บทที่ 1227 หาช่องโหว่
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วแน่น พยายามนึกถึงความทรงจำทั้งหมดที่มีในวันเด็กของตัวเอง
แต่ทว่าความจำที่อยู่ในส่วนลึกของสมองเยี่ยหวันหวั่น เรื่องราวทุกอย่างกลับดูเลือนรางมาก ราวกับถูกคนลงล็อคเอาไว้ นอกจากเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ อย่างเช่นตอนเด็กเธอกับเยี่ยมู่ฝานเล่นกัน แล้วโดนเยี่ยมู่ฝานผลักตกบ่อหินจนเกือบจมน้ำตาย หรือตอนที่เกือบโดนลักพาตัวตอนเด็กเป็นต้น…
แต่เรื่องเล็กๆ ทั่วไปเยี่ยหวันหวั่นกลับคิดยังไงก็คิดไม่ออก
ตอนอนุบาล ประถม แล้วก็มัธยมต้น คนที่เยี่ยหวันหวั่นจำได้กลับมีไม่เกินยี่สิบคน และคนที่เธอจำได้ดีที่สุดก็คือเรื่องคุณครู…
ผ่านไปครู่ เยี่ยหวันหวั่นกดโทรฯ ออกหาเยี่ยมู่ฝาน
“เบอร์โทรที่เธอให้หาเมื่อกี้ยังหาอะไรไม่เจอ ถ้ามีอะไรคืบหน้าฉันจะรีบบอกแกนะ” เสียงของเยี่ยมู่ฝานดังมา
“พี่ ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่ร้านกาแฟแถวบริษัทนะ” พูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็วางสายแล้วเดินออกจากห้องหนังสือทันที
……
เยี่ยหวันหวั่นขับรถออกจากบ้านตระกูลซือ มุ่งหน้าไปยังร้านกาแฟแถวบริษัท
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เยี่ยมู่ฝานจึงเพิ่งกระวีกระวาดมาถึงที่นัดหมาย หลังจากกวาดตามองหาอยู่ครู่หนึ่ง ก็สาวเท้ามาหาเยี่ยหวันหวั่น
“มีเรื่องอะไร?” เยี่ยมู่ฝานนั่งลงตรงข้ามเยี่ยหวันหวั่น ท่าทางเหมือนคนบ้างาน “บริษัทยังมีเรื่องต้องสะสางอีกนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นมองเยี่ยมู่ฝาน แล้วหัวเราะเบาๆ “พวกเราไม่ได้นั่งคุยกันดีๆ มานานมากแล้ว”
“หา?” เยี่ยมู่ฝานอึ้งงัน เยี่ยหวันหวั่นรีบร้อนมาหาเขาเพียงเพื่อ…คุยกันเนี่ยนะ?!
“อ้อ ใช่สิ เบอร์โทรที่แกให้ฉันหาเมื่อกี้มันยังไงกันแน่?” เยี่ยมู่ฝานสงสัย
“เปล่าเหรอ ไม่เจอก็ช่างเถอะ” เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า
เยี่ยมู่ฝานเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เบอร์โทรฯ ที่เยี่ยหวันหวั่นให้เขามาแปลกจริงๆ นั่นแหละ เขาค้นหาอยู่นานก็ไม่ได้อะไร
“พี่ ยังจำได้ไหม…” เยี่ยหวันหวั่นมองหน้าเยี่ยมู่ฝาน แล้วเอ่ยเสียงเบา
“จำอะไรได้…” เยี่ยมู่ฝานฉงน
“ตอนเด็กๆ…พวกเราอยู่ชนบท พี่ผลักฉันตกบ่อน้ำ ฉันเกือบจมน้ำตาย…” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มแล้วเอ่ย
ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดถึงเรื่องนี้ เยี่ยมู่ฝานหน้าเปลี่ยนสีทันที เขารีบส่ายหน้ารัวๆ “จำไม่ได้ๆ…จำไม่ได้สักนิดเลย…”
น้องสาวเขาคนนี้ ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว คงไม่ใช่ว่าจะมาคิดบัญชีกับเขาหรอกนะ…ไม่น่าล่ะรอยยิ้มของเธอถึงได้ดูฝืนแปลกๆ หรือว่า…มันคือรอยยิ้มซ่อนดาบที่เขาว่ากัน
“ฉันถามจริงๆ” เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันก็พูดจริง…เอ่อ…มันก็ตั้งหลายปีมาแล้ว เรื่องในสมัยเด็กทั้งนั้น ฉันจะไปจำได้ยังไง ฉันลืมเรื่องตอนเด็กๆ ไปหมดแล้ว…จำไม่ได้…” เยี่ยมู่ฝานส่ายหน้ารัวๆ
“พี่ ฉันไม่ได้โกรธ แค่คิดถึงสมัยเรายังเด็กเท่านั้นเอง” เยี่ยหวันหวั่นมองเยี่ยมู่ฝานด้วยรอยยิ้ม
คิดถึงสมัยเด็ก? คิดถึงกับผีน่ะสิ ถ้าหากเขาช่วยเยี่ยหวันหวั่นรำลึกวัยเด็ก เขาคงต้องทบทวนความหมายของชีวิตใหม่แล้วล่ะ…
“ตกลงว่าพี่จำได้ไหม” เยี่ยหวันหวั่นเริ่มหงุดหงิด
“จำไม่ได้ จำไม่ได้จริงๆ โทษที ฉันขอตัวก่อนล่ะ!” พูดจบ เยี่ยมู่ฝานก็ลุกขึ้นทำท่าจะไป
แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขากลับโดนเยี่ยหวันหวั่นดึงแขนและกระชากกลับมาด้วยพละกำลังที่ไม่อาจขัดขืนได้
“ก็ได้ พี่จำไม่ได้ใช่ไหม งั้นพวกเราสองคนไปหาที่ดื่มเหล้าแล้วรื้อฟื้นกันหน่อยดีกว่า” เยี่ยหวันหวั่นหรี่ตา แล้วพูดเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ แถมยังจงใจเน้นย้ำคำว่าดื่มเหล้าเพื่อข่มขู่เขาอีก
“ว่าไงนะ…ดื่มเหล่า?!” เยี่ยมู่ฝานอึ้งงันไปทันที เหงื่อเย็นผุดเต็มหน้าผาก
เวลาเยี่ยหวันหวั่นเมาแล้วเป็นยังไง เยี่ยมู่ฝานเคยเห็นมากับตา เธอไม่ไว้หน้าใครเลยจริงๆ…
“อ้อ…จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นมาได้ ก็ครั้งนั้นที่แกตกลงไปในบ่อน้ำใช่ไหมล่ะ…ฉันเป็นคนช่วยแกขึ้นมาเอง…” เยี่ยมู่ฝานหัวเราะแห้ง แล้วพูดรัวลิ้น
————————————————————————————-
บทที่ 1228 ไม่มีแล้วจริงเหรอ?
พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นทำหน้านิ่ง เยี่ยมู่ฝานจึงค่อยลอบถอนหายใจ ถ้าหากเขาบอกความจริง ไม่ต้องรอให้เยี่ยหวันหวั่นดื่มเหล้าเขาคงถูกทุบตายทันทีแน่ …
แต่ก็ดีเหมือนกัน เรื่องผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้ หวันหวั่นคงจำไม่ค่อยได้ว่าเกิดอะไรขึ้น รายละเอียดต่างๆ เขาจะกุขึ้นมายังไงก็ได้
“พี่แน่ใจเหรอว่าพี่ช่วยฉัน” เยี่ยหวันหวั่นมองหน้าเยี่ยมู่ฝานแล้วขมวดคิ้ว สีหน้าดูเครียดๆ หรือว่าเธอสับสนกับความทรงจำส่วนนี้ เยี่ยมู่ฝานไม่ได้เป็นคนผลักเธอตกน้ำ แต่เธอพลัดตกน้ำไปเอง?
แต่ทว่า พอเยี่ยมู่ฝานเห็นสีหน้าเครียดๆ ของเธอ เขาก็สั่นสะท้านไปเล็กน้อย แล้วรีบบอกว่า “เอ่อ…เหมือนว่า…ที่จริงแล้ว…แกจะโทษฉันก็ไม่ได้นะ ตอนนั้นพวกเรายังเด็กอยู่ ฉันไม่ได้ตั้งใจผลักแกตกน้ำ…”
ได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นจึงดีขึ้นเล็กน้อย เหมือนที่เธอจำได้ไม่มีผิดเพี้ยนจริงๆ ด้วย
“หลังจากนั้นล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นถามต่อ
“หลังจากนั้น หลังจากนั้นฉันก็ช่วยแกขึ้นมา!จริงๆ นะ! ฉันสาบานได้!” เยี่ยมู่ฝานเหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างร้อนตัว
“ฉันจำได้ว่าตอนเราอยู่ชนบทมีเพื่อนบ้านอยู่คนหนึ่ง ตอนแรกเพื่อนบ้านคนนั้นเห็นพวกเราเล่นกันอยู่ข้างบ่อน้ำก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่แวบเดียวเพื่อนบ้านคนนั้นก็เห็นว่าเหลือพี่อยู่คนเดียว ส่วนฉันหายไปไหนไม่รู้ เป็นแบบนี้ใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นมองเยี่ยมู่ฝานด้วยสีหน้าจริงจัง
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ เยี่ยมู่ฝานก็ตัวสั่นเล็กน้อย แอบคิดในใจว่าที่แท้หวันหวั่นก็จำได้สินะ…
“ฉันจำได้ว่าพอเพื่อนบ้านเห็นว่าฉันหายไป ก็เลยมาถามพี่ว่าฉันไปไหน ตอนนั้นพี่ตอบไปว่ายังไง?”
เยี่ยมู่ฝานที่ถูกถามเกิดอาการปากกระตุก ทำได้เพียงตอบไปตามความจริง “เพื่อนบ้านคนนั้นเห็นแกหายไปเลยถามฉันว่าแกไปไหน…ตอนนั้นฉันยังเด็ก ลนลานจนพูดอะไรไม่ออก โชคดีที่แกดำผุดดำว่ายขึ้นมาให้เห็น…เพื่อนบ้านตกใจรีบวิ่งไปเรียกแม่…พอแม่มาถึงก็ดึงผมแกแล้วลากขึ้นมาจากน้ำ…” เยี่ยมู่ฝานพูดจบก็ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก
เยี่ยหวันหวั่นถึงกับพูดไม่ออก ไอ้พี่บ้านี่…
โชคดีที่เพื่อนบ้านมาทันเวลา ไม่อย่างงั้น…
เพียงแต่ตอนนั้นเธอกับเยี่ยมู่ฝานยังเด็กมาก เยี่ยมู่ฝานพลั้งมือผลักเธอตกน้ำ เขาเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เยี่ยหวันหวั่นเลยไม่ได้ติดใจโทษเขา
“เราใช้ชีวิตอยู่บ้านนอกตั้งนาน คงไม่ได้มีแค่เรื่องนี้ใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นถามต่อ
จากที่เธอจำได้ เรื่องที่เธอจำได้ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ในชนบทมีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวจริงๆ
“ไม่มีแล้ว! ไม่มีแล้วจริงๆ!” เยี่ยมู่ฝานหน้าซีด รีบส่ายหัวเร็วๆ
“เหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นแสยะยิ้มมุมปากมองเยี่ยมู่ฝาน “จริงเหรอ?”
เพียงพริบตาเดียว เยี่ยมู่ฝานก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “น้องรัก แกต้องการอะไรกันแน่…มีครั้งหนึ่งฉันอยากเป็นหมอ เลยเอาน้ำใส่กระบอกฉีดยาแล้วฉีดใส่แขนแก…แกร้องไห้เหมือนหมูโดนเชือด ฉันเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ถูกพ่อแม่จับมัดห้อยกับต้นไม้แล้วเฆี่ยนหนึ่งยก…ถึงเข็มจะแทงที่แขนแก แต่เทียบกับที่ฉันโดนพ่อแม่จับมัดแล้วเฆี่ยน ก็ถือว่าหายกันแล้วไม่ใช่เหรอ…”
สิ้นเสียงเยี่ยมู่ฝาน เยี่ยหวันหวั่นกลับเงียบกริบ
เรื่องที่เยี่ยมู่ฝานเล่าให้เธอฟัง เธอจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!