บทที่ 1153 ยาถึงโรคหาย
พวกช่างภาพพากันกดชัตเตอร์รัวๆ แอบนึกเสียดายในใจ จากสัญชาตญาณอันแม่นยำของพวกเขา หากปล่อยภาพเซ็ตนี้ออกไปต้องดังระเบิดแน่ น่าเสียดายที่พวกเขาจะไม่สิ้นเปลืองฟิล์มและพื้นที่ในหน้าหนังสือไปกับบุคคลที่ไม่สำคัญ
ในวงการบันเทิงมีแต่ยอดฝีมือ ใครๆ ก็รู้ ว่าหลังจากพิธีประกาศรางวัลจินหลาน บริษัทของเยี่ยมู่ฝานจะเปิดต่อไปได้หรือไม่ยังเป็นเรื่องคาดเดาไม่ได้
พิธีกรเองก็เหมือนจะได้รับการไหว้วานจากเยี่ยเส้าอัน ว่าอย่าเปิดโอกาสให้พวกเขา
พิธีกรสาวระงับความปรารถนาในการอยากพูดคุย ได้แต่มองหนุ่มหล่อทั้งห้าคนเดินผ่านไปทีละคนๆ แต่ละคนที่เดินผ่านราวกับกระชากวิญญาณของเธอไปด้วยทุกครั้ง
พอทั้งห้าคนเดินเข้าไปหมด พิธีกรสาวทำหน้าเคลิบเคลิ้ม ราวกับวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้วจริงๆ
แม้แต่พิธีกรหนุ่มก็ยังต้องชะเง้อคอมองตามเข้าไปข้างใน แล้วพูดเบาๆ ว่า “ให้ตายเถอะ! ตาฉันแทบบอดแน่ะ…”
พวกเยี่ยหวันหวั่นเดินผ่านพรมแดงไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดินเข้าไป จู่ๆ มือถือของเยี่ยมู่ฝานก็ดังขึ้น
พอเห็นชื่อบนจอมือถือ เยี่ยมู่ฝานก็ชะงักไปเล็กน้อย “พวกนายเข้าไปก่อน ฉันรับสายแป๊บหนึ่ง”
หลังจากรับสายเสร็จ เยี่ยมู่ฝานก็ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้นนานมาก ท่าทางดูเคร่งเครียดกว่าที่เคยเป็นมา
ก่อนหน้านี้เขาอุตส่าห์ติดต่อรายการหนึ่งได้อย่างยากลำบากแล้ว เป็นรายการเรียลลิตี้กลางแจ้งที่เพิ่งเปิดตัวโดยสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง
เพราะเป็นรายการใหม่ที่อยู่ในช่วงทดลอง จึงน่าจะไปออกรายการได้ง่ายกว่า
ก่อนหน้านี้เขาเจรจาต่อรองกับฝ่ายผู้ผลิตสารพัดวิธี ทั้งยอมลดเงื่อนไขและค่าตอบแทนครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายอีกฝ่ายจึงยอมตกลงในที่สุด
แต่ตอนนี้ คนรับผิดชอบจากรายการเพิ่งโทรฯ มาเมื่อกี้ จู่ๆ ก็บอกว่าลั่วเฉินกับกงซวี่ไม่เหมาะกับรูปแบบรายการของพวกเขา จึงต้องทำการเปลี่ยนคนกะทันหัน
เยี่ยมู่ฝานสบถเสียงต่ำ แล้วโทรหาเถาเจียเหวิน “เจียเหวิน เช็กให้ฉันทีว่ารายการ‘การผจญภัยอันเร่าร้อน’ติดต่อนักแสดงคนไหนไปบ้าง!”
ไม่นาน เถาเจียเหวินก็โทรกลับมา “ประธานเยี่ยคะ…ตอนนี้พวกเขาติดต่อจ้าวเฉิงเจ๋อ เหมิงลี่ลี่ ชุยหมิงเชียน สิงฮั่ว…แล้วก็หลิงเส้าเจ๋อค่ะ…”
หลิงเส้าเจ๋อ…
ฝีมือหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์จริงๆ ด้วย!
ดูเหมือนเยี่ยเส่าอันตั้งใจจะตัดทางหนีทีรอดของเขาให้ขาดทุกเส้นทาง…
นอกจากหลิงเส้าเจ๋อแล้ว ยังมีคนที่ถูกส่งไปแทนที่คนของพวกเขาอีกหนึ่งคน เป็นนักแสดงหน้าใหม่ในสังกัดของไช่หย่งเซิ่ง ซึ่งเข้ารอบชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ในครั้งนี้ด้วย “ชุยหมิงเชียน”
สถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเขา เรียกได้ว่าโดนโจมตีรอบด้านเลยทีเดียว…
……
เยี่ยมู่ฝานสงบสติอารมณ์แล้วกลับมานั่งที่ ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ ก็คือรอฟังผลเท่านั้น
ทุกคนนั่งประจำที่ สีหน้าดูหนักอึ้งกว่าปกติ
แม้แต่กงซวี่ก็ยังตื่นเต้นจนอยู่นิ่งไม่ได้ “ลั่วเฉิน เฉินเฉิน…เสี่ยวเฉินเฉิน…ฉันไม่ไหวแล้ว…”
ลั่วเฉินนั่งอยู่ข้างๆ กงซวี่ ตอนแรกไม่ได้สนใจเขา แต่พอเห็นสีหน้าเขาไม่สู้ดีนัก จึงเอ่ยปากถาม “เป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
กงซวี่พิงไหล่เขา แล้วพยักหน้าอย่างอ่อนแรง “อื้ม…”
ลั่วเฉินเอ่ย “ฉันจะบอกพี่เยี่ยให้!”
กงซวี่พูดว่า “อื้มๆ นายช่วยบอกพี่เยี่ยให้ที ว่าให้เขาใส่กระโปรงให้ฉันดูหน่อย รับรองว่าถึงโรคหายทันทีแน่นอน…”
ลั่วเฉินเอือมระอา
ลั่วเฉินผลักกงซวี่ออกอย่างไร้ความเห็นใจ
เจ้าหมอนี่ ไม่เคยจริงจังอะไรกับเขาเลยซักครั้ง!
แต่ว่า พอโดนกงซวี่แกล้งอย่างนี้ อารมณ์ประหม่าของเขาก็ผ่อนคลายลงไปหลายส่วน
ตอนนี้พิธีประกาศรางวัลยังไม่เริ่ม ต่างคนต่างพูดคุยกันแล้วก้มหน้าเล่นมือถือของตัวเอง
เยี่ยหวันหวั่นหมายจะบอกเรื่องที่ควรระวังให้กงซวี่กับลั่วเฉิน แต่จู่ๆ มือถือก็สั่นเสียก่อน
————————————————————————————-
บทที่ 1154 ทำไมต้องทำเสียงอ่อน
เจียงเยียนหรานโทรฯ มา
พอเห็นชื่อบนหน้าจอมือถือ สายตาของเยี่ยหวันหวั่นประกายแววซาบซึ้งเล็กน้อย เธอหันไปมองฝั่งที่เจียงเยียนหรานนั่งอยู่แวบหนึ่ง แล้วรับสาย “ฮัลโหล?”
กงซวี่ที่นั่งอยู่ด้านหนึ่งได้ยินคำว่าฮัลโหลก็หูผึ่งทันที “เรื่องนี้มีเงื่อนงำ! แปลกจัง! ทำไมพี่เยี่ยถึงรับสายเสียงอ่อนโยนขนาดนี้?”
ลั่วเฉินเงียบ
บ่งบอกว่าไม่อยากสนทนากับเขา…
แค่คำว่า ‘ฮัลโหล’ เฉยๆ มีอะไรให้น่าแปลกใจนัก?
ขณะเดียวกัน เจียงเยียนหรานกำลังชะเง้อมองข้างหลังอย่างระมัดระวัง พอได้ยินเสียงของเยี่ยไป๋ดังมาจากปลายสาย เธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทันที “หวันหวั่นๆ! เธอมาถึงรึยัง? ทำไมฉันไม่เห็นเธอเลยล่ะ!”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ถึงแล้ว อยู่ข้างหลังถัดจากที่นั่งเธอไม่กี่แถว ฉันเห็นเธอแล้ว”
“จริงเหรอ? ดีจัง!” เจียงเยียนหรานถอนหายใจ
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “อื้ม ฉันอยู่นี่ ไม่ต้องกลัวนะ”
เจียงเยียนหรานเอ่ย “อื้มๆ…”
เยี่ยหวันหวั่นคุยกับเจียงเยียนหรานครู่หนึ่ง จากนั้นก็วางสายไป พอหันหน้ามาก็เห็นกงซวี่เอียงหน้ามาใกล้จนแทบจะติดมือถือของเธออยู่แล้ว
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว
กงซวี่จ้องหน้าเธอแล้วกระพริบตาปริบๆ “พี่เยี่ย พี่คุยกับใครอ่ะ! ทำไมต้องทำเสียงอ่อนขนาดนั้นล่ะ?”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ไม่ใครอะไรทั้งนั้น ก็แค่เพื่อนคนหนึ่ง”
กงซวี่สงสัย “เพื่อน…”
น่าแปลก หรือว่าสัมผัสที่หกของเขาจะผิดพลาดไป? ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าพี่เยี่ยซ่อนคนอื่นไว้ล่ะ…
“สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทุกท่าน ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านสู่พิธีมอบรางวัลจินหลานในค่ำคืนนี้…”
บนเวที ท่ามกลางเสียงคลอเคล้าของดนตรี พิธีกรกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ พิธีมอบรางวัลจินหลานได้เริ่มขึ้นแล้ว
สายตาทุกคู่หันไปจดจ่อที่เวที
หลังจากการแสดงเปิดพิธีจบ ช่วงเวลาที่ทุกคนในวงการบันเทิงรอคอยมานาน ก็เริ่มขึ้นในที่สุด
ช่วงแรกเป็นการอุ่นเครื่องด้วยการมอบรางวัลเล็กๆ อย่างพวกรางวัลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม การออกแบบยอดเยี่ยม รางวัลแอคชันยอดเยี่ยมและอื่นๆ อีกมากมาย
สิบกว่านาทีต่อมา ก็เข้าสู่การประกาศรางวัลสำคัญรายการแรก นั่นก็คือรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม!
บนเวที แกล้งให้ลุ้นอยู่นาน ในที่สุดก็ประกาศชื่อผู้ชนะ “ผู้ที่ชนะรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมก็คือ…ดาวดวงใหม่ของกวงเย่ามีเดียในปีนี้…ชุยหมิงเชียน! ยินดีด้วยค่ะ!”
เมื่อพิธีกรกล่าวชื่อผู้ชนะรางวัล ผู้ชมต่างปรบมือเสียงดังก้องเพื่อแสดงความยินดี
ชุยหมิงเชียนน้ำตาไหลทันที เขากอดไช่หย่งเซิ่งกับคนในกองถ่ายที่ยืนอยู่ด้วยกัน สีหน้าดูตื้นตันมาก
ที่นั่งวีไอพีด้านหน้าสุด ฉู่หงกวงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เขาเป็นคนลงทุนทุกอย่าง จนเรียกได้ว่าเกือบจะขาดทุนเพื่อช่วยไช่หย่งเซิ่งปั้นชุยหมิงเชียนขึ้นมา
หลังจากที่เยี่ยไป๋ลาออก ข่าวลือก็แพร่สะพัดไปทั่ว บอกว่าเขาส่งญาติตัวเองไปบีบให้เยี่ยไป๋ลาออก ทำให้กวงเย่าตกที่นั่งลำบาก เขาจะยอมปล่อยให้ตัวเองขายหน้าอย่างนั้นได้ยังไง
ฉะนั้น ถึงแม้รู้ว่าไช่หย่งเซิ่งจะเป็นแค่ถุงฟาง แต่เขาก็ต้องปลุกปั้นไช่หย่งเซิ่งให้ได้
แล้วเรื่องจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาทำถูก หากอยากอยู่ในวงการนี้ แค่มีพรสวรรค์ยังไม่พอ เยี่ยไป๋ลาออกจากโกลบอล ก็กลายเป็นคนไร้ที่พึ่งไปเลยไม่ใช่หรือ จุดจบของลั่วเฉินกับกงซวี่ที่โดนเขาหลอกล่อไปด้วย ถือเป็นการตักเตือนที่ดีที่สุดสำหรับนักแสดงในโกลบอลคนอื่นๆ
ไช่หย่งเซิ่งมองดูนักแสดงของตัวเองถือถ้วยรางวัลลงมา สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แล้วยังทำเป็นเหลือบมองพวกเยี่ยหวันหวั่นที่นั่งอยู่แถวหลังเหมือนไม่ได้ตั้งใจอีก
…………………………..