บทที่ 981 รู้จักยอดฝีมืออยู่บ้าง
คืนวันนั้น กองถ่ายเรื่อง ‘เป็นหรือตาย’ มีการถ่ายทำฉากกลางคืนหนึ่งฉาก
ขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่ออยู่กับการถ่ายทำ จู่ๆ เสียงเอะอะโวยวายก็ดังมาจากทางเข้า
เยี่ยมู่ฝานหันไปถามพนักงาน “เกิดอะไรขึ้น?”
พนักงานพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน “เหมือนจะมีกลุ่มแฟนคลับบุกเข้ามาครับ แต่พอถูกเจ้าหน้าที่ห้ามไว้ก็เริ่มด่าทอด้วยความไม่พอใจ เลยเกิดการทะเลาะวิวาท…”
เยี่ยมู่ฝานรีบสาวเท้าไปยังที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยกลุ่มหนึ่ง
สีหน้าของเยี่ยมู่ฝานตึงเครียด “คนพวกนี้ไม่ใช่แฟนคลับ…”
เหมือนเขาจะเห็นคนของจางเหล่าซาน…
คนพวกนี้ ตั้งใจมาหาเรื่องชัดๆ!
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในวงการบ่อยครั้ง คู่แข่งมักจะจ้างคนมาพังกองถ่าย โดยเริ่มจากการมีปากเสียงกันจากนั้นก็ก่อเหตุวิวาท หาเรื่องอย่างไม่จบไม่สิ้น…
สถานที่ถ่ายทำต้องจ่ายเงินเป็นรายวัน หากเสียเวลาไปหนึ่งวัน ไม่เพียงต้องเสียค่าสถานที่ แต่ยังทำให้การถ่ายทำล่าช้า และพลาดโอกาสดีในการฉายหนังอีกด้วย ซึ่งนั่นถือเป็นการสูญเสียมูลค่ามหาศาลเลยทีเดียว
ปกติบริษัทใหญ่ๆ ไม่มีใครกล้าขัดแข้งขัดขา แต่บริษัทใหม่อย่างพวกเขา เป็นไปได้ยากที่จะเลี่ยงสถานการณ์อย่างนี้
เยี่ยมู่ฝานสาวเท้าเข้าไป “พี่จาง วันนี้มีเวลามาเยือนสถานที่เล็กๆ อย่างนี้ได้ยังไง? มีเรื่องเข้าใจผิดอะไร พวกเราไปหาที่นั่งคุยกันดีๆ ดีกว่าไหม?”
ถ้าหากมีโอกาสให้เจรจา และใช้เงินแก้ปัญหาได้ ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด…
จางเหล่าซานกลับแค่นหัวเราะ แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา “ไม่มีอะไรให้ต้องคุยกัน! พังให้หมด!”
“นี่…” เยี่ยมู่ฝานหน้าเปลี่ยนสีทันที
พอตะโกนสั่งจบ จางเหล่าซานก็ย้ายก้นไปนั่งบนเก้าอี้เบาะนุ่มที่อยู่ข้างๆ “บอกให้เจ้าเด็กเหลือขอกงซวี่ออกมาเจอฉัน!”
เยี่ยมู่ฝานหรี่ตา แล้วหันไปพูดกับผู้ช่วยของกงซวี่ที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง “ไปดูกงซวี่เอาไว้ อย่าให้เขาออกมา!”
ถ้าเกิดว่านักแสดงหลักได้รับบาดเจ็บ การถ่ายทำต่อจะยิ่งเป็นเรื่องยาก…
เยี่ยมู่ฝานหมายจะเจรจากับจางเหล่าซาน แต่จู่ๆ มือถือของเขาก็ดัง เป็นเยี่ยหวันหวั่นนั่นเอง
“ฮัลโหล หวันหวั่น…” เยี่ยมู่ฝานเดินไปรับโทรศัพท์ด้านหนึ่ง
“ฮัลโหล พี่ วันนี้ฉัน…” เยี่ยหวันหวั่นหมายจะพูด แต่เสียงเอะอะโวยวายจากฝั่งเยี่ยมู่ฝานดังมาจากปลายสาย เธอจึงรีบถามทันที “เกิดอะไรขึ้นที่นั่นน่ะ? ทำไมเสียงดังอย่างนี้ล่ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก” เยี่ยมู่ฝานหันไปมองของประกอบฉากที่ถูกพังแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบเดินออกมาห่างๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องว่า “เมื่อกี้แกจะพูดอะไร?”
“มีคนมาหาเรื่องใช่ไหม?” เยี่ยหวันหวั่นพูดเสียงนิ่ง
เมื่อวานเธอกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ นึกไม่ถึงว่าวันนี้ก็มีคนมาป่วนซะแล้ว
“พี่ พี่ไม่ต้องห่วง บอกให้ศิลปินทุกคนกลับไปให้หมด โดยเฉพาะกงซวี่ เขาเป็นคนใจร้อน ห้ามเขาไว้ อย่าให้เขาทำอะไรวู่วาม ฉันจะรีบหาคนไปช่วยเดี๋ยวนี้” เยี่ยหวันหวั่นรีบบอก
“หาคน แกจะไปหาใคร?” เยี่ยมู่ฝานขมวดคิ้ว
“ฉันบังเอิญรู้จักยอดฝีมืออยู่บ้าง พวกพี่คุมสถานการณ์ไว้ก่อนนะ ฉันจะรีบบอกให้พวกเขาไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย”
เยี่ยมู่ฝานเอ่ย “ยอดฝีมือ? หวันหวั่น แกอาจจะยังไม่รู้ คนของจางเหล่าซานส่วนมากเป็นนักกีฬาที่เกษียณจากทีมซ่านโฉ่วระดับจังหวัด ไม่ใช่คนธรรมดาจะสู้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นอำนาจของจางเหล่าซานในวงการนี้แกก็รู้ดี…”
“พี่ ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เอาเป็นว่าพี่คอยคุมทุกคนให้ดี อย่าเพิ่งวู่วามก็แล้วกัน”
หลังจากที่เยี่ยหวันหวั่นกำชับเยี่ยมู่ฝานเสร็จ ก็รีบวางสายทันที
ณ สวนกุหลาบ หลังจากวางสาย เยี่ยหวันหวั่นก็เรียกกลุ่มห้าคนมารวมตัวกัน
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “มีเรื่องต้องให้พวกนายไปจัดการหน่อย”
ทั้งห้าคนทำหน้าเคร่งขรึม “เจ้านาย มีอะไรสั่งมาได้เลยครับ”
“มีคนมาหาเรื่องที่กองถ่าย ต้องการคนไปช่วยแก้สถานการณ์หน่อย” เยี่ยหวันหวั่นบอก
เธอครุ่นคิดครู่หนึ่ง ว่าจะส่งใครไปดี…
————————————————————————————-
บทที่ 982 รับทราบค่ะ เจ้านาย
ไฮดี้ถลกแขนเสื้อขึ้น แล้วพูดอย่างโมโห “ใครมันช่างใจกล้า กล้ามาหาเรื่องเจ้านายเราได้ยังไง!”
แต่ว่าตอนนี้เจ้านายต้องใช้ตัวตนปลอม มันก็ไม่แปลก…
“ฉันขอคิดดูก่อนว่าจะส่งใครไป…” เยี่ยหวันหวั่นพึมพำ ชณะกวาดมองพวกเขาห้าคน
“เจ้านาย ผมครับ ผมๆ ให้ผมไปนะ เจ้านายอยากให้ใครตาย! ขอแค่บอกมาคำเดียว!”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน หางตาก็กระตุก “แค่ให้ไปแก้ไขสถานการณ์ ไม่ได้จะให้พวกนายไปฆ่าใครซักหน่อย…”
เมื่อกี้ฟังจากน้ำเสียงของเยี่ยมู่ฝาน ดูแล้วสถานการณ์น่าจะเลวร้ายพอควร คนของฝั่งนั้นเป็นนักกีฬาที่เกษียณแล้วของทีมซ่านโฉ่วระดับจังหวัด ฝีมือไม่ธรรมดา ถ้าหากจะคุมสถานการณ์ให้ได้ ก็ต้องส่งคนที่พึ่งพาได้หน่อยไปถึงจะดี
ในห้าคนนี้คนที่ฝีมือดีที่สุดก็คือเจียวเจียว ถ้าอย่างงั้นก็ส่งเจียวเจียวไป?
ด้วยเหตุนี้ หลังจากคิดแล้วคิดอีก เยี่ยหวันหวั่นก็บอกว่า “เจียวเจียว เธอไปก็แล้วกัน!”
เจียวเจียวรีบถลกกระโปรงขึ้น แล้วโค้งคำนับอย่างเบิกบาน พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเล็กแหลมว่า “รับทราบค่ะ เจ้านาย!”
พูดจบเยี่ยหวันหวั่นก็เริ่มเสียใจขึ้นมานิดหน่อยแล้ว จะว่าไปแล้ว เจียวเจียวโหดเกินไปหรือเปล่านะ?
ช่างเถอะ โหดหน่อยก็ดี จะได้เอาอยู่หมัด…
ณ ที่เกิดเหตุ
“พัง พังมันให้หมด!”
เสียงดังโครมครามและเสียงกรีดร้องดังคละเคล้ากันอย่างต่อเนื่อง
ลั่วเฉินร้อนใจ “เมื่อกี้พี่เยี่ยโทรมาเหรอครับ? พี่เยี่ยว่ายังไงบ้าง?”
เยี่ยมู่ฝานพูดเสียงเครียด “เขาบอกว่าจะส่งคนมาช่วย…”
ตงไจ๋ที่อยู่ด้านหนึ่งพูดว่า “พี่เยี่ยไปหาคนมาช่วยเหรอครับ? แต่ว่า พวกเขามากันเยอะขนาดนั้น แถมครั้งนี้จางเวยยังมาด้วยตัวเองอีก นอกจากว่าเหลียงซินตงจะมาเอง พวกเขาอาจจะไว้หน้าบ้าง…”
เยี่ยมู่ฝานไม่ได้ฝากความหวังไว้กับเยี่ยหวันหวั่นมากนัก เธอเป็นผู้หญิง จะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน
“เดี๋ยวฉันไปโทรศัพท์แป๊บหนึ่ง” เยี่ยมู่ฝานสูดหายใจ
คนในวงการพวกนี้ เขาเองก็เคยรู้จักมักจี่มาบ้าง เพียงแต่หลังจากที่คุณพ่อเจอวิกฤติ ก็ขาดการติดต่อกันไป
ไม่ว่ายังไง ลองดูก่อนก็ไม่เสียหาย…
พอเห็นพวกของจางเหล่าซานเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ เยี่ยมู่ฝานไม่มีเวลาคิดมาก เขารีบกดโทรออกทันที
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นาน จนปลายสายมีคนรับในที่สุด
“ฮัลโหล พี่เหลียง…”
“ฮัลโหล ใครน่ะ?”
เยี่ยมู่ฝานพยายามนอบน้อมสุดขีด “พี่เหลียง ไม่เจอกันนานเลย ขอโทษที่รบกวนพี่นะ ผมเยี่ยมู่ฝานเอง ผมมีเรื่องจะไหว้วานพี่หน่อย ทางผมมีประเด็นกับจางเวยนิดหน่อย ไม่ทราบว่าพี่พอจะมาเป็นคนกลาง ช่วยไกล่เกลี่ยหน่อย…”
เสียงเหมือนคนเพิ่งนึกออกดังมาจากปลายสาย “อ้อ ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็ลูกหลานตระกูลเยี่ยเองเหรอ โธ่ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยนาย แต่ว่าพักนี้ฉันกำลังเตรียมการเรื่องการแลกเปลี่ยนศิลปะต่อสู้ระดับโลก กำลังคุมนักกีฬาเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ เรื่องเล็กๆ พวกนี้ ฉันไม่มีเวลาสนใจจริงๆ ต้องขอโทษจริงๆ…”
พอคนปลายสายพูดจบ ก็วางสายทันทีโดยไม่รอให้เยี่ยมู่ฝานพูดอะไร เหมือนกำลังหลีกเลี่ยงหายนะหรือสัตว์ประหลาดอะไรสักอย่าง
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการขัดแย้งกับจางเหล่าซานเพราะเรื่องเล็กแค่นี้ ใครๆ ก็รู้ดีว่าตอนนี้เยี่ยมู่ฝานไม่ใช่นายน้อยแห่งตระกูลเยี่ยอีกแล้ว ด้วยฐานะของเขา ยังไม่สูงพอที่จะขอร้องพวกเขาได้
เยี่ยมู่ฝานขบกราม ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว ทำได้แค่รอหวันหวั่นแล้ว…
หวันหวั่นเปลี่ยนนิสัยไปนานแล้ว ไม่บุ่มบ่ามเหมือนเมื่อก่อน น้ำเสียงเธอตอนที่คุยกันเมื่อกี้มั่นใจมาก ไม่แน่ว่าอาจจะหาคนมาช่วยได้จริงๆ…
ขณะที่เยี่ยมู่ฝานกำลังกังวล ตอนนี้เอง กงซวี่ก็พุ่งตัวออกมาด้วยความเดือดดาล
“บ้าเอ๊ย! เจ้าแซ่จาง แกตั้งใจมาหาเรื่องฉันไม่ใช่เหรอ! ฉันเป็นคนกล้าทำกล้ารับมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าแกจะเอาเรื่อง ก็มาหาฉันนี่!”
……………………..
Related