องแต่งหน้าแบบนี้อยู่ตลอด เพราะกลัวว่าความสวยจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายต่างหากล่ะ!”

สีหน้าของทุกคนตรงนั้น “……”

เหอเหอ พวกเขาจะต้องเสียสติไปแล้วแน่นอน ถึงได้มีเวลามาฟังยัยตัวประหลาดสมองมีปัญหาคนนี้พูดจาไร้สาระที่นี่

เยี่ยหวันหวั่นเห็นว่าไม่มีใครเชื่อ ถอยหายใจอย่างช่วยไม่ได้ วันนี้เธออารมณ์ดีใช้ได้เลย นานๆ จะพูดถ้อยคำจริงใจออกมา แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ

“ยัยตัวประหลาด! เลิกมานั่งฝันกลางวันอยู่ตรงนี้ได้แล้ว รีบมาซ้อมใหญ่เร็วเข้า! อีกอย่างปล่อยมือสกปรกของเธอออกจากชุดได้แล้ว ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนตอนนี้ รอให้ถึงวันขึ้นแสดงถึงจะเปลี่ยนได้ ไม่งั้นทำชุดเสียหายขึ้นมาเธอมีปัญญาชดใช้ไหม?” ลิ่วล้อของเฉิงเสวี่ยมือเท้าเอว ถลึงตาจ้องมองเธออย่างดุร้าย

หลังจากเปลี่ยนบท โดยพื้นฐานเยี่ยหวันหวั่นถูกเปลี่ยนจากสโนว์ไวท์เป็นซินเดอเรลล่าแล้ว ชุดราคาแพงที่พวกลิ่วล้อพูดถึงนั้นความจริงมีฝุ่นเขรอะ ไม่รู้ว่าทำมาจากหนังของตัวอะไร ทั้งอัปลักษณ์ทั้งแข็ง สวมใส่ก็ยาก

เยี่ยหวันหวั่นเดิมทีก็ขี้เกียจจะเปลี่ยนอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้แน่นอนว่าอยากโยนไปไว้ด้านข้างแทบใจจะขาด

………………………………….

Options

not work with dark mode
Reset