บทที่ 255 เตรียมตัวรับชม
เมื่อได้ยินสิ่งที่วัยรุ่นหนุ่มเรียกว่าข้อต่อรอง ทุกคนในห้องประชุมต่างตกตะลึง รวมไปถึงตัวการของเรื่อง ใบหน้าของหานเซี่ยนอวี่ไม่อาจนิ่งสงบได้อีกต่อไป เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ว่างเปล่าและเฉื่อยชาแฝงความรู้สึกซับซ้อน มองไปทางวัยรุ่นหนุ่มผู้นั้น
ใบหน้าโจวเหวินปินเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ช่างเป็นเรื่องน่าขันจริงๆ! นายคิดว่านายเป็นใคร?”
เฟยหยางตื่นตระหนกไปชั่วครู่ พูดด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ “โจวเหวินปิน เจ้านายยังไม่ได้พูดอะไร คุณอยู่ตรงนี้ร้อนรนจนยืนไม่ติด กลัวจะมีใครมาช่วยเซี่ยนอวี่ลบล้างข้อกล่าวหาใช่ไหม?
โจวเหวินปินยิ้มเย้ยหยันในทันที “เฟยหยาง ฉันว่าคุณถนัดเรื่องเห็นแก่ตัว เรื่องนี้ล้วนเป็นเพราะความกดดันจากสื่อ แม้แต่ทั่วทั้งโกลเบิลก็ไม่มีความสามารถเช่นนี้ เขาจะโน้มน้าวสื่อได้อย่างไร? เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
ถึงแม้คำพูดของโจวเหวินปินไม่ได้น่าฟัง แต่เฟยหยางก็รู้ว่ามันคือความจริง จึงอดไม่ได้ที่จะจมดิ่งสู่ความเงียบสงบ
วัยรุ่นหนุ่มไม่ได้สนใจโจวเหวินปิน แต่หันไปพูดกับฉู่หงกวงอย่างไม่เร็วและไม่ช้า “ประธานฉู่ ในเมื่อโกลเบิลเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ก็อับจนหนทางแล้ว ทำไมไม่ลองเดิมพันดูสักตั้งล่ะ?
หากชนะคงไม่ต้องพูดอะไรเกี่ยวกับผลลัพธ์มากมาย หากแพ้ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อโกลเบิล ไม่ใช่เหรอ?”
ฉู่หงกวงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยปากพูด “คุณเยี่ยใช่ไหม? ผมไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร ถ้าคุณแก้ไขปัญหานี้ได้จริงอย่างที่พูด เช่นนั้นพวกเราโกลเบิลก็ต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งใหญ่ แต่ถ้าคุณมาเพื่อก่อความวุ่นวาย เช่นนั้น…”
ประโยคด้านหลังฉู่หงกวงไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่ไม่ว่าใครก็ดูแววตากล่าวเตือนและข่มขู่ของเขาออกทั้งนั้น
วัยรุ่นหนุ่มยิ้มบาง ราวกับไม่ได้สังเกตเห็นแววตาข่มขู่ของฉู่หงกวง “ประธานฉู่เป็นคนตรงไปตรงมา สิ่งที่พูดจะจริงหรือหลอก ท่านจะได้รู้ในไม่ช้า”
“โอ้? ผมจะรู้ได้อย่างไร?” ฉู่หงกวงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
วัยรุ่นหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม “ภายในเจ็ดวัน ผมจะคืนความบริสุทธิ์ให้แก่หานเซี่ยนอวี่”
“เจ็ดวัน?” ฉู่หงกวงอดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นความประหลาดใจบนใบหน้า
สีหน้าของโจวเหวินปินที่อยู่ด้านข้างพลันแปรเปลี่ยน เขาลุกขึ้นยืนและชี้ไปที่วัยรุ่นหนุ่มทันที “ต่อให้พวกเราจะให้นายลองดู นายมีความสามารถอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ทำไมต้องมาพูดบ่ายเบี่ยงตรงนี้? ฉันว่านายแค่มาทำอวดดีให้เรื่องมันลึกลับซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้นเอง!”
เมื่อพูดจบ โจวเหวินปินก็หันไปพูดกับฉู่หงกวงในทันที “ประธานฉู่ คนคนนี้เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ อายุยังน้อย ใครจะรู้ว่าเขามาทำอะไรกันแน่? จะให้เชื่อคำพูดคนอย่างเขาง่ายๆ อย่างงั้นเหรอ?”
ฉู่หงกวงขมวดคิ้วเล็กน้อย คนกลุ่มหนึ่งถกเถียงกันจนเขาเวียนหัวไปหมด ในขณะที่กำลังลังเลใจ ซุ่มเสียงแหบแห้งเล็กน้อยสายหนึ่งก็ทำลายความสงบ ณ วินาทีนี้ทันใด
“ผมเชื่อ”
ภายในห้องประชุม ทุกคนต่างตกตะลึง รีบมองตามซุ่มเสียงนั้นไป
กลับเห็น…
คนที่เอ่ยปากพูดกลับเป็นหานเซี่ยนอวี่ที่หลุบตาไม่พูดไม่จามาตลอด
หานเซี่ยนอวี่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาที่ค่อนข้างห่อเหี่ยวประสานกันกับดวงตาทั้งคู่ที่เป็นประกายแวววายดังดวงดาราของวัยรุ่นหนุ่ม
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆ ในที่สุดสายตาของเขาก็จับจ้องไปบนร่างของฉู่หงกวง…
“ประธานฉู่ ผมเชื่อเขา”
ทุกคนทอดทิ้งเขา แต่ตอนนี้กลับมีหนึ่งคนยืนขึ้นและบอกว่าจะคืนความบริสุทธิ์ให้แก่เขา
สีหน้าของฉู่หงกวงค่อนข้างซับซ้อน ตั้งแต่ต้นจนจบ หานเซี่ยนอวี่ไม่เคยปริปากพูด นี่คือคำพูดแรกที่หานเซี่ยนอวี่เอื้อนเอ่ย
ฉู่หงกวงทอดถอนใจ “เอาเถอะ เซี่ยนอวี่ บริษัทไม่ได้ไม่เต็มใจช่วยนาย ถ้าเพื่อนคนนี้มีหนทางจริงๆ ฉันย่อมสนับสนุนอย่างเต็มที่”
จากนั้นฉู่หงกวงมองไปทางด้านข้างของวัยรุ่นหนุ่ม “คุณต้องการให้พวกเราทำอะไร?”
ริมฝีปากของวัยรุ่นหนุ่มหยักขึ้นเล็กน้อย โค้งเป็นรัศมีสายหนึ่งที่ไม่อาจบรรยายได้ “เตรียมตัวรับชม”
…………………………………
บทที่ 256 ยินดีที่ได้ร่วมงาน
เมื่อได้ยินถ้อยคำหยิ่งผยองเช่นนี้ของวัยรุ่นหนุ่มทุกคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ในทันที สีหน้าย่อมแฝงด้วยความสงสัยและเย้ยหยัน
ฉู่หงกวงยิ้ม “พ่อหนุ่มมีความมั่นใจซะเหลือเกินนี่! เอาเถอะ ไหนลองพูดเงื่อนไขของคุณมาซิ!”
วัยรุ่นหนุ่มมองไปรอบๆ แวบหนึ่ง “เงื่อนไขของผม ควรคุยกับประธานฉู่ หรือคุยกับทุกคนดี?”
เมื่อเข้าใจความหมายในคำพูดของวัยรุ่นหนุ่ม ฉู่หงกวงโบกมือเพื่อยุติการประชุมครั้งนี้ และให้ทุกคนออกไปก่อน
ก่อนจากไป โจวเหวินปินเดินมาหยุดตรงหน้าวัยรุ่นหนุ่ม จ้องมองเขาอย่างดุดัน
ให้ตายเถอะ เดิมทีมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว กลับถูกหมอนี่ยื่นมือเข้ามาสอด เขาจะคอยดูว่าหมอนี่จะมาไม้ไหน!
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เหลือเพียงแค่วัยรุ่นหนุ่มกับฉู่หงกวงภายในห้องประชุม
“เชิญพูดเถอะ” ฉู่หงกวงจุดซิการ์ตัวหนึ่ง
วัยรุ่นหนุ่มนั่งบนเก้าอี้หนังที่อยู่ตรงข้าม พูดอย่างตรงไปตรงมา “ข้อแรก ผมอยากได้โอกาสการทำงานในโกลเบิล”
ฉู่หงกวงตอบกลับอย่างสบายใจ “เรื่องนี้ง่ายมาก ถ้าช่วยเซี่ยนอวี่ให้พ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ โกลเบิลย่อมยินดีต้อนรับคนมีความสามารถอย่างคุณ มีอย่างอื่นอีกไหม?”
วัยรุ่นหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดต่อ “ข้อสอง ฉันผมต้องการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อของประธานฉู่แห่งหนึ่ง”
ฉู่หงกวงดูดซิการ์ทีหนึ่ง เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อของฉัน? ไม่ทราบว่าน้องชายต้องการที่แห่งไหน?”
วัยรุ่นหนุ่มหลบซ่อนดวงตาที่ฉายแววความมืดมน กล่าวด้วยสีหน้าสงบเยือกเย็น “จินโตวปี้ไห่”
เมื่อได้ยินคำพูดของวัยรุ่นหนุ่ม นิ้วมือที่คีบซิการ์อยู่ของฉู่หงกวงพลันหยุดชะงัก “น้องชายช่างเลือกสถานที่ได้เก่งจริงๆ”
หลังจากเยี่ยเส่าถิงล้มละลายในปีนั้น แม้แต่ที่กบดานก็ถูกศาลขายทอดตลาด เพื่อตอบโต้อดีตศัตรูคู่อาฆาตท่านนี้ เขาจึงซื้ออสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นรางวัลแห่งชัยชนะ
วัยรุ่นหนุ่มยิ้มอย่างสงบเยือกเย็น “ที่ตั้งของที่แห่งนี้ล้ำค่าเกินกว่าจะใช้เงินหาซื้อได้ ฉันก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง”
ฉู่หงกวงแสดงความเข้าใจ “ได้ ไม่มีปัญหา!”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบตกลง ใบหน้าของวัยรุ่นหนุ่มผ่อนคลายลงอย่างไม่อาจสังเกตได้ เขาลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้น ประธานฉู่ ยินดีที่ได้ร่วมงาน!”
“ยินดีที่ได้ร่วมงาน ผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณล่ะ!”
หลังจากจบบทสนทนา ฉู่หงกวงให้คนออกไปส่งวัยรุ่นหนุ่มอย่างเกรงอกเกรงใจ
ความตึงเครียดของเยี่ยหวันหวั่นผ่อนคลายลงทันทีเมื่อเดินออกจากตึกบริษัทโกลเบิลเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เธอเหยียดนิ้วมือออกเพื่อดึงคอเสื้อเล็กน้อย สูดหายใจเข้าอย่างแผ่วเบา
ถึงแม้จะมีอุปสรรคบ้าง แต่ยังดีที่ท้ายที่สุดแล้วก็เจรจาได้สำเร็จ
ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอแต่งตัวเป็นผู้ชายไปพบเจอผู้คน ก่อนมาเธอค่อนข้างประหม่า ทว่าเมื่อถึงเวลาจริงกลับพบว่าตัวเองพลิกเป็นอีกบทบาทหนึ่งได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ชาติก่อนเธอค้นพบทักษะของตัวเองรวมถึงการอนุมานกับการเลียนแบบตัวละครต่างๆ ได้ดี ชาตินี้หลังจากที่เธออ่านหนังสือเฉพาะทางเป็นจำนวนมาก ดูเหมือนจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพรสวรรค์ชนิดนี้เป็นประโยชน์ต่อเธออย่างมาก
ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง…
“คุณเยี่ยไป๋ โปรดรอก่อน!”
เยี่ยหวันหวั่นชะงักฝีเท้า มองไปทางคนผู้นั้น “คุณหาน?”
หานเซี่ยนอวี่ที่สดใสเปล่งประกาย ดูสบายๆ มั่นใจเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นมาโดยตลอด ตอนนี้ใบหน้าอันหล่อเหลากลับซีดเซียวและเหนื่อยล้า ใต้ตาเต็มไปด้วยรอยคล้ำ เหมือนดังดวงอาทิตย์แผดจ้าที่ถูกเมฆครึ้มบดบัง
หานเซี่ยนอวี่ตกตะลึงในแวบแรกที่สบตากับวัยรุ่นหนุ่ม ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่สาดแสงกลางศีรษะ ผิวพรรณของวัยรุ่นหนุ่มขาวดุจหิมะ คอเสื้อที่ปลดออกเล็กน้อยเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่ละเอียดอ่อน ดวงตาเป็นประกายคู่หนึ่งราวกับสะท้อนทางช้างเผือก จนแทบไม่อาจละสายตาได้…
รูปร่างหน้าตาของวัยรุ่นหนุ่มโดดเด่นมากถึงแม้เทียบกับเหล่าคนสวยในวงการบันเทิง ถึงขั้นที่ว่าไม่ด้อยไปกว่ากันเลยเมื่อเทียบกับเขา
เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นใบหน้าที่งดงามอย่างยิ่ง ทว่ากลับไม่มีความเหลาะแหละและกลิ่นอายของความเป็นผู้หญิงเลย ความดุดันบ้าคลั่งระหว่างคิ้ว ความหยิ่งผยองในดวงตาที่เหม่อลอย ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดมาก
หานเซี่ยนอวี่ยืนอยู่ตรงหน้าวัยรุ่นหนุ่ม นิ้วมือที่วางอยู่ข้างกายกระชับแน่น “ไม่ว่าจุดมุ่งหมายของคุณคืออะไร ทำไมต้องช่วยผม…ขอบคุณ…ขอบคุณที่คุณเชื่อผม…”
วัยรุ่นหนุ่มยิ้มบาง ดวงตาและคิ้วที่ดุดันพลันเลือนหาย ราวกับสามารถปัดเป่าหมอกครึ้มในตอนนี้ทั้งหมดได้ “ไม่เป็นไร เพื่อนผมเป็นแฟนคลับของคุณ ชอบคุณมาก ผมก็เหมือนกัน”
ทั้งๆ ที่เคยได้ยินคำชมเช่นนี้มามากมาย ทว่าหานเซี่ยนอวี่กลับรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่ถูกแฟนคลับจู่โจมบนถนนครั้งแรกตอนเพิ่งเดบิวท์อย่างไม่อาจอธิบายได้ ความอบอุ่นค่อยๆ ไหลผ่านภายในหัวใจอันเย็นเยือก…
…………………………………