บทที่ 1181 ช่างมีการศึกษาจริงๆ
เยี่ยมู่ฝานบ่นอุบอิบ “เรื่องอย่างนี้…หลอกส่งๆ ก็ได้ไม่ใช่เหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าจริงจัง “ในการสอนเด็กเล็ก มีข้อใส่ใจที่สำคัญมากหนึ่งข้อ ก็คือจะต้องทำเรื่องที่รับปากเด็กไว้ให้สำเร็จ”
เยี่ยมู่ฝานมุมปากกระตุก “การสอนเด็กเล็ก…ฉันว่าแกเป็นแม่ปลอมจนเข้าถึงบทบาทเกินไปแล้ว…”
แต่ว่าด้วยสติปัญญาของกงซวี่ ใช้การสอนเด็กเล็กกับเขาก็ดันเหมาะเหม็ง
เยี่ยมู่ฝานแขวะเสร็จก็เอ่ยด้วยสีหน้ากังวล “หวันหวั่น แกทำแบบนี้เพราะข่าวลือพวกนั้นบนอินเทอร์เน็ตหรือเปล่า”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก “ข่าวลือพวกนั้นไม่มีมูล ไม่ได้สร้างผลกระทบใหญ่โตอะไร ฉันประชาสัมพันธ์หน่อยก็คลี่คลายได้ แค่ยุ่งยากเล็กน้อย ต่อให้ไม่มีข่าวลือพวกนั้นบนอินเทอร์เน็ต ฉันก็เตรียมหาโอกาสกลับคืนตัวตนแล้ว ไม่สู้ถือโอกาสนี้เลยดีกว่า”
ยังไงเสียสำหรับซือเยี่ยหาน เธอแต่งเป็นผู้ชายก็ไม่มีความแตกต่างแล้ว สำหรับฝั่งตระกูลเยี่ยก็เป็นเวลาแบไพ่
วันนี้ทุกคนต่างอยู่ที่นี่พอดี ก็ถือว่าแก้ไขในคราเดียว ช่วยประหยัดปัญหา
เยี่ยมู่ฝานได้ยินก็คิดว่าเข้าท่าจึงไม่พูดอะไรแล้ว แค่บ่นอย่างไม่พอใจเท่านั้น “ลาภปากกงซวี่เจ้าเด็กนั่นแล้ว…”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “กุญแจรถของแม่บ้านอยู่ไหน ชุดกับกล่องเครื่องสำอางฉันอยู่ที่หลังรถ”
เยี่ยมู่ฝานเอ่ย “อยู่ที่ตงไจ่ ฉันไปเป็นเพื่อนแก”
…
ในโถงงานเลี้ยง
กงซวี่คว้าลั่วเฉินเข้ามา “เจ้าโง่! มานี่เร็วๆ! มาดูฉันหน่อย!”
ลั่วเฉินขมวดคิ้ว “ทำไม”
กงซวี่เอ่ย “ดูฉันดีๆ นะ! ดูให้ชัด! รู้สึกยังไงบ้าง”
ลั่วเฉินลังเลเล็กน้อยก่อนตอบ “นาย…นอกใจอีกแล้ว? ”
กงซวี่หน้าดำทันใด “เพ้ย! ฉันถามนายว่าฉันเป็นยังไงบ้าง เสื้อผ้าเรียบร้อยไหม ทรงผมยุ่งหรือเปล่า ผิวดีหรือปล่า ที่คางมีสิวหรือเปล่าต่างหาก!”
ลั่วเฉินนิ่งเงียบ
ถังซิงหั่วหัวเราะพรืด “นี่กงซวี่ นายเป็นบ้าอะไรอีกแล้วเนี่ย”
กงซวี่มีสีหน้าท่าทางเหมือนสาวน้อยตกอยู่ในห้วงรัก เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “เดี๋ยวฉันจะ…จะได้เจอเทพธิดาแล้ว!”
ถังซิงหั่วเลิกคิ้ว “เทพธิดาของนาย? เทพธิดานายคือใครนะ”
กงซวี่กลอกตาใส่เขา “เทพธิดาฉันคือใครนายไม่รู้เหรอ”
ถังซิงหั่วเอ่ย “เอ่อ หรือว่าเป็นคนคนนั้นที่นายตามหามาตลอดเสี่ยว…เสี่ยว…”
กงซวี่ตอบ “ถูกต้อง ก็คือเสี่ยวมี่เจี้ยนของฉันเอง พี่เยี่ยรับปากฉันว่าถ้าฉันได้รางวัลราชาจอเงินจะให้ฉันเจอเสี่ยวมี่เจี้ยน! เมื่อกี้ยังบอกฉันด้วยว่าเสี่ยวมี่เจี้ยนจะมาแล้ว!”
กงซวี่พูดจบก็มองไปที่ทางเข้าอย่างรอคอย
ถังซิงหั่วได้ยินก็ตาวาว เอ่ยปากถามอย่างสนใจ “ที่แท้ก็เป็นเสี่ยวมี่เจี้ยนคนนั้นที่ทำนายหลงจนพร่ำเพ้อทุกวัน แถมยังทำนายไม่เกเรตลอดทั้งปี ตกลงว่าเธอสวยขนาดไหนกันแน่”
กงซวี่ทำสีหน้าดูถูก “สวย? ตื้นเขินชะมัด! นายมีการศึกษาหรือเปล่า เสี่ยวมี่เจี้ยนของฉันแค่คำว่าสวยคำเดียวก็บรรยายได้เหรอ”
ถังซิงหั่วขอคำชี้แนะอย่างใจกว้าง “งั้นต้องบรรยายว่ายังไง”
กงซวี่ครุ่นคิดอย่างจริงจังครู่หนึ่ง “อืม…สวย…มากๆๆๆ!”
ถังซิงหั่วมุมปากกระตุก “นายต่างหากที่ตื้นเขิน ไม่มีการศึกษาของจริง…”
…
นอกรถแม่บ้าน เยี่ยมู่ฝานสูบบุหรี่ไปพลางรออย่างมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ไปพลาง
เยี่ยหวันหวั่นเปลี่ยนชุดด้วยความเร็วสูง ไม่ถึงสิบนาทีก็แต่งตัวเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เสียงเปิดประตูรถดัง ‘กึก’ มาจากด้านหลัง
เยี่ยมู่ฝานรีบขยี้บุหรี่ในมือก่อนโยนลงพื้นใช้เท้าดับไฟ จากนั้นก็หันตัวไป
——————————————————————————————
บทที่ 1182 รสนิยมความงามแสบตา
“แกเปลี่ยน…”
เยี่ยมู่ฝานพูดถึงครึ่งเดียว เขาจ้องไปทางน้องสาวของตัวเอง แล้วก็พลันเงียบเสียง
ปกติเขาเห็นน้องสาวแต่งหญิงน้อยมาก นอกจากบางครั้งคราวตอนที่ไปบ้านเก่าพบคุณปู่คุณย่า
แต่เวลานี้หญิงสาวตรงหน้าสวมชุดกระโปรงสั้นออกงานสีดำสั่งตัดเข้ารูป ลำคอที่ขาวเรียวราวกับหงส์นั้นสวมสร้อยคอโชคเกอร์ลูกไม้หนึ่งเส้น เส้นผมลอนดุจสาหร่ายสยายอ้อยอิ่งอยู่บนบ่า หลังตัดสไตล์การแต่งหน้าที่จงใจแต่งใบหน้าให้สง่าดุดัน ดวงหน้าเล็กที่ไม่ได้เสริมเติมแต่งนั้นบริสุทธ์ไร้รอยตำหนิ ผิวขาวราวหิมะ คิ้วดำดุจปีกกา ริมฝีปากแดงดุจดอกท้อเดือนสาม ดวงตากระจ่างใสเสมือนสะท้อนดวงดาวมากมาย…
ในสมองเยี่ยมู่ฝานพลันผุดหนึ่งประโยค ‘หนึ่งในใต้หล้า มอมเมาสรรพชีวิต…’
หญิงสาวตรงหน้ากระทั่งว่าน่าตื่นตะลึงกว่าตอนที่เห็นในงานเลี้ยงของคุณปู่เมื่อวันนั้น
ตอนงานเลี้ยงของคุณปู่ครั้งนั้น เห็นเธอพลันเปลี่ยนแปลงไปเขาก็ตกตะลึงมากแล้ว แต่หลังจากนั้นในระยะเวลาสั้นๆ หนึ่งปี การเปลี่ยนแปลงของหญิงสาวยังน่าทึ่งกว่าเมื่อครั้งนั้นเสียอีก
ไม่เพียงหน้าตาแต่ยังรวมถึงบุคลิกท่าทางทั่วทั้งตัว
ราวกับว่าถ้าสลัดรังไหมชั้นหนาออกไป ก็จะเผยปีกที่ระยับจับตาออกมา เหมือนผีเสื้อที่ออกจากรังไหม…
“พี่ แต่งแบบนี้พอได้ไหม” เยี่ยหวันหวั่นปรับโชคเกอร์ลูกไม้เล็กน้อยแล้วเอ่ยปาก “ตอนแรกชั้นตั้งใจสวมชุดกระโปรงสีชมพู แต่ต่อสู้อยู่ครึ่งค่อนวัน ก็ทำใจสวมสีชมพูขนาดนั้นไม่ลงจริงๆ เลยช่างมันดีกว่า…”
เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนตัวเองชอบสีหวานแหววพวกนั้น แต่ช่วงนี้คงเพราะการเติบโตของอายุ บวกกับทำงานแล้ว ยิ่งผ่านไปเธอจึงยิ่งรับสีผู้หญิงจ๋าพวกนั้นไม่ไหว ตรงกันข้ามกลับยิ่งรักสีดำ
เยี่ยมู่ฝานส่ายหน้า “ไม่ได้! เปิดเนื้อมากเกินไป!”
เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุก “ก็แค่เปิดไหล่เอง”
“นั่นก็ไม่ได้! รีบเข้าไป! เปลี่ยนชุดใหม่ซะ! หลังรถยังมีชุดสำรองอีกตัวพอดี ฉันไปเอาให้แก!” เยี่ยมู่ฝานรีบร้อนไปหยิบถุงที่หลังรถออกมา
“สวมชุดนี้! ชุดนี้ดูดี!” เยี่ยมู่ฝานเอ่ยอย่างมั่นใจ
เยี่ยหวันหวั่นกึ่งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เนื่องจากเชื่อในความเชี่ยวชาญของเยี่ยมู่ฝานจึงยังรับชุดมา
จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็หยิบชุดกระโปรงสีสันสดใสออกมาจากข้างใน…
ชุดกระโปรงนั้นเหมือนจานสีไม่ปาน ข้างบนมีดอกไม้หลากสีอย่างน้อยหลายร้อยดอก มิหนำซ้ำแขนเสื้อยังยาวถึงคอ กระโปรงยาวถึงข้อเท้า…
แสบตา…สุดๆ
ชุดกระโปรงดอกพร้อยตัวนี้ ยังน่ากลัวกว่ากระโปรงผีเสื้อร้อยตัวนั้นของกงซวี่เสียอีก!
เยี่ยหวันหวั่นยัดชุดกระโปรงใส่มือเยี่ยมู่ฝานอย่างรังเกียจจับใจ “ฉันว่านะท่านเทพเฟลิกซ์ พี่จะทำแบบนี้กับน้องสาวแท้ๆ จริงเหรอ”
เยี่ยมู่ฝานเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ “ไม่ใช่…หวันหวั่น แกดูดีๆ อีกที! ชุดกระโปรงนี้ดูดีมากจริงๆ นะ…นี่เป็นแฟชั่น…หนึ่งเดียวไม่มีสองแกไม่เข้าใจ…”
เยี่ยหวันหวั่นโบกมือ “พี่เก็บเอาไว้ค่อยๆ ชื่นชมเองเถอะ!”
ในโถงงานเลี้ยง
ถังซิงหั่วดันหน้ากงซวี่ออกอย่างเจ็บปวดยอมตายเสียดีกว่า “เลิกพล่ามได้แล้ว นายถามแปดร้อยรอบแล้วนะ! ตอนนี้นายหล่อมาก หล่อมากๆๆๆ แล้วโอเคไหม สุดจริงๆ ตกลงเป็นเทพเซียนแบบไหนกันนะถึงทำกงซวี่พวกเราจงหลงหัวปักหัวปำแบบนี้”
ถังซิงหั่วกำลังพูดคุยกับกงซวี่ที่เอาแต่นั่งยืนไม่ติดจิตใจยากสงบ หางตาก็เหลือบเห็นที่ทางเข้า เยี่ยมู่ฝานกำลังพูดอะไรบางอย่างกับเสี่ยวเฉิงพนักงานต้อนรับ จากนั้นเสี่ยวเฉิงก็พนักหน้าด้วยรอยยิ้มแย้ม
จากนั้นเขาก็เห็นเยี่ยมู่ฝานย้อนกลับไปข้างนอกทันที ไม่กี่วินาทีต่อมาก็พาหญิงสาวคนหนึ่งก้าวเข้ามาช้าๆ…
………………………….