บทที่ 759 นับว่าถูกใจฉัน
ว่านเฮ่ออวิ๋นถามอย่างลังเลว่า “ขอถามว่าคุณหนูคือ?”
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ตระกูลซือจากประเทศ Z ค่ะ”
“ตระ…ตระกูลซือ…” ว่านเฮ่ออวิ๋นได้รับความเมตตาโดยไม่คาดฝัน มีใครบ้างไม่รู้จักตระกูลซือจากประเทศ Z โดยเฉพาะเมื่อพวกเขามีอิทธิพลใหญ่มากในพม่าด้วย
ว่านเฮ่ออวิ๋นกล่าวอย่างลังเล “คุณหนูแน่ใจเหรอครับว่าจะซื้อหยกดิบล็อตนี้จากผม?”
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มน้อยๆ “ฉันว่าลักษณะหยกดิบของเถ้าแก่ว่านนับว่าถูกใจฉันเลย ดังนั้น…เถ้าแก่ว่านเสนอราคามาเถอะค่ะ!”
นับว่าถูกใจฉัน?!
พอได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ทุกคนที่อยู่รอบๆ นิ่งอึ้งกับที่
ผู้หญิงคนนี้ต้องการซื้อหยกดิบจากว่านเฮ่ออวิ๋น เป็นเพราะ…ถูกใจอย่างนั้นเหรอ?!
ว่านเฮ่ออวิ๋นลังเลอยู่พักใหญ่ คิดถึงสถานการณ์ของร้านตัวเอง ในที่สุดก็เอ่ยปาก “คุณหนูครับ นี่เป็นของทั้งหมดในร้านของผมแล้ว ในเมื่อคุณไม่รังเกียจ ผมจะยอมขาดทุน ลดให้คุณครึ่งหนึ่ง…”
ตอนแรกว่านเฮ่ออวิ๋นคิดถึงความคิดที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว ที่เลวร้ายที่สุดก็คือขายหยกดิบไม่ได้สักก้อนเดียว สินค้าค้างอยู่ในมือ ตอนนี้เมื่อมีคนรับไป ก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเอ่ย “ของที่ฉันถูกใจ ไม่เคยต้องขอให้ใครลดราคาให้ ราคาเดิมเท่าไหร่บอกมาเถอะค่ะ”
ถึงปากจะบอกเช่นนี้ แต่เยี่ยหวันหวั่นรู้แก่ใจดี หยกดิบล็อตนี้ของว่านเฮ่ออวิ๋นจะนำเซอร์ไพร์สครั้งใหญ่มาให้ ถ้าหากซื้อขายกันครึ่งราคาจริงๆ เยี่ยหวันหวั่นย่อมรู้สึกไม่สบายใจ
นอกจากนี้ ธุรกิจหยกดิบของว่านเฮ่ออวิ๋นยังซบเซาจนจะเจ๊งอยู่แล้ว ในชาติก่อน ว่านเฮ่ออวิ๋นมีจุดจบน่าสงสารมาก วันนี้ในเมื่อตนได้ผลประโยชน์ แล้วทำไมจะไม่มอบทางรอดให้แก่ว่านเฮ่ออวิ๋นด้วย?
ว่านเฮ่ออวิ๋นได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้างงงวย พลันรู้สึกซาบซึ้งใจ คิดไม่ถึงว่าเยี่ยหวันหวั่นจะพูดแบบนี้…
แต่คนรอบๆ กลับวิจารณ์อย่างหมดคำจะพูด “ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ตระกูลซือส่งมาจริงเหรอ? ปฏิเสธของร้านฮุ่ยชุ่ย ไปซื้อขยะของหอหลินหลาง หล่อนไม่ต้องการกำไร แถมยังต้องซื้อในราคายุติธรรมด้วย?”
“หน้าตาก็ออกจะสวย น่าเสียดายที่สมองมีปัญหา…”
“คนจากตระกูลซือทำอะไรกินกันแน่?”
ตอนฟังคำพูดที่ไม่น่าฟังของคนมุง สีหน้าเซวียลี่บิดเบี้ยวถึงขีดสุด เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ เขาถึงได้เสียหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“คุณหนูเยี่ย! คิดให้ดีแล้วค่อยทำเถอะครับ!” เซวียลี่ขมวดคิ้ว
“คิดให้ดีแล้วค่อยทำ?” เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเซวียลี่ “นี่คุณสอนฉันอยู่เหรอ?”
“คุณหนูเยี่ย! ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่ทำตามหน้าที่ของตัวเอง!” เซวียลี่ว่า
“จงรักภักดีเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเย็นชา “คุณจงรักภักดีกับใครล่ะ อย่าลืมว่าตัวเองเป็นใคร แล้วกำลังพูดกับใครอยู่!”
เซวียลี่พยักหน้า มองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยว่า “ครับ ถ้าคุณหนูเยี่ยต้องการแบบนี้ ผมก็ได้แต่ต้องรายงานสำนักงานใหญ่แล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นบอก “ตามสบายเลย”
เซวียลี่ร้อนรน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย
ณ ประเทศ Z ภายในห้องประชุม ผู้บริหารและผู้อาวุโสในตระกูลกำลังประชุมกัน
เฝิงอี้ผิงที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของตระกูลซือพลันลุกขึ้นออกจากห้อง แล้วรีบโทรศัพท์
ครู่ต่อมา เฝิงอี้ผิงวางสายแล้วกลับมา สีหน้าคล้ายจะยุ่งยากใจมาก “ขอโทษครับทุกคน ขอรบกวนสักหน่อย ทางพม่าสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง”
“เรื่องอะไร?” ซือหมิงหลี่มองทางเฝิงอี้ผิง เอ่ยถามอย่างสงสัย
จากนั้นเฝิงอี้ผิงเล่าเรื่่องให้ฟังรอบหนึ่ง
หลังจากได้ยินสถานการณ์ที่เฝิงอี้ผิงเล่าแล้ว ห้องประชุมก็เกิดความโกลาหล
“นี่มันจะเหลวไหลเกินไปแล้ว!”
“ประธานซือมอบตำแหน่งผู้ช่วยพิเศษให้เธอก็ถือว่ามีสิทธิพิเศษมากพอแล้ว ตอนนี้เพิ่งรับหน้าที่แรกก็ก่อเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ คิดว่าบริษัทเป็นอะไรกัน!”
———————————————————–
บทที่ 760 คิดซะว่าทำทาน
“เฮ้อ ประธานซือก็เหลวไหลจริงๆ คนแบบนี้จะรับตำแหน่งนายหญิงของตระกูลซือได้ยังไง!”
“ฮ่าๆ” ซือหมิงหลี่แค่นเสียง “แล้วนั่นมันทำไม เจ้าบ้านตระกูลซือของพวกเราดีใจก็พอแล้วนี่”
ซือหมิงซ่งชายชราผมขาวพูดเสียงเย็นว่า “หมิงหลี่ แกพูดบ้าอะไรของแกกัน!”
ซือหมิงหลี่มองชายชราผมขาว “พี่รอง ผมจะพูดอะไรได้ ครั้งก่อนผมแค่ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่กี่คำ เจ้าเก้าก็หักขาลูกของผมแล้ว พี่จะให้ผมพูดยังไง เกิดผมว่าเธอไม่ดีอีก ชีวิตของผมคงจะหาไม่แน่”
ซือหมิงซ่งมองทางเฝิงอี้ผิง “บอกเซวียลี่ ให้ผู้หญิงคนนั้นมารับโทรศัพท์!”
เฝิงอี้ผิงพยักหน้า จากนั้นครู่หนึ่งก็ตอบว่า “ผู้หญิงคนนั้นไม่รับ…”
ได้ยินดังนั้น ทุกคนในห้องประชุมเกิดความปั่นป่วนอีกรอบ ผู้หญิงคนนั้นใจกล้าขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?!
“ไม่รับโทรศัพท์ก็ให้เซวียลี่เปิดวิดีโอคอลแล้วกัน” ซือหมิงหลี่กล่าว
…
ในร้านฮุ่ยชุ่ย เยี่ยหวันหวั่นนั่งอยู่ด้านข้าง เซวียลี่ที่อยู่ตรงหน้าหันโทรศัพท์ไปทางเธอ
“เยี่ยหวันหวั่น!”
เสียงตะคอกดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์
ได้ยินดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็หันไปมองวิดีโอ เห็นว่าเป็นเหล่าผู้บริหารของตระกูลซือ
ตอนนี้เซวียลี่กับโหวเม่าเฟิงหัวเราะเย็นชาในใจ แสดงท่าทีสมน้ำหน้า ผู้หญิงคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นใคร ทำให้ผู้บริหารตระกูลซือโกรธเข้าแล้ว ดูซิว่าเธอจะจัดการอย่างไร!
“พวกคุณไม่ประชุมกันไปดีๆ มีเวลาว่างนักเหรอคะถึงวิดีโอคอลหาฉัน?” เยี่ยหวันหวั่นมองเหล่าผู้บริหารระดับสูงในวิดีโอ พูดด้วยรอยยิ้มเฉยชา
“เยี่ยหวันหวั่น เธอจะกล้าดีเกินไปแล้ว ร้านฮุ่ยชุ่ยเป็นร้านที่คุณหนูฉินรั่วซีติดต่อด้วยตัวเอง แต่คนนอกอย่างเธอทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ตอนนี้กลับมาทำแบบนี้ สร้างผลเสียให้กับบริษัทชัดๆ!” เฝิงอี้ผิงพูดอย่างโกรธเคือง
ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการของบริษัท ต่อให้เป็นนายหญิงของตระกูล เขาเองก็มีอำนาจหยุดยั้งได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ใช่นายหญิงของตระกูลซือเลย
“ในเมื่อคุณเก้าเชื่อใจฉัน มอบหมายหน้าที่ให้ฉันแล้ว ฉันย่อมมีสิทธิ์จัดการขั้นเด็ดขาด ในเมื่อพวกคุณไม่ยอม ก็ไปหาเจ้าบ้านของคุณสิคะ มาหาฉันเพื่ออะไร” เยี่ยหวันหวั่นกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“เธอ…เธอว่าอะไรนะ!” เฝิงอี้ผิงกัดฟันกรอด
“เหอะๆ ฉันบอกไปแล้วไง ถ้าคุณเก้าอยากเล่นก็ปล่อยเขาเล่นไป ถึงยังไงเงินแค่นี้เขาก็ไม่สนใจหรอก คิดเสียว่าบริจาคให้ขอทานไป” ซือหมิงหลี่ในวิดีโอแค่นเสียงบอก
ทันใดนั้น เยี่ยหวันหวั่นมองที่ซือหมิงหลี่ พูดอย่างประหลาดใจว่า “คุณปู่สี่ ทำไมถึงยังอยู่อีก นึกว่าคอยดูแลลูกชายที่ขาหักอยู่บ้านซะอีก”
สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น ซือหมิงหลี่พลันผุดลุกจากที่นั่ง “เยี่ยหวันหวั่น…เธอคิดว่าตัวเองแน่นักเหรอ? เรื่องที่เธอทำตอนนี้ขัดผลประโยชน์ของทุกคนในตระกูลซือ เธอรับผลที่ตามมาได้เหรอ?!”
“เยี่ยหวันหวั่น ถ้าเธอไม่ยอมทำตามคำสั่ง ผลลัพธ์ทั้งหมดที่ตามมาเธอจะต้องเป็นคนรับผิดชอบคนเดียว รอเธอกลับจากพม่าแล้ว ต่อให้เป็นเจ้าเก้า ครั้งนี้ก็ปกป้องเธอไม่ได้!” ในที่สุดซือหมิงซ่งในฐานะผู้คุมกฎของตระกูลซือก็เอ่ยปากแล้ว
“ฉันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร…ในเมื่อพวกคุณคิดว่าฉันล้มเหลวแน่ อย่างงั้นพวกเรามาพนันกันสักตั้งไหมคะ?” เยี่ยหวันหวั่นเสนอ
“เธอคิดจะทำอะไร?” เฝิงอี้ผิงขมวดคิ้ว
“ถ้าครั้งนี้ฉันชนะ คนที่เข้าร่วมต้องพูดว่าตัวเองเป็นไอ้โง่ ไหนใครจะร่วมบ้าง?” เยี่ยหวันหวั่นคิดๆ ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“ไร้สาระทั้งเพ!” เฝิงอี้ผิงพูดอย่างโกรธเคือง
“ทำไมคะ ไม่กล้าเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้วเล็กน้อย
……………………………………………………..