บทที่ 729 ต้องทำให้คุณพอใจแน่
ฉินรั่วซีได้ยินก็กวาดมองเขาอย่างราบเรียบ และสั่งว่า “ห้ามทำอะไรทั้งนั้น”
หยวนเซิงว้าวุ่นใจ “หล่อนกดดันคุณหนูขนาดนี้ คุณหนูจะยอมทนอยู่อีกเหรอครับ”
ขณะเห็นสืออีกับเฟิงเสวียนอี้ได้ผลประโยชน์อยู่ด้านหลังเยี่ยหวันหวั่น ผลประโยชน์ของฉินรั่วซีกลับเริ่มได้รับผลกระทบ เขาย่อมรู้สึกหวั่นวิตก
ไม่รอฉินรั่วซีเอ่ยปาก เซวียลี่ทางด้านข้างก็พูดด้วยสีหน้ารังเกียจ “หึ เจ้าโง่! การไปซื้อหยกดิบที่พม่าครั้งนี้ คุณหนูรั่วซีเตรียมตัวไว้ตั้งมากมาย ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นทำสำเร็จก็เป็นความดีความชอบของคุณหนูอยู่ดี ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหล่อน! คนในบริษัทไม่ใช่คนโง่ จะไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”
หยวนเซิงได้ยินก็ใจเย็นลงมาก พึมพำว่า “จริงด้วยสิ ผู้หญิงคนนี้แย่งความดีความชอบของคุณหนูรั่วซีไป มีแต่จะทำให้คนอื่นเกลียดเธอมากขึ้น!”
ดวงตาของเซวียลี่เป็นประกาย “ถึงเวลานั้นพวกเราใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ก็ทำให้หล่อนเสียความไว้วางใจได้แล้ว”
ฉินรั่วซีจิบชา “ครั้งนี้ให้คุณไปด้วย ควรจะทำอะไร รู้แล้วใช่ไหม?”
เซวียลี่รีบเอ่ย “คุณหนูรั่วซวีไม่ต้องห่วง ผมจะต้องทำให้คุณหนูพอใจแน่!”
…
พริบตาเดียวก็ถึงวันออกเดินทาง
ภายในสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ เยี่ยหวันหวั่นกับพวกเฟิงเสวียนอี้กำลังรอเครื่องบิน
การไปพม่าในครั้งนี้ของเยี่ยหวันหวั่น นอกจากเซวียลี่กับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินค่าหยกแล้ว พวกบอดี้การ์ดลับสิบคนเช่นเฟิงเสวียนอี้กับสืออีก็ติดตามไปด้วย
เนื่องจากการเดินทางในครั้งนี้ค่อนข้างฉุกละหุก อีกทั้งยังเป็นการตัดสินใจเฉพาะหน้า พวกเยี่ยหวันหวั่นจึงไม่ได้เหมาเครื่องบินไป
รออยู่ราวครึ่งชั่วโมง พวกเยี่ยหวันหวั่นจึงค่อยขึ้นเครื่องบินตรงไปยังประเทศพม่า
บนเครื่องบินครั้งนี้ นอกจากพวกเยี่ยหวันหวั่นแล้วยังมีผู้หญิงกับผู้ชายวัยกลางคนที่พาเด็กผู้ชายอายุสิบเอ็ดสิบสองปีคนหนึ่งมาด้วย
จากเมืองหลวงไปยังพม่าใช้เวลานั่งเครื่องราวห้าชั่วโมง
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นขึ้นเครื่องแล้ว ท่ามกลางเสียงเครื่องขึ้นที่ดังสนั่น สายตาของเธอมองไปยังนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ากว้างไกลเข้าสู่คลองจักษุ ความเหน็ดเหนื่อยมากมายจับขั้วหัวใจ เธอปิดสองตาเบาๆ วินาทีที่ความมืดปกคลุมดวงตา อดีตในชาติก่อนก็พรั่งพรูเข้ามาในหัว
ชาติก่อน ซือเยี่ยหานไม่ได้ไปพม่าด้วยตัวเองเพราะร่างกายมีปัญหา สุดท้ายฉินรั่วซีเป็นคนไปแทน
การเดินทางไปดูพนันหยกคราวนี้ ฉินรั่วซีศึกษาค้นคว้ามาส่วนหนึ่ง บวกกับครั้งนี้้เธอเป็นตัวแทนซือเยี่ยหานไปดูพนันหยกที่พม่า ดังนั้นในชาติก่อน ก่อนที่จะออกเดินทาง ฉินรั่วซีจึงตั้งใจทำความเข้าใจตลาดหยกของพม่าเป็นอย่างดี
พูดได้ว่าตอนที่ฉินรั่วซีไปพม่าในชาติก่อนเธอมั่นใจมาก แค่ไม่มีใครคิดถึงว่า…
การพนันหยกที่เมียนมาในตอนนั้นเหมือนเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แม้ฉินรั่วซีจะเตรียมตัวเดินทางไปด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับมา
รายละเอียดอย่างเป็นรูปธรรม เยี่ยหวันหวั่นจำไม่ได้แล้ว
ในชาติก่อนแม้ว่าเธอจะไปพม่าพร้อมกับฉินรั่วซี แต่ว่าพวกหล่อนไม่ให้เธอยุ่งเรื่องการพนันหยก ส่วนใหญ่จะให้เธอติดตามอยู่ด้านข้าง ไม่เคยให้เธอเข้าร่วมกับปัญหาอะไรที่จับต้องได้
พูดได้ว่า…
ตอนทีเยี่ยหวันหวั่นไปพม่าในชาติก่อนเป็นเพียงไม้ประดับที่มีหรือไม่ดีก็ได้ พวกฉินรั่วซีเดิมทีไม่เคยเห็นเธอในสายตาแม้แต่นิดเดียว
เรื่องก็เป็นแบบนี้เอง…
แต่ว่าตอนเยี่ยหวันหวั่นไปพม่าในชาติก่อน ก็ได้ติดตามดูกระบวนการต่างๆ อยู่นาน ดังนั้นจึงมั่นใจกับการเดินทางไปพนันหยกครั้งนี้อยู่มาก
—————————————————-
บทที่ 730 เด็กผี
ถึงเยี่ยหวันหวั่นจะไม่เข้าใจธุรกิจการพนันหยก แต่คำนี้กลับมีอักษรจีนว่า ‘พนัน’ อยู่ด้วย แม้จะไม่ได้เกี่ยวกับพนันเสียทีเดียว แต่ก็ต้องมีโชคมาเกี่ยวข้องด้วยบ้าง
ต่อให้เป็นคนที่คร่ำหวอดในวงการพนันหยก ฝึกฝนมามากขนาดไหน มีประสบการณ์เท่าใด มีเทคนิคเยอะแยะเพียงไร ก็ไม่กล้าบอกอย่างแน่ใจ ไม่อย่างนั้นธุรกิจพนันหยกคงจะสาบสูญไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อน และบนโลกนี้คงมีคนรวยอยู่เต็มไปหมดแล้ว?
ภาพเหตุการณ์มากมายของชาติก่อนแวบผ่านสมองของเยี่ยหวันหวั่น ผ่านไปไม่นาน เธอค่อยๆ ลืมสองตาขึ้นมองเมฆขาวที่ลอยผ่านนอกหน้าต่าง เธอหยิบหนังสือเกี่ยวกับการพนันหยกออกมาจากในกระเป๋าที่เธอพกมาด้วย และเตรียมศึกษาพื้นฐานเรื่องพนันหยกตามคำกำชับของซือเยี่ยหาน
แต่ว่าเธอเพิ่งพลิกหนังสือนั้นได้แค่สามสี่หน้า
จู่ๆ มือข้างหนึ่งก็โผล่มาบนหนังสือของเธอ แล้วแย่งหนังสือเล่มนั้นไป!
เยี่ยหวันหวั่นงงงันเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณ
ครั้งนี้ถึงค่อยเห็น…
คนที่แย่งหนังสือของเธอไปเป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบเอ็ดสิบสองปีคนหนึ่ง
เด็กชายไม่รู้เลยว่าเรื่องที่ตัวเองทำไม่ถูกต้องตรงไหน พอได้หนังสือนั้นไปแล้วก็คิดจะเดินกลับที่นั่งตัวเองอย่างวางโต
เยี่ยหวันหวั่นมองเด็กผู้ชายคนนั้น “น้องคะ เอาหนังสือคืนให้พี่ได้ไหม?”
“ทำไมต้องให้ด้วย!” เด็กชายหมุนตัวมาอย่างไม่ยอม ถลึงมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างไร้เหตุผล
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูดเพราะการถลึงมองของเด็กชายคนนั้น
เธออ่านเรื่องเด็กผีบนเวยป๋อมาไม่น้อย คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้เจอ ‘ตัวเป็นๆ’
ก่อนหน้านี้ยังคุยเรื่องเด็กกับซือเยี่ยหานอยู่เลย จะโทษที่เธอไม่ค่อยชอบสิ่งมีชีวิตอย่างเด็กไม่ได้จริงๆ
เอาของของคนแปลกหน้าไปหน้าตาเฉย นอกจากจะไม่มีความรู้สึกผิดแล้ว ยังคิดว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอีกต่างหาก
แต่ชายหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กลับเหมือนไม่เห็นการกระทำของเด็กชาย ไม่มีการห้ามปรามใดๆ ยิ่งไม่คิดจะอธิบายหรือขอโทษเยี่ยหวันหวั่นที่เป็นคนโดนกระทำสักนิด
“พวกคุณเป็นผู้ปกครองของเขาเหรอคะ” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วมองชายหญิงวัยกลางคน
“อะไรเรหอ?”
หญิงวัยกลางคนหุ่นดี ตาแหลมคิ้วบาง มองเยี่ยหวันหวั่นอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง
“ลูกคุณเอาของของฉันไป” เยี่ยหวันหวั่นว่า
ได้ยินดังนั้น หญิงวัยกลางคนก็เบ้ปากอย่างรังเกียจ กวาดมองหนังสือที่เด็กซนของตัวเองแย่งมา พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ก็แค่หนังสือเล่มเดียว คุณเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ จะไปว่าเด็กทำไม? เอาให้เขาดูไม่เห็นเป็นไรเลย อีกอย่าง หนังสือเล่มนี้คุณอ่านรู้เรื่องเหรอ?”
คำพูดนี้ของหญิงวัยกลางคนทำให้เยี่ยหวันหวั่นไร้คำพูดสุดๆ
จริงๆ เลย…
มังกรย่อมให้กำเนิดมังกร หงส์ย่อมให้กำเนิดหงส์ ลูกของหนูย่อมต้องขุดรูอยู่แล้ว
ครอบครัวเปรตยังไง ก็เลี้ยงเด็กให้เปรตแบบนั้น
ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก สืออีก็ถลันออกจากที่นั่ง ทำสีหน้าเคร่งเครียด ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็แย่งหนังสือในมือเด็กผีคนนั้นมา
“กล้าแย่งหนังสือฉันเหรอ!” เด็กผีเห็นหนังสือในมือถูกคนแย่งไปก็พลันโวยวาย เขายกเท้าขึ้นจะถีบใส่สืออีตามสัญชาตญาณ
สืออีก้าวเท้าอย่างมั่นคง เด็กคนนั้นแม้แต่ขากางเกงของเขายังเตะไม่โดน สีหน้าของสืออีอึมครึมมากขึ้นเรื่อยๆ เขาหยีตามองเด็กผีไม่รู้จักกลัวตาย พูดด้วยเสียงเย็นชา
“ครอบครัวแบบไหนเลี้ยงเด็กไม่มีการศึกษาแบบนี้ออกมาได้!”
——————————————————