บทที่ 283 หวังว่าจะไม่ระเบิดลง
เยี่ยหวันหวั่นเห็นหานเซี่ยนอวี่จู่ๆ มาปรากฏตัวหน้าห้องพักตัวเอง ในมือถือข้าวของถุงเล็กถุงน้อย ตกใจอยู่นานถึงค่อยได้สติกลับมา ถามด้วยความประหลาดใจว่า “คุณคือ…”
“ผมเพิ่งรู้จากพี่หยางว่าคุณย้ายมาอยู่ห้องข้างผม ก็เลยแวะมาเยี่ยม” หานเซี่ยนอวี่พูดอย่างมีมารยาท
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแล้วมองไปทางห้องข้างๆ ด้วยความประหลาดใจทันที “คุณอยู่ที่นี่เหรอครับ?”
หานเซี่ยนอวี่ตอบด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้อยู่บ้าง “เดิมทีอยู่ที่บ้านพักฝั่งตะวันออกครับ แต่คุณก็รู้ เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ที่พักส่วนตัวของผมเลยถูกเปิดเผยหมด ก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว…”
เยี่ยหวันหวั่นค่อยเข้าใจ “ที่แท้แบบนี้เอง”
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็อดมองหานเซี่ยนอวี่ไม่ได้ เห็นวันนี้เขาสวมกางเกงยีนส์ แจ็กเก็ตหนังสีดำ ใส่เสื้อเชิ้ตพิมพ์ลายไว้ด้านใน สวมรองเท้ากีฬาสีขาว หูซ้ายใส่ต่างหูเป็นธนูขนนก ผมสั้นสีน้ำตาลอ่อนดูยุ่งเล็กน้อย
เขาแต่งตัวตามสบายมาก ดูไปแล้วทั้งหล่อทั้งสบายๆ เพราะรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นและบุคลิกที่อยู่หน้ากล้องมานาน ไม่ว่าจะมองมุมไหนเขาก็เหมือนรูปโปสเตอร์
ทว่าสิ่งที่ทำให้คนเตะตามากที่สุดก็คือดวงตาคู่นั้น เป็นประกายมีชีวิตชีวา เหมือนเปลวไฟสองกลุ่มที่กำลังเริงระบำ
เทียบกับวันนั้นตอนเธอเห็นเขาดูซึมเศร้าและหม่นหมองในห้องประชุมของโกลบอลเอ็นเตอร์เทนเมนท์ สภาพหานเซี่ยนอวี่เวลานี้ดีขึ้นเยอะ
หานเซี่ยนอวี่ในความทรงจำของเธอ เขาสามารถทำให้แฟนคลับกรีดร้อง และสามารถก้มตัวลงไปเก้าสิบองศาเพื่อช่วยประคองผู้สูงอายุ เขาขับรถเฟอร์รารี่สีแดงคันใหญ่อยู่บนถนน และก็ให้อาหารแมวจรจัดข้างถนนได้เช่นกัน…
ดูเป็นอิสระไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่กลับอ่อนโยนจิตใจดี
อิสระจนเหมือนลมพัดมาวูบหนึ่ง พร่างพราวราวกับดวงอาทิตย์ที่อยู่ด้านบน ไม่ว่าเวลาไหนเขาก็จะส่งต่อความกระตือรือร้นและจิตใจที่ดีงามให้ทุกคนรอบด้าน
นี่สิหานเซี่ยนอวี่ตัวจริง
ชาติที่แล้วเธอชอบหานเซี่ยนอวี่ศิลปินคนนี้ และยังหวั่นไหวเพราะความอบอุ่นเป็นตัวของตัวเองจากเขา
เพราะสมบูรณ์แบบเกินไป ชาติที่แล้วการที่เขาตกอับจึงทำให้ทุกคนรู้สึกเสียดายมาก
ยังดี ชาตินี้ดาวที่เป็นประกายดวงนี้ยังคงสุกสกาวอยู่…
หานเซี่ยนอวี่โดนสายตาคู่นั้นของอีกฝ่ายจ้องมองอย่างตั้งใจ แต่ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงบีบรัดอย่างประหลาด เขากระแอมเบาๆ ก่อนเอ่ย “หวังว่าคงจะไม่ได้รบกวนคุณนะ…”
เยี่ยหวันหวั่นได้สติกลับมา รีบพูด “ได้ยังไงล่ะ รีบเข้ามาสิ!”
คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้ หานเซี่ยนอวี่อยู่ห้องข้างๆ เธอ แล้วยังมาเยี่ยมถึงห้องด้วย
เอ่อ เวลานี้ซือเยี่ยหานยังอยู่ข้างในอยู่เลย ทำยังไงดี?
คนเขาอุตส่าห์หิ้วของตั้งมากมายมาทักทายตัวเองถึงหน้าประตู เธอก็ไม่ให้เขาเข้ามาไม่ได้นี่!
ช่วยไม่ได้ เยี่ยหวันหวั่นจึงได้แต่ให้เขาเข้ามาก่อน
ยังดีที่ตอนนี้เธอแต่งตัวเป็นผู้ชาย ถือว่าปลอดภัยมาก
อีกฝาก หานเซี่ยนอวี่เพิ่งเข้ามา ก็เห็นที่โซฟามีคนนั่งอยู่ จึงอดแปลกใจไม่ได้
ที่จริงแล้วเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาและบุคลิกของชายหนุ่มดูสะดุดตาเกินไป
เขาเชื่อมั่นในหน้าตาตัวเองมาตลอด ปกติลงรูปอะไรไปก็มีแฟนคลับนับไม่ถ้วนมาเกาะติดหน้าจอมือถือ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชายที่โดดเด่นคนนี้ เขาดูหม่นลงในพริบตา
ถ้าเขารูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ผู้ชายตรงหน้านี่ก็หล่อจนทำร้ายประเทศชาติและประชาชนได้เลย
“คนนี้คือ…?” หานเซี่ยนหวี่ถามขึ้นมา
“เอ่อ คนนี้คือเพื่อนผมซือ…ซือจิ่ว…” เยี่ยหวันหวั่นแนะนำง่ายๆ จากนั้นมองไปทางซือเยี่ยหานด้วยความตึงเครียดอยู่บ้าง “อาจิ่ว นี่หานเซี่ยนอวี่ นักแสดงดังมาก คนที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดให้ฟังไง!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็กลืนน้ำลาย แอบภาวนา หวังว่าซือเยี่ยหานจะไม่ระเบิดลง…
………………………………………………….
บทที่ 284 แนะนำแฟนสาวให้สักคน
หนึ่งวินาทีผ่านไป สองวินาทีผ่านไป สามวินาทีผ่านไป…
สายตาเย็นชาของซือเยี่ยหานหยุดอยู่ที่หานเซี่ยนอวี่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “สวัสดี”
หานเซี่ยนอวี่พยักหน้าเล็กน้อย “สวัสดีครับ!”
รัศมีของชายหนุ่มช่างน่ากลัวเหลือเกิน สายตาที่มองมาทางเขา ไม่รู้ทำไมถึงทำให้รู้สึกกลัวจนตัวสั่น…
หานเซี่ยนอวี่มองมาทางเยี่ยหวันหวั่น ถามหยั่งเชิงว่า “เพื่อนของคุณ…เป็นคนในวงการหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นว่าซือเยี่ยหานไม่ได้ระเบิดอารมณ์ เยี่ยหวันหวั่นก็โล่งอกได้สักที เธอตอบกลับไป “ไม่ใช่ เขาเป็นคนนอกวงการ เป็นนักธุรกิจน่ะ”
หานเซี่ยนอวี่ได้ยินแล้วพยักหน้า
ถ้าเป็นคนในวงการ ด้วยคุณสมบัติของรูปร่างหน้าตาที่แทบจะพลิกฟ้าขนาดนี้ เกรงว่าคงดังระเบิดไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่เคยพบมาก่อนได้
เยี่ยหวันหวั่นทักทายหานเซี่ยนอวี่ “นั่งตามสบายนะ วันนี้ผมเพิ่งจะย้ายมา ยังไม่ทันได้จัดข้าวของ ออกจะรกหน่อย คุณอยากดื่มอะไร? เหมือนว่าที่นี่ผมจะมีแค่น้ำเปล่า เดี๋ยวผมลองหาก่อนว่ามีชาไหม…”
หานเซี่ยนอวี่รีบเอ่ย “ไม่ต้องยุ่งยากหรอก น้ำเปล่าก็พอ ก่อนหน้านี้คุณช่วยผมไว้มากขนาดนั้น ผมยังไม่ทันได้ขอบคุณคุณเลย ทีแรกกะว่าเย็นนี้จะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ แต่เหมือนว่าวันนี้คุณจะมีแขก…”
เยี่ยหวันหวั่นรินน้ำให้เขาแก้วหนึ่ง “คุณหานเกรงใจแล้ว เจตนาของผมก่อนหน้านี้ก็พูดไปแล้ว ความจริงคุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก”
“ผมรู้ แต่ประธานฉู่ก็คือประธานฉู่ ผมก็คือผม ครั้งนี้หากไม่ได้คุณ…ผมรู้ดีว่าจุดจบของผมจะเป็นยังไง…”
หานเซี่ยนอวี่ปกปิดความทุกข์ที่หลงเหลืออยู่ในนัยน์ตา ยามที่มองคนหนุ่มตรงหน้าสายตาพลันอ่อนโยนลงไม่น้อย ยิ้มกล่าวว่า “ผมคิดมาตลอดว่าควรจะขอบคุณคุณยังไงดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังหาวิธีที่เหมาะสมไม่ได้ รู้สึกว่ามันกระทันเกินไป ไม่อย่างนั้น…ผมแนะนำผู้หญิงให้คุณสักคนดีไหม?”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็ตกใจจนเกือบทำแก้วน้ำในมือหล่น เหลือบมองทางคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความตกใจ จากนั้นรีบกล่าวปฏิเสธ “อะแฮ่ม ไม่ต้องหรอก ขอบคุณครับ ผมมีแฟนอยู่แล้วน่ะ”
และเจ้าตัวก็อยู่ที่นี่ด้วยแล้วไหมล่ะ!
หานเซี่ยนอวี่ได้ยินก็แอบคิดในใจ มีแฟนแล้ว? หรือว่าจะเป็นผู้หญิงที่รับสายของเขาคืนนั้น?
“แบบนี้นี่เอง…งั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณว่างวันไหน พวกเรานัดกันวันหลัง ข้าวมื้อนี้ต้องเลี้ยงให้ได้!” ท่าทีของหานเซี่ยนอวี่หนักแน่นจริงจังมาก
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกว่าถึงแม้สภาพของตัวเองในตอนนี้จะเป็นผู้ชาย แต่การตอบรับคำเชิญของผู้ชายอื่นต่อหน้าซือเยี่ยหานก็เป็นการรนหาที่ตายอย่างแน่นอน
เป็นอย่างที่คิด ตอนที่เธอมองไปทางซือเยี่ยหาน เห็นอย่างชัดเจนว่าตั้งแต่หานเซี่ยนอวี่บอกว่าจะแนะนำผู้หญิงให้ สีหน้าของเขาก็เริ่มแปลกไป…
แต่ว่า ท่าทีของหานเซี่ยนอวี่จริงจังขนาดนี้ จึงยากที่จะบอกปัดได้…
ในขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังลำบากใจอยู่นั้น เวลานี้เอง ซือเยี่ยหานเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น “คุณหานอยู่ทานข้าวด้วยกันไหมครับ”
ได้ยินคำพูดของซือเยี่ยหาน เยี่ยหวันหวั่นต้องประหลาดใจเพราะได้รับความเมตตาอย่างไม่คาดฝัน
คาดไม่ถึงว่าไอเดียแต่งตัวเป็นผู้ชายของเธอในตอนแรกจะเป็นความคิดที่ฉลาด ซือเยี่ยหานว่าง่ายขนาดนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจโล่งอก มองไปทางหานเซี่ยนอวี่แล้วเอ่ย “ไม่ต้องเจาะจงเลี้ยงเป็นพิเศษจริงๆ หรอกครับ เอาอย่างนี้เถอะ วันนี้มีเพื่อนมาหาผม พวกเราเตรียมจะทำหม้อไฟกินกันที่บ้าน หากว่าคุณไม่ถือก็อยู่ทานด้วยกันเลยไหม?”
หานเซี่ยนอวี่ไม่มีความเห็นอะไร “ไม่ถือสาแน่นอน ความจริงกินที่บ้านก็สะดวกดี เพียงแต่ควรเป็นผมที่เลี้ยงคุณไม่ใช่เหรอ?”
“โธ่เอ๊ย ผู้ชายด้วยกันทั้งนั้น จะจุกจิกอะไรมากมาย! อย่ามัวลังเลคิดมากเลยน่า เอาแบบนี้แหละ! ผมไปล้างผักก่อนละ!”
………………………………