บทที่ 1205 แม่นยำจริงๆ
กู้เยว่เจ๋อท่าทางไม่สะทกสะท้าน เหมือนกับเรื่องต่างๆ ที่เขาเคยทำกับเธอในอดีตไม่เคยเกิดขึ้น
แต่จุดประสงค์และความต้องการในดวงตาของเขา ไม่มีทางที่เยี่ยหวันหวั่นจะดูไม่ออก
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองผู้ชายสายตาเจ้าเล่ห์ที่แสร้งทำตัวอ่อนโยน พึมพำว่า “กู้เยว่เจ๋อ ฉันเคยชอบนายจริงๆ เหรอเนี่ย?”
กู้เยว่เจ๋อขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง?”
เยี่ยหวันหวั่นยักไหล่ “เปล่าหรอก ก็แค่รู้สึกว่าตอนนั้นฉันคงตาบอด สมองก็น่าจะเลอะเลือนไปชั่วขณะ”
คงเพราะช็อกจากเหตุการณ์ก่อการร้ายจนสมองกระทบกระเทือน ไม่อย่างนั้นเธอจะมาชอบคนอย่างกู้เยว่เจ๋อได้ยังไง?
กู้เยว่เจ๋อหรี่ตาลง กระตุกยิ้มเย็นตรงมุมปาก “เยี่ยหวันหวั่น เธอคงไม่ได้กำลังฝันกลางวัน คิดอยากจะปีนขึ้นเตียงซือเยี่ยหานหรอกนะ?”
เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว ปีนขึ้นเตียงซือเยี่ยหาน?
เธอเปล่าสักหน่อยนี่?
ซือเยี่ยหานต่างหากที่เป็นฝ่ายมานอนกับเธอเอง…
เยี่ยหวันหวั่นทำท่าจะพูด แต่มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากข้างหลัง เยี่ยมู่ฝานรีบเดินมาหาด้วยความร้อนรน แล้วดึงเยี่ยหวันหวั่นไปหลบข้างหลัง “กู้เยว่เจ๋อ คิดจะทำอะไรฮะ?”
เยี่ยหวันหวั่นไม่อยากอยู่ต่อแล้ว หันไปพูดกับเยี่ยมู่ฝานอย่างไร้อารมณ์ “พี่ ไปกันเถอะ”
เยี่ยมู่ฝานที่ตั้งท่าจะด่ากู้เยว่เจ๋อทำได้เพียงเดินตามเยี่ยหวันหวั่นออกไป
บนรถ เยี่ยมู่ฝานรีบถามด้วยความเป็นห่วง “ไอ้เลวกู้เยว่เจ๋อมันมาหาเธอทำไม?”
เยี่ยหวันหวั่นเอียงหัว ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “คงอยากรื้อฟื้นความหลังละมั้ง”
เยี่ยมู่ฝานสบถทันที “ชิบหาย! รื้อฟื้นหาอะไร! มันก็แค่เคยโดนแกตามตูดต้อยๆ จนชินแต่ตอนนี้เห็นแกไม่สนใจมันแล้ว แถมจู่ๆ ยังสวยขึ้นขนาดนี้อีก เลยอยากจะอ่อยแกน่ะสิ! ไอ้สารเลวนั่น! หวันหวั่น แกจะถูกมันหลอกไม่ได้เด็ดขาดนะ! ฉันรู้จักคนอย่างมันดี!”
เยี่ยหวันหวั่นเกิดอาการมุมปากกระตุก
สมกับที่เคยเป็นเพลย์บอยมากรัก ความรู้ความเข้าใจที่มีต่อผู้ชายเลวๆ นี่แม่นยำจริงๆ…
หลังกลับจากบริษัท ตอนเย็นเยี่ยหวันหวั่นกินข้าวกับครอบครัวที่บ้าน
เพิ่งจะนั่งลง เยี่ยเส่าถิงกับเหลียงหวั่นจวินก็ตำหนิเยี่ยมู่ฝานทันที
เยี่ยเส่าถิงเอ่ย “มู่ฝาน แกนี่มันยังไง เรื่องสำคัญขนาดนี้ปิดบังพ่อกับแม่ได้ยังไง น้องสาวแกเป็นผู้หญิง ไปเผยตัวในวงการบันเทิงแบบนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นแกจะทำยังไง?”
เยี่ยมู่ฝานเถียง “ก็เลยให้ปลอมตัวเป็นผู้ชายไงครับ จะได้ปลอดภัย…”
เยี่ยมู่ฝานยังพูดไม่ทันจบก็โดนเหลียงหวั่นจวินตัดบท “แต่งเป็นชายก็ไม่ปลอดภัยเหมือนกัน!”
เยี่ยมู่ฝานพูดไม่ออก
เยี่ยหวันหวั่นรีบกล่าวว่า “พ่อคะ แม่คะ อย่าว่าพี่เขาเลยค่ะ หนูเป็นคนขอให้พี่ปิดบังพ่อกับแม่เอง เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่จะเป็นห่วง ดูสิคะ ตอนนี้หนูก็ปลอดภัยดีไม่ใช่เหรอ พี่ปกป้องหนูอย่างดีเลยล่ะค่ะ!”
เยี่ยเส่าถิงยอมอ่อนลงในที่สุด เขาเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “หวันหวั่น บ้านหลังนี้ เป็นเงื่อนไขที่ลูกตกลงกับฉู่หงกวงใช่ไหม?”
เยี่ยหวันหวั่นเคยบอกว่าบ้านหลังนี้เพื่อนของเธอที่ชื่อเยี่ยไป๋เป็นคนไถ่ถอนกลับมาให้ เพิ่งมารู้ตอนนี้ว่าเด็กคนนี้ต้องต่อสู้อย่างยากลำบากอยู่ข้างนอกมาโดยตลอด
พอนึกถึงเรื่องนี้ สองสามีภรรยาต่างก็ปวดใจ
“หวันหวั่น พ่อไม่ได้เรื่องเอง ทำให้ลูกต้องลำบากอย่างนี้!” ใบหน้าของเยี่ยเส่าถิงเต็มไปด้วยความเสียใจ
เยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างไม่พอใจ “พ่อคะ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ มีหลายเรื่องที่หนูกับพี่ไม่เข้าใจ ก็เพราะได้พ่อคอยแนะนำอยู่ข้างๆ ตลอดถึงได้ราบรื่นอย่างนี้! ถ้าไม่มีพ่อ พวกเราก็ทำไม่สำเร็จหรอกค่ะ! พ่อเป็นแสงสว่างนำทางของหนูกับพี่นะคะ!”
————————————————————————————-
บทที่ 1206 ไม่เลือกเดินทางปกติ
เยี่ยเส่าถิงแย้มยิ้มทันควัน “ยัยเด็กคนนี้นี่…”
เยี่ยมู่ฝานที่ก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากเงียบๆ นับว่าโล่งอกได้แล้ว น้องสาวเขาเยี่ยมยอดที่สุด แค่พูดเอาใจไม่กี่คำก็เอาอยู่ ถ้าเป็นเขาต่อให้พูดอยู่สามวันสามคืนก็ไม่มีประโยชน์
หลังมื้อเย็น สองสามีภรรยารบเร้าขอร้อง เยี่ยหวันหวั่นจึงบอกให้ซือเยี่ยหานดูแลถังถัง จากนั้นก็ค้างคืนที่บ้านหนึ่งคืน
ที่ระเบียง
เยี่ยหวันหวั่นนั่งเก้าอี้หวายข้างโต๊ะตัวกลม อ่านเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ “อย่าประมาทเชียว หลังจากนี้ เยี่ยเส่าอันกับเยี่ยอีอีจะต้องทำอะไรสักอย่างแน่นอน”
เยี่ยมู่ฝานพยักหน้า “อืม ฉันรู้แล้ว ฉันจะไม่วางใจเด็ดขาด”
เยี่ยหวันหวั่นมองท่าทางที่เหมือนกำลังเผชิญหน้าศัตรูตัวฉกาจของเยี่ยมู่ฝาน หลุดขำเบาๆ “แต่ก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป ตอนนี้พวกเรามีจูเสินสือไต้อยู่ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ไม่มีอะไรเลย…”
เยี่ยมู่ฝานมองน้องสาวตนเองอย่างอึ้งๆ ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดขำๆ ของหวันหวั่นในตอนนั้นกลับกลายเป็นเรื่องจริงทั้งหมด
เพราะอยู่กับหวันหวั่นมาตลอด เขาจึงไม่รู้สึก แต่พอนึกทบทวนดูแล้ว พักนี้น้องสาวของเขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ เรียกว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนก็คงไม่เกินไป…
แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร เธอก็ยังเป็นน้องสาวที่เขารักที่สุดอยู่ดี
……
เยี่ยหวันหวั่นค้างที่บ้านพ่อแม่หนึ่งคืน และกลับในเช้าวันถัดมา
ตอนนี้เหยาเจียเหวินเริ่มคุ้นเคยกับงานมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว หลายเรื่องสามารถวางใจให้เธอเป็นคนจัดการได้เอง เยี่ยหวันหวั่นเลยมีเวลาว่างมากขึ้นไม่น้อย วันนี้ไม่มีตารางงานที่สำคัญ หลังจากประชุมเสร็จ เธอจึงตรงกลับไปที่คฤหาสน์กุหลาบทันที
ก่อนกลับ เยี่ยหวันหวั่นตั้งใจแวะร้านเค้กเพื่อซื้อเค้กก้อนเล็กกับขนมอีกเล็กน้อยมา
ตอนเดินผ่านร้านขายของเด็กเห็นรองเท้าคู่หนึ่งน่ารักมาก จึงตัดสินใจซื้อกลับไปด้วยเลย
มีรองเท้าแล้วจะขาดเสื้อผ้าที่เข้าคู่กันได้ยังไง? เยี่ยหวันหวั่นเลยซื้อเสื้อผ้าให้ถังถังอีกหนึ่งชุด
มีเสื้อผ้าแล้วจะไม่มีหมวกได้ยังไงล่ะ? พอเห็นหมวกใบหนึ่งไม่เลว เยี่ยหวันหวั่นก็ซื้อหมวกใบนั้นอย่างไม่ลังเล…
สุดท้าย เพราะรองเท้าที่สะดุดตาเพียงคู่เดียว ทำให้เยี่ยหวันหวั่นได้เสื้อผ้าและข้าวของของถังถังมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด
เยี่ยหวันหวั่นวางของในรถ ก่อนจะโทรหาถังถัง
“ฮัลโหล ถังถัง!”
“แม่ครับ!”
“ลูกรัก อีกเดี๋ยวแม่จะกลับบ้านแล้วนะ! ลูกทำอะไรอยู่ ตื่นรึยัง?”
“ตื่นแล้วครับ พ่อพาถังถังมาตกปลาครับ”
“หา…”
เธอขอให้ซือเยี่ยหานช่วยดูลูกให้หน่อย ปรากฏว่าเขากลับพาลูกไปตกปลา พาลูกไปเล่นอะไรสนุกๆ หน่อยไม่ได้หรือไง?
“เด็กดี รอแม่กลับไปหานะ แม่จะพาออกไปเล่น! แม่ซื้อของกินอร่อยๆ กับเสื้อผ้ามาให้ลูกด้วย!”
“ได้ครับ ถังถังจะรอแม่นะครับ~~~”
……
ไม่นาน เยี่ยหวันหวั่นก็ขับรถมาถึงคฤหาสน์กุหลาบ
เยี่ยหวันหวั่นถือของห่อเล็กห่อใหญ่พร้อมกับฮัมเพลงผลักประตูสวนเข้ามา ขณะเดินผ่านต้นไม่ใหญ่ในสวน จู่ๆ ก็มีหัวคนห้อยลงมาจากข้างบน
ตาเถร!!!
เยี่ยหวันหวั่นตกใจ ตอบสนองโดยสัญชาตญาณ เหวี่ยงเท้าออกไปโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด
วินาทีต่อมา เสียง ‘พลั่ก’ ดังขึ้น แขนข้างหนึ่งปัดการโจมตีของเธอทิ้ง
เนี่ยอู๋หมิงกระโดดลงมาจากต้นไม้ในสภาพหัวยุ่งเหมือนรังนก ปากคาบหญ้าเส้นหนึ่งไว้ นวดแขนด้วยสีหน้าน้อยอกน้อยใจ “น้องโหย่วหมิง คนทั่วไปควรกรีดร้องตกใจไม่ใช่เหรอ นี่เธอไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เตะคนเลย?”
เยี่ยหวันหวั่นตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง พอเห็นว่าเป็นเนี่ยอู๋หมิง ก็ตวาดด้วยความโมโห “คนทั่วไปเขาเดินกันดีๆ ไงล่ะ! ทำไมคุณไม่เดินดีๆ อย่างคนทั่วไปเขา! อยู่ดีไม่ว่าดีขึ้นไปทำอะไรบนต้นไม้?”
………………………..