บทที่ 189 ไม่สามารถทำความต้องการของคุณได้
“ฮา แค่กๆๆๆ…” สวี่อี้ที่อยู่หน้าประตูตกใจสำลักออกมา จนกลีบปอดเกือบจะหลุดออกมา
สุดยอด! เยี่ยหวั่นหวันคนนี้ กล้าพูดคำพูดแบบนี้ออกมาด้วย!
กล้าพูดว่าจะมีอะไรกับเจ้านายเขาต่อหน้าคำพูดแบบนี้ก็กล้าพูดออกมาได้!
เขาไม่กล้ามองสีหน้าเจ้านายตัวเองเลยจริงๆ!
เวลานี้ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เยี่ยหวั่นหวันพูดอะไรที่น่าตกใจออกมาอีก สวี่อี้เลยรีบยื่นมือผลักประตูเปิดออก “คุณชายซือเซี่ย คุณ… คุณหนูเยี่ย…”
เยี่ยหวั่นหวันที่กำลังโมโหอยู่ได้ยินเสียงประตู ก็หลังแข็งทื่อขึ้นมาทันที
จากนั้น หันหน้าไปก็เห็นสวี่อี้ แล้วยังมีซือเยี่ยหาน…
ไอ้หยา!!!
เยี่ยหวั่นหวันมองใบหน้าภูเขาน้ำแข็งของซือเยี่ยหานที่ทำให้สิ่งมีชีวิตกลับตาลปัตรไปหมด รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเรือไททานิค ทั้งตัวเธอแข็งค้างอยู่อย่างนั้น
ในสมองเธอเต็มไปด้วยประโยคนั้นที่เมื่อกี้ตัวเองตะคอกออกไปด้วยความโกรธจัด “จะต้องให้ตอนนี้ฉันไปเรียกซือเยี่ยหานมามีอะไรกับเขาต่อหน้าคุณ” …
เมื่อกี้เสียงเธอดังขนาดนั้น ซือเยี่ยหานต้องได้ยินแน่นอน!
ศักดิ์ศรีของเธอ! ภาพลักษณ์ที่บริสุทธิ์ของเธอ! หมดกัน!
ในสมองเยี่ยหวั่นหวันมีเสียงหึ่งๆ ไปมา หน้ามืดตามัว ผ่านไปนานกว่าจะรู้สึกตัวจากการโจมตีอย่างรุนแรงนี้ เธอรีบพูดติดๆ ขัดๆ “ซือ… ซือเยี่ยหาน… คุณมาได้ยังไง… คุณมาเยี่ยมซือเซี่ยหรือ… เหอๆๆ… เมื่อ… เมื่อกี้ฉันแกล้งเด็กเล่นน่ะ… คุณอย่าถือสา… คนเขาไม่มีทาง ยังไงก็ไม่มีทางที่จะมีจิตใจคิดทรยศอย่างนั้น…”
ซือเยี่ยหานไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองเธอด้วยสีหน้าที่ดูค่อนข้างประหลาด
เยี่ยหวั่นหวันโดนแววตาสองข้างของซือเยี่ยหานที่เย็นชาและลึกล้ำคู่นั้นจ้องมองอย่างเงียบๆ และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หนังศีรษะเธอเหน็บชาเป็นระยะ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จนบทที่เธอแทบจะทนไม่ไหวอยากจะพุ่งเข้าไปในวัดโกนหัวให้ล้านเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ในที่สุดริมฝีปากบางที่ไม่แยแสของผู้ชายตรงข้ามก็ค่อยๆ เปิดออก พูดมาหนึ่งประโยค “เซี่ยเซี่ยยังไม่บรรลุนิติภาวะ”
สีหน้าเยี่ยหวั่นหวันอึ้งไป “คะ? หมาย… หมายความว่ายังไงคะ?”
เธอไม่เข้าใจที่จู่ๆ ซือเยี่ยหานก็พูดประโยคที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาหมายความว่ายังไง
ซือเยี่ยหานหลุบตา จัดแจงชายข้อมือ จากนั้นเหลือบมองเธออย่าสบายอารมณ์ “หมายความว่า ผมไม่สามารถทำตามความต้องการของคุณได้ชั่วคราว”
เยี่ยหวั่นหวัน “… !!!”
ฮา….
เยี่ยหวั่นหวันเกือบจะกระอักเลือดออกมาสามลิตร!
บ้าไปแล้ว! เพราะว่าซือเซี่ยยังไม่บรรลุนิติภาวะ เลยหมายความว่าไม่สามารถแสดงบทบาทต่อหน้าเขาได้ใช่ไหม?
แล้วถ้าซือเซี่ยบรรลุนิติภาวะแล้ว หรือว่าก็สามารถทำอะไรๆ ต่อหน้าเขาได้ยังงั้นเหรอ! นี่มันไม่ถูกต้องตรงไหนนะ!
เธอยอมคุกเข่าให้กับตรรกะของซือเยี่ยหานเลย!
ที่สำคัญคือเขายังใช่น้ำเสียงจริงจังแบบนั้นพูดออกมาอีก…
ส่วนเวลานี้ซือเซี่ยที่ยังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ เยี่ยหวั่นหวันใช้หางตามองไปทางเขา เห็นเพียงสีหน้าของอีกฝ่ายเขียวคล้ำ มือสั่นค่อยๆ คลำหาเครื่องพ่นบนหัวเตียง
เด็กน้อยที่น่าสงสาร…
“ร่างกายเป็นยังไงบ้าง?” ซือเยี่ยหานพูดจบ ในที่สุดสายตาก็หันไปมองทางเด็กหนุ่มบนเตียงคนไข้
บนเตียงคนไข้ ซือเซี่ยฮึดฮัดเสียงเย็นชา “จอมปลอม!”
ซือเยี่ยหานไม่สนใจการกระทำของเด็กหนุ่ม ยังคงพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย “ให้น้ำเกลือเสร็จแล้วให้สวี่อี้ไปส่งนายกลับไปพักผ่อนหลายวัน”
เยี่ยหวั่นหวันที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าเห็นด้วยติดต่อกัน “ใช่แล้วใช่แล้ว! เซี่ยเซี่ย ร่างกายคุณแย่มากเลย คุณอาสะใภ้ต้องเป็นห่วงมากแน่นอน คุณกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ!”
เด็กหนุ่มกุมหน้าอกอย่างยากลำบาก ใกล้จะโดนสองคนนี้ทำให้โมโหตายแล้ว
ที่เขากลายเป็นแบบนี้เพราะใครทำ?
ตอนนี้คิดถึงร่างกายเขาแล้ว เมื่อกี้ขับรถด้วยความเร็วทารุณสุนัขทำไมไม่เห็นจะนึกถึงร่างกายที่ยังอ่อนเยาว์ของเขาบ้าง!!!
………………………………………………….
บทที่ 190 ใช้หน้าธรรมชาติแสดง
ในขณะเดียวกัน ที่หอพักหญิง
โต๊ะเครื่องแป้งของเฉิงเสวี่ยยุ่งเหยิงไปหมด บนพื้นเต็มไปด้วยกระจกที่แตกกระจายและเครื่องสำอางราคาแพง
หญิงสาวคนอื่นอีกสามคนในห้องนอนหลบอยู่ในมุมห้องตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ทั้งสามคนต่างผลักกันไปมา รออยู่นาน จนกระทั่งเฉิงเสวี่ยทำลายข้าวของทั้งหมดจนแทบไม่เหลือแล้ว หญิงสาวผมสั้นคนหนึ่งในนั้นถึงค่อยเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง “เสี่ยวเสวี่ย อย่าโมโหไปเลย ยัยอัปลักษณ์เยี่ยหวั่นหวันนั่นหน้าด้านแล้วยังคิดไม่ซื่ออีก ซือเซี่ยต้องโดนผู้หญิงคนนั้นพูดคำหวานหลอกใส่แน่นอน! ที่จริงแล้วฉันมีแผนอยู่ รับรองว่าสามารถฉีกหน้ากากของยัยอัปลักษณ์เยี่ยหวั่นหวันให้เห็นธาตุแท้ได้แน่นอน!”
สีหน้าเฉิงเสวี่ยมองไปที่หญิงสาวผมสั้นอย่างหงุดหงิด
ผู้หญิงที่เหลืออีกสองคนรีบพูดเร่ง “แผนอะไร เธอรีบพูดมาเร็วเข้า!”
ผู้หญิงผมสั้นพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับซับซ้อน “พวกเธอรู้ไหมว่าเรื่องที่เยี่ยหวั่นหวันกลัวมากที่สุดคืออะไร?”
“คืออะไร?” ทั้งสองคนไม่เข้าใจ เฉิงเสวี่ยก็มีสีหน้าครุ่นคิด
ผู้หญิงผมสั้นพูดอย่างตื่นเต้น “คือล้างเครื่องสำอางไง! เรียนห้องเดียวกันมาตั้งนาน พวกเธอมีใครเคยเห็นหน้าตาของเยี่ยหวั่นหวันตอนล้างเครื่องสำอางออกบ้าง?”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ผู้หญิงท้วมรูปร่างสูงหนึ่งในนั้นออกแรงส่ายหน้าแล้วพูด “ไม่เคยจริงๆ นะเนี่ย! แต่ก็ควรจะเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ยัยอัปลักษณ์นั่นกล้าโชว์หน้าสดที่ไหน! ต้องแต่งหน้าหนาขนาดนี้ถึงค่อยสามารถปิดบังหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นได้หรอก?”
อีกคนที่คางแหลมสีหน้าเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยหัวเราะแล้วพูดขึ้นมา “ยัยอัปลักษณ์นั่นยังถือว่าไม่มีใครเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอเป็นยังไง เลยพูดอย่างหน้าไม่อายต่อหน้าทุกคนว่าที่จริงแล้วตัวเองสวยมาก กลัวว่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวายเลยจงใจแต่งหน้าแบบนี้! ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมหล่อนถึงกล้าพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้!”
“ฮึ คงคิดว่าทุกคนจะโง่เหมือนหล่อนสินะ!”
“แล้วยังมีข่าวลือว่าหล่อนไม่เพียงแต่หน้าตาพิการ แต่ศัลยกรรมล้มเหลวทำเสียโฉมอีกด้วย ดังนั้นเลยต้องแต่งหน้าเหมือนผีทุกวัน!”
“โอ้โห! ศัลยกรรมล้มเหลว! จริงหรือนี่?”
“จริงหรือไม่จริง ไปดูด้วยตาตัวเองก็รู้แล้ว?” ผู้หญิงผมสั้นพูดแล้วอมยิ้ม
ทั้งสองคนไม่เข้าใจ “เอ๋? จะดูยังไง?”
ผู้หญิงผมสั้นยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นเดินไปทางเฉิงเสวี่ย กระซิบเสียงเบาข้างหูเธอ
เห็นสายตาเฉิงเสวี่ยน่ากลัวและเย็นยะเยือก มองไปทางผู้หญิงผมสั้น ราวกับเธอพอใจในแผนนี้มาก “แผนนี้… ไม่เลวเลย ทำตามที่เธอพูดแล้วกัน!”
……
ผ่านไปพริบตาก็มาถึงวันงานแสดงศิลปวัฒนธรรม
ทั้งโรงเรียนทำความสะอาดกันอย่างเรียบร้อย ทั่วทุกที่เต็มไปด้วยป้ายต้อนรับผู้นำเข้าเยี่ยมชมงาน ด้านในหอประชุมใหญ่เปิดโคมไฟสีสันสดใส
วันนั้นหลังซือเยี่ยหานมาที่โรงเรียน ซือเซี่ยก็โดนรับกลับไปพักฟื้นที่บ้าน จนถึงเมื่อวานค่อยกลับมาโรงเรียน พวกแฟนคลับที่ติดตามซือเซี่ยก็หายไปไม่น้อย ทำให้หลายวันนี้เยี่ยหวั่นหวันอยู่อย่างสบายใจมาก
รอวันนี้ที่งานแสดงศิลปวัฒนธรรมสิ้นสุดลง การสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ใกล้เข้ามาแล้ว ถึงตอนนั้นจะได้หลุดพ้นจากพวกผู้หญิงบ้าอำนาจพวกนี้เสียที
คิดถึงความหวังที่อยู่ตรงหน้าแล้ว แม้แต่บทที่สวมเสื้อผ้าแข็งๆ เยี่ยหวั่นหวันไม่รู้สึกลำบากแล้ว
เฉิงเสวี่ยก็ทุ่มเทเหลือเกิน เตรียมเครื่องแต่งกายชุดนี้ให้เธอน่ากลัวยิ่งกว่าภาพลักษณ์เธอเวลาปกติอีก
มีผ้าคลุมหัวใยแมงมุมหนามาก ทั้งตัวเป็นชุดหนังสัตว์ขาดรุ่งริ่ง ดูลึกลับคาดเดาไม่ได้จริงๆ
“ทุกคนทำเวลารีบมาต่อคิวแต่งหน้าสิ! เร็วเข้าๆ! เยี่ยหวั่นหวันเธอไม่ต้องแล้ว เธอเป็นแบบนั้นแหละ!”
“ฮาๆๆ เธอยังต้องแต่งอะไรอีก! ใช้หน้าธรรมชาติแสดงก็พอแล้ว!”
……………………………………………..