บทที่ 1141 ท่อนไม้ที่ใช้ตีเป็ดแมนดาริน
“ช่วงเวลานี้ไม่ได้เป็นเรื่องแย่สำหรับพวกนาย ให้ตัวเองได้ตกตะกอนสักหน่อย ทำสาธารณประโยชน์มากๆ อ่านหนังสือเยอะๆ เรียนอะไรสักนิด เติมเต็มตัวเองสักหน่อย เข้าใจหรือเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นกำชับอย่างไม่วางใจ
กงซวี่ตบโต๊ะอย่างท้อแท้ เอ่ยอย่างหมดอาลัยว่า “ใจร้อนอะไรเล่า…ใจร้อนไม่ไหวแล้ว…ไม่ได้เห็นพี่เยี่ยแต่งหญิงแล้ว…ชีวิตนี้ยังจะมีความหมายอะไร…”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ชีวิตของหมอนี่…น่าเบื่อขนาดนี้เชียว? ทำเรื่องที่มีความหมายหน่อยไม่ได้หรือไง
หานเซี่ยนอวี่ได้ยินคำพูดนี้ก็ส่ายหน้า พลันหลุดหัวเราะ แต่ดวงตากลับฉายแววเหมือนโล่งใจ
“ยังมีเสี่ยวมี่เจี้ยนของผมอีกนะเสี่ยวมี่เจี้ยน…ทำไมความรักของพวกเรายากลำบากแบบนี้…” กงซวี่เหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างโศกเศร้าเหลือคณนา “พี่เยี่ย ผมไม่ชอบพี่แล้ว! พี่รู้ไหมตอนนี้พี่เหมือนอะไร…”
เยี่ยหวันหวั่นถาม “เหมือนอะไร”
กงซวี่ตอบ “ท่อนไม้! ท่อนไม้ที่ใช้ตีเป็ดแมนดาริน[1]!”
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด
กงซวี่เอ่ยต่อ “ถ้าพี่สวมกระโปรงให้ผมดู ผมก็จะฝืนใจยกโทษให้พี่!”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ไม่ต้องฝืนใจขนาดนั้น ขอบคุณ”
เหยาเจียเหวินคิดเล็กน้อย เหมือนได้แต่ต้องทำแบบนี้แล้ว
บริษัทเล็กไม่มีผู้สนับสนุน ถ้าถูกบริษัทใหญ่รังแกก็แทบจะหมดโอกาสก้าวหน้า
เหยาเจียเหวินเอ่ยปาก “ตอนนี้ได้แต่หวังให้ ‘เป็นหรือตาย’ เข้ารอบรางวัลจินหลานแล้ว พวกเรามีนักแสดงนำชายสองคน ลั่วเฉินกับกงซวี่ ใครก็ได้เข้ารอบสักคน ดีเลวก็ยังได้ชื่อเสียง…”
ไม่งั้นก็ไม่ได้ทั้งเงิน ไม่ได้ทั้งชื่อเสียงแล้ว
แต่ในใจพวกเขาชัดเจนดี ถึงแม้ว่าเนื้อหาหนังเรื่อง ‘เป็นหรือตาย’ ได้เปรียบในการชิงรางวัลจินหลาน
แต่ต่อให้เข้ารอบแล้ว ถ้าเข้ารอบแต่ไม่ได้รางวัลละก็ ความจริงก็ไม่มีประโยชน์อะไร
อันที่จริงเหยาเจียเหวินไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเยี่ยไป๋เท่าไรนัก
ด้วยความนิยมของกงซวี่กับลั่วเฉิน ตอนนั้นถ้าปรับหนังเป็นแนวรั้วโรงเรียน เดินสายละครไอดอล ต่อให้บริษัทใหญ่กดดัน รายได้จำหน่ายตั๋วก็ไม่น่าจะแย่ถึงขั้นนี้ อย่างน้อยก็ไม่เสียเงิน
ถึงเยี่ยไป๋มีความสามารถจริง แต่ระยะเวลาเข้าสายอาชีพน้อยเกินไป บางครั้งก็ยังเปี่ยมอุดมการณ์มากเกินไป
เยี่ยไป๋อาจหวังดีกับลั่วเฉินและกงซวี่จากใจจริง อยากช่วยลั่วเฉินกับกงซวี่เปลี่ยนภาพลักษณ์ ไม่อยากใช้ความนิยมของพวกเขาเกินเลย จำกัดแค่หาเงินเร็ว แต่เยี่ยไป๋กลับประเมินความโหดร้ายของตลาดต่ำเกินไป ทั้งยังประเมินความสามารถของบริษัทใหญ่ต่ำเกินไปด้วย
ตอนนั้นถึงแม้จะได้รับบทของสวี่หลิน แต่กลับล่วงเกินหวงเทียน ออกจะได้ไม่คุ้มเสียอย่างแท้จริง
ตอนนี้บริษัทมีเงินทุนรัดตัวขนาดนี้ ทั้งหมดต้องพึ่งพาหนังเรื่องนี้เรียกคืนสภาพคล่องกลับมา
เมื่อไรที่หนังเรื่องนี้ล้มเหลว จะบริหารบริษัทต่อไปได้หรือเปล่า เกรงว่ายังเต็มไปด้วยปัญหา…
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “เจียเหวิน คุณไปจัดการกำหนดการถัดไปหน่อย”
เหยาเจียเหวินได้สติกลับมา รีบพยักหน้า “ตกลงค่ะ!”
…
ในเวลาต่อมา หนังของบริษัทใหญ่ต่างๆ ก็โปรโมตการฉายอย่างคึกคักเร่าร้อน เยี่ยหวันหวั่นก็พาลั่วเฉินกับกงซวี่ไปทำการกุศล ไปเขตภูเขาดูแลเด็กในพื้นที่ห่างไกล ไปกองทัพบำรุงขวัญทหารเก่าอย่างเงียบเชียบ ปรับกำหนดการโปรโมตแต่เดิมเป็นการทำกุศลบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ทั้งหมด
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นได้รับข่าวว่าลั่วเฉินกับกงซวี่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจินหลานสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม เธอก็กำลังพากงซวี่กับลั่วเฉินไปคุยเป็นเพื่อนเหล่าทหารเก่าในหุบเขาห่างไกล
กงซวี่จ้องมือถือ ใบหน้าน้อยที่หมดอาลัยตายอยากตลอดเวลาพลันเบ่งบานเปล่งประกาย “วะฮะฮ่า! พี่เยี่ยๆ! ผมถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจินหลานสาขานักแสดงนำชายแล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นมองรายชื่อเข้าชิงรางวัลที่เยี่ยมู่ฝานส่งมา “ใจเย็น แค่เสนอชื่อเท่านั้น”
————————————————————————————-
บทที่ 1142 ปัดเศษสักหน่อย
ถึงแม้ว่าจะได้รางวัลจินหลานหรือเปล่านั้นพูดยาก แต่ได้รับเสนอชื่อ อันที่จริงเยี่ยหวันหวั่นก็ยังนับว่ามั่นใจ
เธอควบคุมหนังเรื่องนี้ทุกกระบวนการ เธอย่อมมั่นใจในคุณภาพ
การประเมินดูจากบทหนังว่าดีหรือแย่ และดูคุณภาพการถ่าย ไม่ใช่รายได้จำหน่ายตั๋ว รายได้จำหน่ายตั๋วจึงไม่กระทบต่อการตัดสินของคณะกรรมการ
ลั่วเฉินได้ยินแบบนั้นก็มีสีหน้าเปี่ยมความดีใจ นี่ถือเป็นข่าวดีใหญ่ที่สุดในช่วงนี้แล้ว
ถึงจะแค่ได้รับเสนอชื่อ แต่ก็แสดงให้เห็นการยอมรับในทักษะการแสดงของพวกเขาแล้ว
กงซวี่เท้าสะเอวอย่างภูมิใจ “ฮ่าๆๆ! ได้รับเสนอชื่อแล้วไง ปัดเศษสักหน่อยก็เท่ากับผมได้เป็นราชาจอเงินแล้วนี่! เพราะงั้น…พี่เยี่ย…พี่ดู…ไม่งั้นพี่ก็หยวนๆ สวมสักหน่อยนะ? ”
เยี่ยหวันหวั่นกลอกตาใส่อีกฝ่าย ปัดเศษสักหน่อยก็ได้เป็นราชาจอเงินแล้ว? ฝันไปเถอะ!
ถึงได้รับเสนอชื่อแล้ว แต่ระหว่างได้กับไม่ได้ก็แตกต่างกันโขเข้าใจไหม
ไม่ได้ก็ได้แค่ไปเดินพรมแดงสักรอบ ร่วมงานเป็นเพื่อนผู้รับรางวัลสักครั้ง นอกจากนั้นก็เป็นตัวแทนมุกขำขันว่าได้รับเสนอชื่อสาขา ‘ราชาจอเงินคู่’ ของรางวัลจินหลานคราวนี้ก็เท่านั้น
โดยเฉพาะกงซวี่ ได้รับเสนอชื่อครั้งนี้ ถ้าสุดท้ายไม่ได้รางวัล ฝูงชนออนไลน์จะต้องหัวเราะเยาะเขาแน่นอน
หลังดีใจแล้ว ลั่วเฉินก็ย้อนนึกชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “ผมเคยหาข้อมูลมา ในประวัติศาสตร์รางวัลจินหลานมีทั้งหมดห้าครั้งที่นักแสดงนำชายสองคนในหนังเรื่องเดียวกันได้รับเสนอชื่อพร้อมกัน แต่ห้าครั้งนี้ไม่มีสักครั้งที่ทั้งสองคนได้เป็นราชาจอเงินทั้งคู่ มีสี่ครั้งที่พลาดรางวัลหมด มีครั้งเดียวที่หนึ่งคนในนั้นได้เป็นราชาจอเงิน ฝั่งนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมก็สถานการณ์พอๆ กัน…”
ก็หมายความว่า ในประวัติศาสตร์รางวัลจินหลานยังไม่เคยกำเนิดราชาจอเงินคู่หรือว่าราชินีจอเงินคู่มาก่อน
ยังไงซะปริมาณทองผสมในรางวัลจินหลานก็มีอยู่สูงขนาดนั้น จะให้มีราชาเงินสองคนราชินีจอเงินสองคนออกมาพร้อมกันได้ยังไง
ถึงจำนวนผู้ได้รับเสนอชื่อมีไม่น้อย แต่สถานการณ์ส่วนใหญ่คือพลาดรางวัล ยิ่งไปกว่านั้นหนังอื่นๆ ที่เข้ารอบด้วยกันกับพวกเขาครั้งนี้ล้วนยากดูถูก กระบวนทัพผู้กำกับนักลงทุนและศิลปินของบริษัทล้วนแล้วแต่แข็งแกร่ง
มีแค่กงซวี่กับลั่วเฉินที่ดูโดดออกมาจากช่วงเวลา…
เวลานี้รายชื่อที่ได้เข้ารอบชิงรางวัลจินหลานออกสู่ออนไลน์แล้ว
เยี่ยหวันหวั่นไถคอมเมนต์ผ่านๆ เล็กน้อย เป็นอย่างที่คิด ลั่วเฉินกับกงซวี่ถูกเสนอชื่อพร้อมกันก่อเกิดคลื่นสนทนาไม่น้อย แถมยังได้รับความนิยม ส่วนใหญ่วิจารณ์ในแง่ลบ โดยเฉพาะกงซวี่ที่ถูกด่าเละ
[เชี่ย! ฉันเห็นอะไรเข้าเนี่ย ลั่วเฉินได้รับเสนอชื่อก็แล้วไป แต่นี่กงซวี่ก็ได้รับเสนอชื่อนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วย]
[กงซวี่ได้รับเสนอชื่อเป็นราชาจอเงิน รางวัลจินหลานคราวนี้คงใกล้จบเห่แล้ว!]
[บัดซบ! เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง! กรรมการของรางวัลจินหลานครั้งนี้มัวทำอะไรอยู่น่ะ]
…
เสียงก่นด่าว่อนไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต ทุกคนล้วนเรียกร้องให้คณะกรรมการตรวจสอบรายชื่อเข้ารอบใหม่ บางครั้งมีแฟนคลับจำนวนหนึ่งที่เคยดูหนังมาพูดแทนลั่วเฉินกับกงซวี่ แต่ก็ล้วนถูกต่อว่าจนบาดแผลเต็มร่าง
กลุ่มคนที่ไม่เคยแม้แต่ดูหนังแค่เพราะชื่อ ‘กงซวี่’ นี้ ก็ราวกับฉีดเลือดไก่ไม่ปาน พุ่งเข้าไปกัดอย่างบ้าคลั่ง
เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุก ความสามารถในการวอนโดนด่าของกงซวี่ยังแข็งแกร่งไม่มีเปลี่ยนจริงๆ
เยี่ยหวันหวั่นกุมหน้าผาก “ทำไมในวอนโดนด่าได้ขนาดนี้”
กงซวี่มีสีหน้าภูมิใจ “นั่นก็แหงอยู่แล้ว ในวงการบันเทิงไม่มีใครเท่าคุณชายอีกแล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ฉันไม่ได้ชม!”
เวลานี้มือถือของเยี่ยหวันหวั่นดังขึ้นมา เป็นสายจากเยี่ยมู่ฝาน
เยี่ยหวันหวั่นเดินห่างไปเล็กน้อยแล้วจึงรับสาย “ฮัลโหล พี่?”
เยี่ยมู่ฝานพูดขึ้น “รายชื่อเข้ารอบออกมาแล้ว แกเห็นแล้วยัง”
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “เห็นแล้ว”
……………………………………………………
[1] ท่อนไม้ตีเป็ดแมนดาริน หมายถึง การบีบบังคับแยกคู่รักออกจากกัน