บทที่ 1033 ขายหน้าด้วยกัน
“น่าจะใกล้ถึงแล้วละ!” ฉินรั่วซีเอ่ยปาก
ซุนเสวี่ยเจินกอดอกงึมงำ “ไม่รู้คราวนี้ตระกูลซือจะส่งใครมาเป็นตัวแทน” บรรพบุรุษตระกูลฉินของเธอเป็นแม่ทัพ พวกเราตระกูลซือเป็นครอบครัวศิลปะการต่อสู้ ส่วนตระกูลซือทำธุรกิจมาหลายชั่วอายุคน คนพวกนี้ย่อมไม่อยู่ในสายตาพวกเราสองตระกูล บอดี้การ์ดในตระกูลก็จ้างมาจากข้างนอกทั้งนั้น เกรงว่าคงหาตัวแทนที่เหมาะสมยากละมั้ง”
ฉินรั่วซีได้ยินดวงตาก็วาบประกายแสงเล็กน้อย เธอเอ่ยปาก “คุณเก้าน่าจะจัดคนเหมาะสมมาได้”
ซุนเสวี่ยเจินพยักหน้า “ในเมื่อเป็นคนที่คุณเก้าเลือกเองกับมือ แน่นอนว่าต้องมีค่าให้คาดหวัง!”
ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ไม่ไกลนัก คนหกคนก็เดินเรียงมายังสังเวียน
ด้านหลังของห้าคนนั้นปักตราของตระกูลซือ ส่วนคนที่เดินนำทั้งห้ามา กลับเป็นหญิงสาวรูปร่างบอบบางผู้หนึ่ง
ซุนเสวี่ยเจินเห็นผู้มาเยือน ก็ขมวดคิ้วแน่นทันที สีหน้าไม่ดีอยู่บ้าง “นี่มันผู้หญิงแซ่เยี่ยคนนั้นไม่ใช่เหรอ…ทำไมเป็นเธอได้”
เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นเดินมาถึงตรงหน้าซุนเสวี่ยเจินแล้ว เธอเอ่ยปากแนะนำตัวเอง “สวัสดีคุณหนูซุน ได้ยินชื่อเสียงมานาน ฉันแซ่เยี่ย เป็นตัวแทนตระกูลซือในงานชุมนุมประลองฝีมือครั้งนี้ค่ะ”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าซุนเสวี่ยเจินก็พลันดำมืดโดยสมบูรณ์ “เธอว่าอะไรนะ ตัวแทนงานชุมนุมประลองฝีมือของตระกูลซือคือเธอ?”
เยี่ยหวันหวั่นหน้าไม่เปลี่ยนสี “ใช่แล้ว”
“นี่มันเหลวไหลเกินไปแล้วชัดๆ!” ซุนเสวี่ยเจินโกรธจัดในทันที สีหน้าเหมือนถูกเหยียดหยามเต็มที่
“เจินเจิน เกิดอะไรขึ้น” ได้ยินความเคลื่อนไหวที่ฝั่งนี้ ซุนลี่จ้งก็เดินเข้ามาถาม
ซุนเสวี่ยเจินจ้องเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “คุณพ่อ ตระกูลซือออกจะทำเกินไปแล้ว พวกเราจัดงานชุมนุมประลองฝีมือนี้ขึ้น เชิญพวกเขามาร่วงามอย่างซื่อสัตย์จริงใจ แต่พวกเขากลับส่งคนอย่างนี้มาดูถูกพวกเรา!”
ซุนลี่จ้งกวาดสายตาผ่านตัวเยี่ยหวันหวั่นราวกับใบมีดคม “ท่านนี้คือ…”
ซุนเสวี่ยเจินแค่นเสียงเบาๆ ก่อนเอ่ย “ก็คนที่หนูเคยเล่าให้คุณพ่อฟังก่อนหน้านี้ไง คนรักของซือเยี่ยหาน!”
เมื่อได้ยินซุนลี่จ้งก็หน้าเปลี่ยนสีแล้ว “คุณหนูท่านนี้ ไม่ว่าคุณมาทำไม แต่ต้องขอโทษอย่างยิ่ง ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คุณจะมาก่อเรื่องเล่นตามใจได้!”
ได้ยินคำพูดที่เรียกได้ว่าเฉียบขาดพวกนี้ของซุนลี่จ้ง เผชิญกับสายตาดูถูกเหยียดหยามของหัวกะทิอีกสองตระกูล หัวกะทิไร้นามของตระกูลซือที่ตามเยี่ยหวันหวั่นมาก็ต่างเผยท่าทีอับอายเหลือแสน
“ก่อนหน้านี้ตอนอยู่กับพ่อบ้านสวี่ฉันก็อยากพูดแล้ว ทำไมคุณชายเก้าต้องให้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นหัวหน้าของพวกเราด้วย”
“ใช่เลย! ทำเอาพวกเราขายหน้าด้วยกันหมดแล้ว!”
…
ในตอนที่บรรยากาศกำลังเคร่งเครียดนั่นเอง ฉินรั่วซีรีบเดินออกมา เอ่ยกู้หน้าให้อย่างถูกเวลา “คุณลุงซุน เสวี่ยเจิน อย่าโกรธไปเลย คุณเก้าไม่มีทางมีเจตนาแบบนั้น อันที่จริงคุณหนูเยี่ยท่านนี้มีมุมมองด้านศิลปะการต่อสู้ในแบบฉบับของตัวเอง แถมฝีมือยังไม่ธรรมดา ตระกูลซือไม่ได้ตั้งใจดูถูกงานชุมนุมประลองฝีมือนี้แน่นอน!”
ซุนเสวี่ยเจินมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ “รั่วซี ซือเยี่ยหานทำกับเธอแบบนี้ เธอยังจะไกล่เกลี่ยให้เขาอีก! เมื่อก่อนตระกูลซือหนาหูว่าเขาถูกผู้หญิงคนนี้ล่อลวงจนหลงหัวปักหัวปำฉันยังไม่เชื่อ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นความจริง!”
ซุนเสวี่ยเจินกำลังจะพูดต่อ เวลานี้ ลูกศิษย์ก็นำมู่สุยเฟิงมาแล้ว
“อาจารย์ คุณมู่มาแล้วครับ!”
ซุนเสวี่ยเจินกับซุนลี่จ้งเห็นดังนั้น ก็ไม่ว่างไปสนเยี่ยหวันหวั่นอีก ความสนใจพลันอยู่ที่ตัวมู่สุยเฟิง พวกเขารีบเข้าไปทักทาย
ซุนลี่จ้งเอ่ย “คุณมู่ ขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับ เชิญนั่งที่ประธานเลยครับ!”
มู่สุยเฟิงประสานมือ “คุณซุนเกรงใจไปแล้ว ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามคุณซุนมานาน วันนี้ได้มาพบหน้า เป็นเกียรติของคนแซ่มู่นัก!”
มู่สุยเฟิงเพิ่มมารยาทต่อผู้เรียนศิลปะการต่อสู้เสมอ
ซุนจ้งลี่พลันหน้าเปล่งปลั่งขึ้นอีกเท่าตัว หัวกะทิของตระกูลซุนห้าคนที่ด้านข้างก็มีสีหน้าภูมิใจไปด้วย
————————————————————————————–
บทที่ 1034 มาเรียนรู้หาประสบการณ์
ซุนเสวี่ยเจินหลีกห่างมสฟ เดินไปข้างๆ ฉินรั่วซี เอ่ยปากเสียงเบา “รั่วซี เธอเห็นแบบนี้แล้ว ไม่สนอะไรเลย?”
ฉินรั่วซีขมวดคิ้วน้อยๆ หันมองซุนเสวี่ยเจิน “เรื่องส่วนตัวของคุณเก้า ไม่สะดวกให้พวกเราถาม แถมงานชุมนุมประลองฝีมือครั้งนี้สามตระกูลร่วมมือกันจัดขึ้น ในเมื่อคุณเก้าส่งเยี่ยหวันหวั่นมา ก็ย่อมต้องมีแผนของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น พลังในด้านวิทยายุทธของคุณหนูเยี่ยก็ไม่ธรรมดาจริงๆ”
ได้ยินฉินรั่วซีเอ่ยแบบนี้ ซุนเสวี่ยเจินมองประเมินเยี่ยหวันหวั่นหลายรอบ ก่อนแค่นเสียง พ่นลมทางจมูก “คุณหนูเยี่ยท่านนี้เนี่ยนะวิทยายุทธไม่ธรรมดา เฮอะ…เป็นอย่างนั้นก็ดี!”
ซุนเสวี่ยเจินรังเกียจเยี่ยหวันหวั่นอย่างยิ่ง เรื่องของตระกูลซือ เธอไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย และก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่น้อย เพียงแต่ งานชุมนุมประลองฝีมือครั้งนี้ ตระกูลซุนกลับเป็นเจ้าภาพ และตัวแทนสามคนของตระกูลซือ ถึงตอนนั้นต้องขึ้นเวที แลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ ถ้าหลังผู้หญิงคนนี้ขึ้นเวทีแล้วปล่อยไก่ขึ้นมา ตระกูลซือเสียหน้าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่กลับจะพลอยกระทบถึงตระกูลซุนของพวกเธอ
ยังไงเสีย เวลานี้นอกจากราชาหมาป่าเซนนี ก็ยังมีคุณมู่ สองท่านนี้คือแขกรับเชิญผู้มีเกียรติคนสำคัญของตระกูลซุน
เวลานี้ บอดี้การ์ดห้าคนที่เยี่ยหวันหวั่นพามาพากันส่ายหน้า ใบหน้าแดงจัด เวลานี้แทบอยากจะหารอยแยกแผ่นดินมุดหนีเข้าไป
ถ้ามีโอกาสให้พวกเขาเลือกได้หนึ่งครั้ง ไม่ว่าอย่างไรทั้งห้าก็จะไม่ตามผู้หญิงคนนี้มาสถานที่อย่างนี้ เธอขายหน้าคนเดียวก็แล้วไป แต่นี่พี่พลอยทำพวกเขาห้าคนโงหัวไม่ขึ้นด้วย
ส่วนท่าทีของตระกูลซุน เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่แสดงท่าทีขุ่นเคืองใดๆ ออกมา เธอใจเย็นอย่างผิดปกติ เรียกได้ว่าใจเย็นกับทุกสรรพสิ่ง
เข้าร่วมงานชุมนุมประลองฝีมือครั้งนี้ ซือเยี่ยหานบอกแล้วว่าไม่สนแพ้ชนะ และเธอเดิมทีก็ไม่ได้คิดมากมาย แค่มาดู มาเรียนรู้หาประสบการณ์ก็เท่านั้น
“คุณหนูเยี่ย เชิญเถอะ”
เวลานี้ซุนเสวี่ยเจินมองเยี่ยหวันหวั่น เอ่ยอย่างติดรำคาญ
ซุนลี่จ้งก็กวาดมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างเย็นชา แม้ว่าไม่พอใจ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ไม่อาจพูดอะไรได้
ไม่ว่ายังไง ผู้หญิงคนนี้ก็คือคนที่ผู้นำตระกูลซือส่งมา เขายังต้องไว้หน้าของซเยี่ยหวันหวั่นลายส่วน พูดจาก็ไม่สามารถน่าเกลียดเกินไปได้
ซุนเสวี่ยเจินพาเยี่ยหวันหวั่นกับฉินรั่วซีมายังที่นั่งผู้แข่งในทันที
เหนือที่นั่งผู้แข่ง คือที่นั่งของราชาหมาป่าเซนนีกับคุณมู่สองแขกผู้มีเกียรติ ทั้งสองแสดงท่าทีสนใจงานชุมนุมประลองฝีมือครั้งนี้มาก
“ถัดไป ฉันจะประกาศกฎของงานชุมนุมประลองฝีมือครั้งนี้สักหน่อย”
เวลานี้ ซุนเสวี่ยเจินกวาดมองทั่วทั้งงาน
เมื่อพูดจบ รอบด้านก็ไร้ซุ่มเสียง เงียบเชียบโดยสมบูรณ์
“ตระกูลซือ ตระกูลฉิน แล้วก็ฉันตระกูลซุน ต่างฝ่ายส่งยอดฝีมือห้าคนออกมาประชันกัน ส่วนฉันกับคุณหนูฉินรั่วซี แล้วก็คุณหนูหวันหวั่นจะเป็นตัวแทนประชันสุดท้าย การประชันครั้งนี้ จะใช้วิธีจับไม้ตัดสิน ไม่ว่าใครชนะหรือแพ้ ต่างก็มีโอกาสได้รับคำชี้แนะโดยตรงจากคุณราชาหมาป่าเซนนีและคุณมู่”
ได้ยินคำพูดของซุนเสวี่ยเจิน ยอดฝีมือของทั้งสามตระกูลก็มีสีหน้าตื่นเต้นนิดหน่อย
ชนะไม่ชนะไม่เป็นไร ที่สำคัญคือพวกเขาอยากได้รับคำแนะนำจากราชาหมาป่าเซนนีกับคุณมู่
แน่นอนว่าพูดเช่นนี้ ถ้าสามารถชนะในงานชุมนุมประลองฝีมือที่จัดขึ้นโดยสามตระกูลได้ วันข้างหน้า พวกเขาในตระกูลแต่ละคนก็ต้องได้รับการจับตามอง และได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญแน่นอน!
“คุณหนูฉิน ไม่มีคำถามนะ”
หลังประกาศกฎกติกาเสร็จ ซุนเสวี่ยเจินก็หันมองฉินรั่วซี
“อืม เข้าใจกฎแล้ว ไม่มีคำถาม” ฉินรั่วซีพยักหน้าตอบ
พูดจบ ซุนเสวี่ยเจินก็ชำเลืองมองเยี่ยหวันหวั่น ไม่ได้สนใจใดๆ ราวกับการสนทนากับมือใหม่อย่างเยี่ยหวันหวั่นสักครึ่งประโยค สำหรับเธอแล้ว เป็นเรื่องน่าอับอายอย่างสูง
เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้วกับคำพูดของซุนเสวี่ยเจินเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้ฉินรั่วซีบอกว่าตัวแทนไม่ต้องขึ้นเวที แต่ตอนนี้ดูแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น
แต่แบบนี้ก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน
………………………………