บทที่ 1171 เรื่องที่สำคัญกว่า
เจียงเยียนหรานครุ่นคิด แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เธอน่าจะตัดสินใจติดตามหวันหวั่นตั้งแต่อยู่มอ 6 แล้ว
ฉะนั้นจึงตอบว่า “ตอนฉันอยู่มอปลาย…”
พอคำนวณตั้งแต่ตอนนั้น ก็ถือว่ามาก่อนลั่วเฉินอีก…
กงซวี่เหมือนโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ “เชี่ย! มอปลาย? ตอนนั้นเธอยังไม่บรรุนิติภาวะเลยไม่ใช่เหรอ!”
เอ่ยจบ ก็หันไปมองหน้าเยี่ยหวันหวั่นอย่างปวดร้าว เหมือนมองหน้าผู้ชายหลายใจ “พี่เยี่ย ทำไมพี่ถึงทำอย่างงี้!”
เยี่ยหวันหวั่นจนใจ “พอเลย หยุดเล่นได้แล้ว ถึงเยียนหรานจะอยู่กับฉันนานกว่า แต่มาทำงานสายนี้ทีหลัง เป็นรุ่นน้องนาย นายช่วยทำตัวเป็นรุ่นพี่หน่อยไม่ได้หรือไง”
กงซวี่รู้สึกราวกับหัวใจที่เดิมแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ตอนนี้ได้แหลกละเอียดเป็นผุยผงไปแล้ว
พี่เยี่ยมีคนโปรดคนใหม่แล้ว เขาจะตกกระป๋องแล้ว…
เฟ่ยหยางกระดกคิ้ว เขาหันไปมองกงซวี่ แล้วหันไปกระซิบกับหานเซี่ยนอวี่ “เซี่ยนอวี่ นายว่าทำไมกงซวี่ถึงทำหน้าอย่างนั้น น้องใหม่เป็นรุ่นน้องสาวสวยขนาดนี้ ต้องดีใจไม่ใช่เหรอ? ทำหน้าเหมือนเจอศัตรูหัวใจอย่างนั้นแหละ! คนอื่นเห็นคงคิดไปว่าเขากับเยี่ยไป๋คบกันอยู่!”
หานเซี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว “พี่หยาง อย่าพูดไปเรื่อย”
เฟ่ยหยางสัมผัสได้ถึงสายตาของหานเซี่ยนอวี่ก็อึ้ง แค่ล้อเล่นเฉยๆ ทำไมเซี่ยนอวี่ต้องจริงจังขนาดนี้ด้วย?
เฟ่ยหยางเห็นหานเซี่ยนอวี่ไม่พอใจ จึงรีบหัวเราะกลบเกลื่อน “ล้อเล่นน่า ล้อเล่นเฉยๆ!”
ทำไมเขารู้สึกว่าคนที่แปลกไม่ได้มีแค่กงซวี่นะ?
เฟ่ยหยางมองข้ามความคิดอันยุ่งเหยิง แล้วพูดว่า “ถ้างั้นเราไปปาร์ตี้ฉลองกันดีกว่า! คืนนี้ไม่เมาไม่เลิก! ฉันจองห้องไว้แล้ว!”
บนที่นั่งข้างคนขับ เยี่ยมู่ฝานเหลือบมองเฟ่ยหยาง “เมื่อกี้นายว่าไงนะ?”
เฟ่ยหยางงุนงง “ไปปาร์ตี้ฉลองกันเถอะ…มีอะไรงั้นเหรอ?”
เยี่ยมู่ฝานเอ่ย “ไม่ใช่ประโยคนี้”
“เอิ่ม ไม่ใช่ประโยคนี้? งั้น…ไม่เมาไม่เลิก?” เฟ่ยหยางชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจ “ยกเว้นผู้อำนวยการเยี่ย!!!”
หานเซี่ยนอวี่ยิ้ม “ผมบอกเด็กเสิร์ฟแล้วว่าให้เตรียมน้ำผลไม้ให้เขา”
เยี่ยหวันหวั่นได้แต่เงียบ พูดอะไรไม่ออก
น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?
ในที่สุดก็มีเวลาว่างแล้ว เยี่ยหวันหวั่นรีบส่งข้อความบอกข่าวดีให้ซือเยี่ยหานรู้ แล้วยังจงใจพูดเสริมไปว่า “วางใจ ถึงฉันจะดีใจแค่ไหนก็ไม่ดื่มเหล้าหรอกค่ะ!”
อีกอย่างถึงเธอจะอยากดื่มก็ไม่มีประโยชน์
เพราะทุกคนจับตาดูเธออย่างเข้มงวดมาก…
“เดี๋ยว…เดี๋ยวก่อนๆ!” จู่ๆ กงซวี่ก็ตะโกนเสียงดังก้องรถ “ผมได้รางวัลราชาจอเงินแล้ว! ผมได้รางวัลราชาจอเงินแล้วใช่ไหม?”
เฟ่ยหยางมองกงซวี่ที่พูดด้วยความตื่นเต้นอย่างเอือมๆ “ไอคิวอย่างนาย…ทำไมถึงได้รางวัลราชาจอเงินก็ไม่รู้”
“ไปไกลๆ เลย! ผมจะเอาไอคิวไปทำอะไร? มันกินได้เหรอ? พี่เยี่ยบอกว่าผมมีหน้าที่รักษาใบหน้างดงามดุจบุปผานี้ไว้ก็พอแล้ว!”
กงซวี่ไม่สนใจเฟ่ยหยาง หันไปมองเยี่ยนหวันหวั่นด้วยแววตาร้อนแรง “พี่เยี่ย ผมได้รางวัลราชาจอเงินแล้ว! ราชาจอเงิน!”
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “แล้วไง?”
กงซวี่ร้อนใจ “พี่เยี่ย พี่คงจะไม่กลับคำใช่ไหม? มี่เจี้ยนของผม! เสี่ยวมี่เจี้ยนของผมเล่า! เร็วๆ เลย รีบโทรหาเธอเลย!”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างไม่แยแส “จะรีบไปทำไม? เดี๋ยวคืนนี้นายก็ได้เจอเอง”
ได้เจอคืนนี้…
คืนนี้จะได้เจอเสี่ยวมี่เจี้ยนแล้ว!!!
กงซวี่รู้สึกเหมือนตัวเองฝันไป เขาลืมเรื่องรุ่นน้องสาวกับเรื่องโดนสวมหมวกเขียนไปจนหมด
จริงด้วย ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าอยู่อีกเรื่อง…
————————————————————————————-
บทที่ 1172 งั้นผมแต่งกับพี่
“งั้น…งั้นชุดผู้หญิงล่ะ? พี่เยี่ย พี่รับปากแล้วนะว่าถ้าผมได้รางวัลราชาจอเงิน พี่จะให้ผมเจอเสี่ยวมี่เจี้ยน แล้วก็จะแต่งหญิงให้ดู!”
เฟ่ยหยางเดาะลิ้น “ผู้อำนวยการเยี่ย คุณคงจะไม่ใส่จริงๆ หรอกใช่ไหม?”
เยี่ยไป๋แต่งหญิง?
ความจริง…ก็อยากเห็นอยู่เหมือนกันนะ…
หน้าหวานๆ ที่แทบจะแยกเพศไม่ออกของเยี่ยไป๋ สวยจนเหลือเชื่อมากจริงๆ ถ้าหากเขาเป็นผู้หญิง…จิ๊ๆ…จะต้องสวยมากแน่ๆ
แต่ว่า จะมีผู้ชายคนไหนยอมแต่งหญิงล่ะ?
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไร เยี่ยมู่ฝานที่นั่งข้างคนขับก็ตะโกนขึ้นมาด้วยสีหน้าบึ้งตึงทันที “ห้ามใส่”
กงซวี่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเยี่ยมู่ฝานอยู่แล้ว ได้ยินอย่างนั้นก็โมโห “ทำไมล่ะ! พี่เยี่ยรับปากผมแล้วนะ! พี่เป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาห้ามเขา!”
เยี่ยมู่ฝานโกรธแทบตาย “ฉันเป็น…” เป็นพี่ชายของยัยนั่น!
“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองทั้งสอง แล้วพูดว่า “ฉันรับปากเขาไว้แล้วจริงๆ”
กงซวี่พุ่งตัวเข้าไปหาเธอด้วยความดีใจ “โอ๊ย พี่เยี่ย ผมรักพี่ที่สุดเลย! แต่งงานกับผมเถอะ!”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ไม่ล่ะ ขอบคุณ”
กงซวี่เอ่ย “งั้นผมจะแต่งงานกับพี่!”
เยี่ยหวันหวั่นเอือมระอา สติสตางค์หายไปไหนหมดแล้ว?
เยี่ยมู่ฝานโมโหจนอยากจะอัดเจ้าเด็กบ้านั่น ทำท่าจะพูด แต่เสียงเรียกเข้ามือถือกลับดังขึ้นก่อน
เป็นมือถือของเฟ่ยหยาง
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไรบ้าง เฟ่ยหยางกระดกคิ้วเล็กน้อย สีหน้าดูกระหยิ่มยิ้มย่อง จากนั้นก็เอ่ยอย่างเกรงใจว่า “โอ้ ขอบคุณสำหรับคำเชิญนะครับท่านประธาน แต่จะมีเวลาไปไหมผมก็ยังไม่แน่ใจ เดี๋ยวผมจะลองขอเจ้านายดูนะครับ…”
หลังจากวางสายไป เยี่ยมู่ฝานก็ขมวดคิ้วมองเฟ่ยหยาง “ใครโทรมา?”
เฟ่ยหยางแค่นยิ้ม “เหล่าเฉิน!”
เยี่ยมู่ฝานเอ่ย “เฉินเยี่ยเฟิง ประธานสมาคมภาพยนตร์?”
เฟ่ยหยางพยักหน้า “ใช่ครับ คุณไม่ได้รับสายเขาเหรอ?”
เยี่ยมู่ฝานมองบนใส่เขา “เพราะมือถือฉันสายไหม้ไปแล้วน่ะสิ”
ตั้งแต่ที่พิธีมอบรางวัลจบ สายมือถือของเขาก็ไม่เคยว่างเลย
เฟ่ยหยางกระแอมเบาๆ “อะแฮ่ม โอเคครับ!”
“เฉินเยี่ยนเฟิงโทรมาทำไม?” เยี่ยมู่ฝานถาม
เฟ่ยหยางบอกว่า “หึหึ เหล่าเฉินโทรมาชวนเราไปร่วมงานเลี้ยงช่วงค่ำของงานจินหลานด้วยตัวเองเลยล่ะ!”
เยี่ยมู่ฝานแค่นยิ้ม “งานเลี้ยงช่วงค่ำมีการโทรมาชวนกะทันหันอย่างนี้ด้วยเหรอ?”
เฟ่ยหยางยักไหล่ “ชัดเจนจะตายไป ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ใช่เพราะหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ หรือโกลบอลเอ็นเตอร์เทนเมนต์ หรือไม่ก็ทั้งสองบริษัทนั่นไปพูดอะไร บริษัทของพวกเราก็เลยไม่ถูกเชิญไปร่วมงานเลี้ยงช่วงค่ำน่ะสิ มาตอนนี้ คุณก็น่าจะเข้าใจ…”
เยี่ยมู่ฝานเข้าใจอยู่แล้ว
หลายปีมานี้เขาได้บทเรียนเกี่ยวกับน้ำใจของคนมามากมาย
งานเลี้ยงที่แขกทุกคนได้รับเชิญ กลับมีแต่บริษัทของพวกเขาที่เป็นข้อยกเว้น ก่อนหน้านี้เขายังไปถามโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วโดนพนักงานตัวเล็กๆ คนหนึ่งเยาะเย้ยให้อีก
แต่ตอนนี้ บริษัทของพวกเขากวาดทั้งรางวัลราชาจอเงินและราชินีจอเงิน ฝ่ายผู้จัดจะกล้ามองข้ามพวกเขาอีกได้ยังไง ฉะนั้นถึงได้รีบติดต่อพวกเขามาอย่างนี้
ไม่อย่างนั้น ถ้าหากแม้แต่ราชอจอเงินกับราชินีจอเงินก็ยังไม่ไปร่วมงานเลี้ยง แล้วจะเรียกว่างานเลี้ยงรางวัลจินหลานได้ยังไงกัน?
เฟ่ยยางหันไปมองเยี่ยมู่ฝาน แล้วถามว่า “เจ้านาย แล้วตกลงว่าตอนนี้เราจะไปกันไหม?”
เยี่ยมู่ฝานทำหน้าครุ่นคิด แล้วหันไปถามเยี่ยหวันหวั่น “พวกเราไปดีไหม?”
เฟ่ยหยางกระดกคิ้ว เขารู้สึกไปเองเหรอ? เยี่ยมู่ฝานเป็นเจ้านายที่ตำแหน่งสูงที่สุดแท้ๆ แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องสำคัญกลับถามเยี่ยไป๋เสมอ หรือพูดให้ถูกก็คือ ‘ขออนุญาต’ เยี่ยไป๋ แถมท่าทางยังดูยำแกรงมากอีกด้วย
……………………………