บทที่ 1277 สี่ตระกูลใหญ่
หลังจากฟังคำอธิบายของโจวอูกับผู้นำตระกูลโจว เยี่ยหวันหวั่นถึงรู้ว่าเมืองอวิ๋นเฉิงเป็นเมืองแบบใดในรัฐอิสระ
“สี่ตระกูลใหญ่…” เยี่ยหวันหวั่นพึมพำ
“หึๆ สี่ตระกูลใหญ่แห่งรัฐอิสระ ล้วนเป็นตระกูลชั้นนำทั้งนั้น ตระกูลเนี่ยทำธุรกิจทหารรับจ้าง ตระกูลจี้มุ่งเน้นเรื่องอำนาจใต้ดิน ตระกูลเฉินแม้จะไม่ค่อยเด่นเรื่องศิลปะการต่อสู้ แต่กลับเป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งของรัฐอิสระ ส่วนตระกูลหลิงกลับค่อนข้างเดินทางสายกลาง ไม่ได้โดดเด่นด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ”
“จริงสิ…ตระกูลเนี่ยมีคนที่ชื่อเนี่ยอู๋หมิงไหม?” เยี่ยหวันหวั่นถามหยั่งเชิงโจวอู
“เนี่ยอู๋หมิง?” โจวอูส่ายหน้า “ตระกูลโจวของเราแม้แต่เมืองอวิ๋นเฉิงยังไม่ค่อยได้ไป ไม่ค่อยรู้เรื่องสมาชิกครอบครัวของสี่ตระกูลใหญ่กับเรื่องโลกภายนอกหรอก อีกอย่างตระกูลเนี่ยมีคนเยอะมาก ตั้งแต่ลูกหลานสายหลักไปจนถึงสายรอง มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าสมาชิกตระกูลเนี่ยมีกี่คน…ขนาดผู้นำตระกูลเนี่ยชื่ออะไรพวกเรายังไม่รู้เลย”
ตระกูลโจวเป็นเพียงตระกูลศิลปะการต่อสู้เล็กๆ ตระกูลหนึ่งในรัฐอิสระ สำหรับพวกเขา ตระกูลเนี่ยเป็นตระกูลใหญ่โต และอยู่ไกลเกินเอื้อม
“อ้อแอ้ๆ…”
ยณะกำลังพูด เด็กผู้ชายตัวเล็กหน้าตาน่ารักใสชุดนอนคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในห้องโถง แล้วกอดแข้งโจวอู
“ลูกคุณเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเล็กน้อย แล้วถามโจวอู
โจวอูส่ายหน้ารัวๆ “ไม่ใช่ลูกชายผม พ่อเขาเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมารัฐอิสระเมื่อสามปีก่อน แล้วมาตายที่นี่ ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรมาก เลยพาเขากลับมาเลี้ยง”
คำอธิบายของโจวอูทำให้เยี่ยหวันหวั่นชะงัก ต้องยอมรับว่าโจวอูเป็นคนดีมากจริงๆ ไม่ใช่แค่โจวอูคนเดียว ตระกูลโจวทั้งตระกูลใจดีมากจริงๆ
“หนูชื่ออะไรจ๊ะ?” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มแล้วถามเด็กน้อย
เด็กน้อยเบิกดวงตากลมโตจ้องหน้าเยี่ยหวันหวั่นไม่หยุด จู่ๆ ก็อ้าแขนให้เยี่ยหวันหวั่น เหมือนกำลังขอให้เธออุ้มเขา
เด็กน้อยตรงหน้าทำให้เยี่ยหวันหวั่นอดนึกถึงถังถังไม่ได้ ในใจเกิดความรู้สึกสนิทสนมขึ้นมา
เยี่ยหวันหวั่นอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา
“คุณเยี่ย เขาชื่อฉิวฉิว เหมือนจะเป็นเพราะตอนนั้นพ่อแม่เขาตายอย่างน่าอนาถในรัฐอิสระ ทำให้เขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจจนพูดไม่ได้…”
เยี่ยหวันหวั่นจ้องเด็กน้อยในอ้อมแขน แล้วนิ่งเงียบไป
ยังเด็กอยู่แท้ๆ แต่กลับเห็นพ่อแม่ตายไปต่อหน้าต่อตา ก็ไม่แปลกที่จะสะเทือนใจขนาดนี้…
ไม่อาจจินตนาการได้เลย ว่าตอนนั้นเด็กคนนี้จะรู้สึกยังไง
เยี่ยหวันหวั่นลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ เจ้าหนูฉิวฉิวกอดเยี่ยหวันหวั่นแน่น ไม่ยอมปล่อยมือ
“คุณเยี่ย ดูเหมือนฉิวฉิวจะชอบคุณมาก ความจริงเจ้าหนูนี่กลัวคนแปลกหน้ามากเลยนะ” โจวอูยิ้มบอก
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเล็กน้อย เหมือนว่าเธอจะถูกชะตากับเด็กมาก
หลังคุยกับคนในตระกูลโจวอยู่นาน เยี่ยหวันหวั่นก็เริ่มรู้สึกเหนื่อล้า คุณนายโจวเก็บกวาดห้องนอนแขกให้เยี่ยหวันหวั่นพักผ่อนด้วยตัวเอง
เพียงแต่ ฉิวฉิวกลับจะตามเยี่ยหวันหวั่นไปด้วย เยี่ยหวันหวั่นจนใจเลยทำได้แค่ยอมให้ฉิวฉิวอยู่ด้วย
กลางดึก เยี่ยหวันหวั่นกอดเจ้าตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนแล้วหลับสนิท ผ่านพ้นค่ำคืนแรกในรัฐอิสระไปทั้งอย่างนั้น…
……
พริบตาเดียว เยี่ยหวันหวั่นก็อาศัยอยู่ในตระกูลโจวสี่วันแล้ว
ในสี่วันที่ผ่านมา มีเวลาเมื่อไหร่เยี่ยหวันหวั่นจะไปขอคำแนะนำเกี่ยวกับธรรมเนียมประเพณีพิเศษในรัฐอิสระจากโจวอูกับคุณนายโจว เธออยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ ยังไงซักวันก็ต้องไป การทำความรู้จักรัฐอิสระไว้บ้างถือเป็นประโยชน์ต่อตัวเธอ
————————————————————————————-
บทที่ 1278 เจอพันธมิตรอู๋เว่ยอีกครั้ง
นอกจากขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องรัฐอิสระ หลายวันมานี้เยี่ยหวันหวั่นก็อยู่แต่กับฉิวฉิว ไม่ว่าจะกินหรือนอนก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา
เยี่ยหวันหวั่นชอบเจ้าหนูที่มีปูมหลังน่าสังเวชคนนี้มาก ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขทีเดียว
หลายวันมานี้เยี่ยหวันหวั่นสนิทสนมกับสมาชิกหลายสิบคนของตระกูลโจวเกือบทั้งหมด แล้วก็รู้เรื่องของรัฐอิสระจากคนในตระกูลโจวมากขึ้นด้วย
ขณะเดียวกันเยี่ยหวันหวั่นก็รับผิดชอบเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในตระกูลโจว ปกติเธอมักจะออกไปซื้ออาหาร พร้อมกับพาหมานิสัยดุดันที่ตระกูลโจเลี้ยงไว้ออกไปเดินเล่นบ้าง จะให้กินนอนอยู่บ้านคนอื่นเขาเฉยๆ ก็กระไรอยู่ แน่นอนว่าเงินที่ใช้ซื้ออารหารเยี่ยหวันหวั่นไปขอจากคุณนายโจวเอา
ตอนแรกเยี่ยหวันหวั่นนึกว่ารัฐอิสระเป็นโลกที่ค่อนข้างล้าหลังและปิดกั้น มีแค่เรื่องศิลปะการต่อสู้ที่ค่อนข้างโดดเด่นเท่านั้น แต่หลังจากใช้ชีวิตในรัฐอิสระมาหลายวัน เยี่ยหวันหวั่นกลับรู้ว่าตัวเองคิดผิดถนัด
ความล้าหลังของรัฐอิสระ มีเพียงด้านความบันเทิงเท่านั้น อย่างเช่นวงการบันเทิงที่ไม่ได้รับความนิยมมากในรัฐอิสระ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องไอดอลเลย
ในรัฐอิสระ อาชีพที่รับการยกย่องเชิดชูมากที่สุดก็คือคนที่เก่งศิลปะการต่อสู้ ยิ่งสู้เก่ง คนรอบข้างก็ยิ่งเลื่อมใส หากไม่มีความสามารถ ก็แทบไม่มีความสำคัญในสายตาคนอื่นเลย
ตอนอยู่ประเทศจีน เยี่ยหวันหวั่นคิดว่าความสามารถในการต่อสู้ของตัวเองไม่ธรรมดาแล้ว แต่พอมาอยู่รัฐอิสระจึงเพิ่งรู้ว่ามันไม่เพียงพอเลย
หากสุ่มคนบนถนนมาซักคน แล้วเกิดโชคไม่เข้าข้าง เยี่ยหวันหวั่นอาจถูกซ้อมตายได้…
……
เช้าตรู่ของวันต่อมา เยี่ยหวันหวั่นอุ้มฉิวฉิวออกจากตระกูลโจวเพื่อไปซื้อวัตถุดิบทำอาหาร
คุณนายโจวไว้ใจเธอมาก ไม่เคยคิดว่าเยี่ยหวันหวั่นจะขโมยเงินซื้อของแล้วหนีไป
สกุลเงินของรัฐอิสระเหมือนกับของประเทศจีน แล้วก็เป็นสกุลเงินที่ใช้กันสากลทั่วโลกด้วย ไม่ได้เป็นสกุลเงินที่ล้าหลังเหมือนที่เธอจินตนาการไว้ก่อนหน้า
หลายวันมานี้ เจ้าหน้าที่ของสหพันธ์วิทยายุทธ์เคลื่อนไหวน้อยลง แม้เยี่ยหวันหวั่นจะโดนจับกุมแล้วถูกตรวจสอบได้ว่าไม่มีบัตรผ่าน ตระกูลโจวก็จะออกหน้าช่วยเอง
“อ้อแอ้ๆ…”
ฉิวฉิวเห็นเหงื่อบนหน้าผากเยี่ยหวันหวั่นก็ยกมือน้อยๆ ขึ้นเช็ดให้เธอ
“ฉิวฉิวช่างรู้ความจริงๆ” เยี่ยหวันหวั่นชมฉิวฉิว
ฉิวฉิวหน้าแดงเล็กน้อย แล้วยิ้มเขินอายให้เยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงพูดคุยถกเถียงก็ดังมาจากข้างหน้า ผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนนต่างกรูกันออกมาข้างนอก
เยี่ยหวันหวั่นมองดูกลุ่มคนแห่กันไปยังทิศทางเดียวกันด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ตระกูลหลี่ซวยแล้ว!”
“ก็นั่นน่ะสิ…คนของพันธมิตรอู๋เว่ย…จะกวาดล้างสองตระกูลสุดท้ายวันนี้ ตระกูลหลี่ก็คือหนึ่งในนั้น!”
“หลังจากตระกูลหลี่…แล้วยังมีตระกูลไหนอีก?”
“ไม่รู้สิ…”
เสียงพูดคุยของพวกเขาทำให้เยี่ยหวันหวั่นหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
เยี่ยหวันหวั่นอุ้มฉิวฉิวแล้วเดินไปยังทิศทางที่กลุ่มคนมุ่งหน้าไป
ประมาณหนึ่งเค่อต่อมา หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นอุ้มฉิวฉิวด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายถือพวกผักสดและเนื้อสัตว์หยุดยืนอยู่ตรงนั้น
ด้านหน้า มีชายสวมชุดขาวหน้าตาเย็นชาสุดขั้วสิบกว่าคน ด้านหลังเสื้อสีขาวของผู้ชายพวกนั้นต่างสลักคำว่า “อู๋เว่ย” เอาไว้ตัวเบ้อเริ่ม
คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดเป็นชายหนุ่มที่รูปร่างผอมมากคนหนึ่ง ดูท่าทางน่าจะอายุสิบห้าสิบหก อายุยังน้อยแต่เหมือนจะได้เป็นหัวหน้าของชายเสื้อขาวพวกนั้นแล้ว…
“ชิบหาย! ชีซิง…เจ้าเด็กนั่นมันชีซิงนี่!”
ใครคนหนึ่งเห็นเด็กหนุ่มตัวผอมแล้วก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ