บทที่ 219 รู้สึกเหมือนโดนทิ้งเลย
เวลาติวเข้มสองชั่วโมงที่ได้รับผ่านไปด้วยดี เยี่ยหวันหวั่นพึงพอใจ กลับห้องไปทำแบบทดสอบด้วยตัวเองต่อ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เยี่ยหวันหวั่นดื่มด่ำอยู่ในมหาสมุทรความรู้ดั่งหนอนหนังสือ เพียงพริบตาก็ดึกมากแล้ว
อืม ได้เวลาจ่ายค่าเรียนแล้ว…
แม้ว่าเวลาตอนที่พูดว่า “ดีล” จะมีพลังดั่งสามารถกลืนภูเขาและแม่น้ำได้ แต่พอถึงเวลาจริงก็รู้สึกผิดขึ้นมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งนี้ซือเยี่ยหานยังพูดว่าเขาเป็นเพียงผู้ชายปกติอะไรแบบนี้…
อาบน้ำอืดอาดยืดยาดจนเสร็จแล้ว ซือเยี่ยหานก็ยังไม่มาตาม เยี่ยหวันหวั่นรอจนร้อนใจเสียเอง แต่ก็ไม่อยากเป็นฝ่ายไปหาเขา ดังนั้นจึงโทรศัพท์ไปหาเขาแทน
เวลานี้เอง ในห้องหนังสือ
สวี่อี้กำลังทำสรุปรายงานประจำวัน
ครู่หนึ่ง โม่เสวียนก็เดินเข้ามา “คุณชายเก้า คุณเรียกหาผมเหรอครับ!”
เหมือนว่าจะยังไม่ถึงเวลาเข้านอนของคุณชายเก้าสักหน่อย ทำไมถึงเรียกหาเขาเร็วขนาดนี้?
ซือเยี่ยหานเหลือบตาขึ้น มองโม่เสวียนที่อยู่ตรงข้ามแล้วพูดประโยคหนึ่ง “ตั้งแต่วันนี้ไป คุณไม่ต้องมาชั่วคราว”
โม่เสวียนได้ยินพลันชะงักอึ้ง “ห๊ะ ไม่ต้องมาแล้ว? ถ้าอย่างนั้นอาการป่วยของคุณชายเก้า…”
สวี่อี้ที่หอบเอกสารเป็นกองอยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน
อาการของนายท่านช่วงนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เหตุใดจู่ๆ ถึงสั่งให้โม่เสวียนไม่ต้องมาแล้ว?
“นายท่านหาหมอที่เหมาะสมกว่าได้แล้วเหรอครับ?” สวี่อี้เอ่ยถาม
โม่เสวียนย่นคิ้ว ไม่ใช่ว่าเขาชมตัวเองหรอกนะ ทางด้านการสะกดจิตนี้ เขากล้าพูดว่าตนเองคือที่หนึ่ง ไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าเป็นรอง เขาไม่มีทางหาหมอที่ดีกว่านี้ได้
เวลานี้เอง มือถือของซือเยี่ยหานพลันดังขึ้น
สายตาของคนทั้งสองเหลือบเห็น สายเรียกเข้าที่แสดงบนหน้าจอมือถือคือชื่อของเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นอยู่ในบ้านไม่ใช่เหรอ ยังต้องโทรศัพท์หาด้วย?
ขณะที่กำลังสงสัย ก็ได้ยินเสียงของเยี่ยหวันหวั่นทางปลายสายอยู่ลางๆ
“ฮัลโหล…คือว่า…ซือเยี่ยหาน ฉันอยากจะถามว่า…คุณจะนอนเมื่อไร? ให้ฉันไปหาคุณ หรือว่าคุณจะมานอนที่ห้องฉัน?”
เนื่องจากในห้องหนังสือเงียบมาก จึงได้ยินชัดเจนทุกคำที่เยี่ยหวันหวั่นพูด หลังจากที่คนทั้งสองได้ยินต่างก็ตกตะลึงไป
“ฉันจัดการธุระพวกนี้เสร็จก็มาได้”
ซือเยี่ยหานวางสาย แล้วหันไปพูดกับโม่เสวียนต่อทันที “เงินเดือนจ่ายเหมือนเดิม เมื่อไรที่ต้องการให้คุณมาผมจะให้สวี่อี้โทรไปบอก”
พูดจบก็สั่งให้คนทั้งสองออกไป
โม่เสวียนเดินออกจากห้องหนังสือมาแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
สวี่อี้ตบไหล่ของเขาด้วยความเห็นใจ “ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ตอนนี้คุณหนูเยี่ยไปโรงเรียนแบบเช้าเย็นกลับแล้ว ไม่อยู่หอพักโรงเรียนแล้ว ความหมายก็คือ นายท่านมีคนนอนเป็นเพื่อนแล้ว คุณจึงไม่ต้องมาชั่วคราว!”
โม่เสวียนหน้าเครียด “คำพูดนี้ ทำไมฟังดูแปลกๆ?”
ทำเหมือนกับว่าเขาโดนทิ้งอะไรอย่างนั้น…
โม่เสวียนไตร่ตรองพลันกล่าว “เซอร์ไพรส์มากเลย ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้เยี่ยหวันหวั่นจะสงบเสงี่ยมได้นานขนาดนี้ อีกทั้งจู่ๆ ก็รู้จักสถานการณ์ได้เช่นนี้ ดูไม่เหมือนนิสัยของเธอเลยจริงๆ ที่จะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ผมยังคิดเลยว่าครั้งก่อนที่คุณชายเก้าสติหลุดไปแตะต้องตัวเธอ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องก่อเรื่องวุ่นวายโกลาหลแน่ๆ แต่ผลที่ได้กลับเงียบสงบอย่างไม่น่าเชื่อ…”
กลัวแต่ว่าจะมีเรื่องไม่ดีซ่อนอยู่น่ะสิ…
สวี่อี้ย่อมรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “ไม่สนว่าเธอจะคิดได้แล้วจริงๆ หรือยังมีความคิดที่จะหนีเหมือนเดิม ไม่ว่าแบบไหนก็ไม่ต่างกัน เพราะคุณชายเก้าไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่นอน หากเธอคิดจะทำร้ายคุณชายเก้า ลำพังแค่ตัวเธอน่ะเหรอ? เป็นไปไม่ได้!”
โม่เสวียนถอนหายใจ “เฮ้อ ไม่ต้องมาชั่วคราวก็ดี ในที่สุดก็ได้พักผ่อนบ้าง ตอนที่ผมไม่อยู่ ก็ฝากนายช่วยอัพเดทสถานการณ์ของคุณชายเก้าให้ผมด้วย ไม่แน่หากผู้หญิงคนนั้นรักษาปมในใจของคุณชายเก้าได้จริง…”
“ทราบแล้วครับ” สวี่อี้ตอบรับ
…………………………………
บทที่ 220 เธอกำลังสงสัยความสามารถของฉัน?
ในห้อง
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินประโยคนั้นของซือเยี่ยหานว่า ‘ฉันจัดการธุระพวกนี้เสร็จแล้วจะไป’ เธอมีสีหน้าพูดไม่ออก
ทำไมคำนี้พูดได้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภรรยาที่กำลังรอสามีทำงานเสร็จเลย?
เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นแค่เด็กม.หกที่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ได้แต่เอาตัวเข้าแลก!
ติววิชาเลขไปทั้งคืน สิ้นเปลืองพลังงานไปมาก เยี่ยหวันหวั่นหัวถึงหมอนก็หลับไปเลย
ระหว่างที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ เหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคย จากนั้นกลิ่นอายเย็นๆ ก็เข้ามาปะปนลมหายใจเธอดั่งเงาตามตัว จู่โจมมาที่ร่างกายของเธอ
เยี่ยหวันหวั่นโดนรบกวนจึงขมวดคิ้ว ปากเล็กเอาแต่บ่นพึมพำอะไรอยู่ตลอด
ซือเยี่ยหานจ้องมองริมฝีปากของหญิงสาว ใช้นิ้วหยาบลูบไล้เบาๆ และโน้มตัวลงไป ปรากฏว่าเพิ่งจะโน้มเข้าใกล้ก็ได้ยินเสียงบ่นนั้นของเยี่ยหวันหวั่น “ลำดับเลขคณิต อัตราส่วนที่เท่ากัน สูตรทั่วไปหาผลรวมของ N…การหาปริพันธ์จำกัดเขตสองอย่าง ลำดับการคำนวณทางคณิตศาสตร์สี่ข้อ…”
บ่นอยู่นาน ทันใดนั้นเธอก็เขยิบตามไออุ่นไปซุกในอ้อมกอดเขา เปลี่ยนเสียงบ่นพึมพำ “พ่อคะ…”
ซือเยี่ยหานนิ่งไป
หลังเยี่ยหวันหวั่นเรียกคำนี้ก็ไม่ได้ขยับอีก เหมือนว่าหลับไปแล้ว ผ่านไปนานไหล่ถึงค่อยๆ สั่นเบาๆ พึมพำอย่างร้อนรนและสับสนอลหม่านในความฝันว่า “หวันหวั่นเป็นเด็กดี…หวันหวั่นตั้งใจเรียน…อย่าโกรธหนูเลย…อย่าไม่ยอมรับหนู…ได้ไหม…”
สายตาซือเยี่ยหานจ้องมองใบหน้าเล็กของหญิงสาวอย่างสับสน ผ่านไปครู่หนึ่ง เขายื่นมือออกไป ใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาออกจากหางตาให้เธอ
เช้าวันรุ่งขึ้นตอนหกโมง นาฬิกาปลุกตรงเวลา
เยี่ยหวันหวั่นเอาหัวซุกเข้าไปในผ้าห่มตามสัญชาตญาณ หนีเสียงนาฬิกาปลุก สักพักถึงค่อยโผล่ออกมาอย่างไม่ยินดีนัก กดนาฬิกาปลุก จากนั้นลุกขึ้นมาเหมือนวิญญาณเร่ร่อน
ผลคือฝั่งนี้ลุกมาได้ครึ่งหนึ่ง ก็มีแรงหนักดึงเอวเธอกลับไปในทันที
เธอจึงกลับไปนอนบนเตียงอีกครั้ง ปากอ้าตาค้างกับใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้คนตาพร่าของซือเยี่ยหาน
ผ้าม่านในห้องถูกปิดอยู่ มีเพียงแสงจางๆ ส่องทะลุเข้ามา เตียงใหญ่ที่ทั้งนุ่มสบายและอบอุ่น ข้างๆ ยังมีปีศาจตนหนึ่งที่ทำให้คนหลงเสน่ห์นอนอยู่ ถ้าเป็นคนทั่วไปคงอยากจะนอนไปทั้งชีวิตไม่ลุกขึ้นมา
เยี่ยหวันหวั่นไม่คิดว่าตัวเองกังวลมานาน เพราะเหนื่อยเกินเลยหลับไปจนถึงเช้า แม้แต่ตอนกลางคืนซือเยี่ยหานมาตอนไหนยังไม่รู้เลย
เอวของเยี่ยหวันหวั่นถูกมือใหญ่โอบไว้ ร่างกายโดนกอดอยู่ในอ้อมอกราวกับหมอนใบหนึ่ง ท่าทางที่แนบชิดสนิทกันมากทำให้ใจเธอเต้นรัวเหมือนกลอง “เอ่อ คือว่า…ฉันต้องลุกจากเตียงมาทบทวนบทเรียนแล้วนะ…”
ดวงตาฝ่ายชายยังไม่ลืมตาขึ้น ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยเธอลุกจากเตียง เสียงแหบแห้งกระซิบพูด “ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมง”
“เอ่อ…” เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกทันใด
เมื่อคืนเธอเพิ่งนอนไปตอนเที่ยงคืน ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้า ยังเหลืออีกสองชั่วโมงถึงจะนอนครบแปดชั่วโมงด้วยกัน
เขานับเวลาด้วยหรือเนี่ย! ต้องขี้เหนียวขนาดนี้เลยเหรอ?
หลายวันมานี้เยี่ยหวันหวั่นตื่นเช้าจนชินแล้ว ถึงแม้ว่าจะง่วงมากจริงๆ แต่ให้เธอนอนบนเตียงจนครบแปดชั่วโมงอย่างสบายใจก็รู้สึกผิด ดังนั้นเลยได้แต่ปรึกษาเขา “เอ่อ คุณครูซือคะ พวกเราคุยกันหน่อย ช่วยลดลงได้ไหม หกชั่วโมงได้หรือเปล่า? ฉันโชคดีเรียนมาถึงชั้นม.หก วิชาเลขก็แย่ขนาดนี้ จำเป็นต้องเร่งเวลาแล้ว ไม่งั้นถ้าผลสอบออกมาแย่จะทำยังไง…”
ด้านข้าง ในที่สุดดวงตาของชายหนุ่มก็ค่อยๆ เปิดขึ้นมา อยู่ท่ามกลางความมืดสลัวแล้วเหมือนหินออบซิเดียนที่แช่อยู่ในสระน้ำเย็น “เธอกำลังสงสัยความสามารถของฉัน?”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกทันที
แล้วถ้าคะแนนสอบออกมาแย่ล่ะ สามารถขอค่าเทอมคืนเต็มจำนวนได้ไหม?
…………………………………………………