บทที่ 1295 คงเพราะสมองป่วย
น่าแปลก พี่เฟิงกลับไม่สู้?
แต่เป๋ยโต่วคิดๆ ดูก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยปาก “งั้นหลังจากนี้ค่อยนัด พันธมิตรอู๋เว่ยช่วงนี้มีหลายเรื่องจำเป็นต้องให้พี่เฟิงต้องจัดการจริงๆ ไม่พูดถึงภายนอกก่อน ภายในพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเราถึงจะเป็นเรื่องสำคัญสุด”
ได้ยินเป๋ยโต่วพูดแบบนั้น เยี่ยหวันหวั่นฉุกคิดว่าตัวเองไม่รู้เรื่องภายในพันธมิตรอู๋เว่ยแม้แต่น้อย วันนี้ได้รู้รายละเอียดจากเป๋ยโต่วพอดี
“พี่เฟิง พี่จากไปตั้งหลายปี เจ้าพวกตาแก่กลุ่มนั้นมองว่าพี่ตายไปนานแล้ว วันนี้ตาแก่กลุ่มนั้นรู้ว่าพี่กลับมา กลับไม่มาดูพี่สักคนเดียว ไม่มองพี่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย” เป๋ยโต่วแค่นเสียงเย็น
ก่อนหน้านี้เยี่ยหวันหวั่นได้ยินมาว่า พันธมิตรอู๋เว่ยยามนี้แบ่งเป็นสองฝักฝ่าย ตาแก่กลุ่มนั้นที่เป๋ยโต่วพูดถึงน่าจะเป็นอีกฝ่ายที่แยกออกจากพันธมิตรอู๋เว๋ย
“พวกนั้นไม่แค่ไม่มาพบพี่เฟิง แต่ยังพูดซ้ำๆ ว่าพี่เฟิงต้องเป็นตัวปลอมแน่…หลังสืบจนความจริงปรากฏก็จะมากำจัดพี่” เป๋ยโต่วมองเยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบไม่พูดจา ก็พูดเองต่อ
ได้ยินคำพูดนี้ เยี่ยหวันหวั่นมีทุกข์ยากจะกล่าวจริงๆ บัดซบ เธอเป็นตัวปลอมจริงๆ นี่…
“ส่งข้อมูลอย่างละเอียดของคนพวกนั้นมาให้ฉันพรุ่งนี้” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเรียบ
“พี่เฟิง ผมทำไว้แล้ว รอพี่พูดประโยคนี้อยู่…แต่ว่าพี่เพิ่งกลับมา ต่อให้อยากจัดระเบียบภายใน ทางที่ดีก็ยังต้องทำเป็นขั้นเป็นต้อน ถ้าฉีกหน้าของตาแก่พวกนั้นตอนนี้จะไม่เป็นการดีต่อพันธมิตรอู๋เว่ยแน่ สู้ชนะหรือเปล่าเป็นอีกเรื่อง ภายนอกยังมีอีกหลายอำนาจที่มองเราเหมือนเสือจ้องเหยื่อ” เป๋ยโต่วเอ่ยอธิบาย
ไหนเลยจำเป็นต้องให้เป๋ยโต่วเตือน เธอก็ไม่ได้โง่ จะไปเปิดสงครามกับพวกตาแก่นั่นได้ยังไง
เรื่องสำคัญอันดับหนึ่งยังเป็นการให้ทั้งพันธมิตรเชื่อในตัวตนแบดเจอร์ของเธอก่อน ไม่อย่างนั้นเกรงว่าเธอจะตายอนาถได้
“พี่เฟิง ฟ้าเย็นมากแล้ว จะให้ผมส่งพี่กลับบ้านหรือเปล่า” เป๋ยโต่วลุกขึ้น มองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ย
“ดี นายส่งฉันกลับไป”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า เธอรอประโยคนี้ของเป๋ยโต่วอยู่แล้ว
ตัวเองไหนเลยจะรู้ว่าแบดเจอร์อาสัญอยู่ที่ไหน จะอยู่ที่นี่ข้ามคืนก็ไม่ได้หรอกมั้ง ถ้าทำให้พวกชีซิงรู้ว่าตัวเธอไม่กลับบ้านทั้งวัน เกรงว่าความสงสัยในตัวเธอจะยิ่งหนักหน่วงขึ้นแน่
…
ผ่านไปสักพัก เยี่ยหวันหวั่นก็ขึ้นรถของเป๋ยโต่ว
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เป๋ยโต่วก็พาเยี่ยหวันหวั่นมาถึงเขตชานเมืองห่างไกลโพ้นแห่งหนึ่ง
“พี่เฟิง ตอนนั้นพี่คิดยังไง…ถึงต้องซื้อคฤหาสน์หลังนี้ด้วย…” เป๋ยโต่วจอดรถแล้วจ้องคฤหาสน์ตรงหน้าพลางขนลุกเล็กน้อย
“ฉันคิดว่ามันดีมาก” เยี่ยหวันหวั่นไม่รู้ความนัยในคำพูดนี้ของเป๋ยโต่วจึงได้แต่พูดแบบนี้
“พี่เฟิง นี่เป็นบ้านผีสิงมีชื่อเชียวนะ ข้างในเกิดคดีฆาตกรรมหั่นศพ…ลือกันว่ามีผีหลอกบ่อยๆ …ก็มีพี่ที่กล้าซื้อลงนี่แหละ สมกับเป็นพี่เฟิงของผม สุดยอด” เป๋ยโต่วหันมายกนิ้วโป้งให้เยี่ยหวันหวั่น
ได้ยินคำพูดนี้ของเป๋ยโต่ว เยี่ยหวันหวั่นชะงักงันอยู่กับที่โดยสมบูรณ์ ใบหน้าไม่แยแส แต่ในใจกลับด่าบรรพบุรุษแบดเจอร์สิบแปดชั่วโคตรหนึ่งรอบ
แม่มเอ๊ย แบดเจอร์นี่สมองไม่ดี สมองป่วยหรือเปล่า…
ซื้อบ้านผีสิงมาอยู่เองเนี่ยนะ?
แถมยังเกิดคดีฆาตกรรมหั่นศพ!?
เชี่ยนี่ เป็นที่ให้คนอยู่เรอะ!?
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลกระทบทางจิตวิทยาหรือเปล่า พอยืนอยู่ด้านหน้าคฤหาสน์ เยี่ยหวันหวั่นมักรู้สึกว่ามีสายลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน หนาวเย็นไปตั้งแต่ลำคอจรดส้นเท้า
เธอสาบานเลยว่าตัวเองไม่อยากเข้าไปสักนิดเดียว แล้วก็ไม่อยากหยุดอยู่ที่ผีสิงนี่แม้สักวินาทีเดียวด้วย…
—————————————————————————————-
บทที่ 1296 หน้าตาดีมาก
เป๋ยโต่วหยิบกุญแจแล้วเปิดประตู “พี่เฟิง หลายปีมานี้อยากจ้างคนมาทำความสะอาดแต่จ้างไม่ได้เลย ให้เงินคนเขาเท่าไรก็ไม่เต็มใจ สุดท้ายไม่มีวิธีอื่น ผมเลยบังคับให้พี่น้องในพันธมิตรมาทำความสะอาด ทุกครั้งเพราะกลัวทุกคนเลยจับกลุ่มสามถึงห้าคนมาทำความสะอาด…พี่บอกทีพี่ซื้อบ้านผีสิงนี้ไว้ทำไม แม้แต่คนรับใช้ยังจ้างไม่ได้… ”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ฉันคิดว่า…มันดีมาก…” ดี MMP แกสิ!
“พี่เฟิง กุญแจนี้ให้พี่…ผมยังมีธุระ ไปก่อนนะ…พรุ่งนี้ผมจะมารับพี่กลับบริษัท…” พูดจบ เป๋ยโต่วก็หันตัวจะจากไป
เห็นดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็หูตาไว กดไหล่ซ้ายของเป๋ยโต่วไว้
เป๋ยโต่วหันกลับมาอย่างสงสัย ไม่รู้เยี่ยหวันหวั่นจะทำอะไร
“ฉันยังมีเรื่องจะปรึกษากับนายหน่อย เข้ามากับฉัน” เยี่ยหวันหวั่นพูดเสียงเรียบ
“ผมมีธุระนะ…พรุ่งนี้ พรุ่งนี้กลับบริษัทค่อยปรึกษา” เป๋ยโต่วส่ายหน้ารัว เหมือนไม่เต็มใจเข้าไปในบ้านผีสิงหลังนี้
“ไม่ได้ ต้องตอนนี้!” เยี่ยหวันหวั่นถลึงตาอย่างโมโห
เป๋ยโต่วพูดไม่ออก
ภายใต้ความจนหนทาง เป๋ยโต่วถูกเยี่ยหวันหวั่นลากเข้าบ้านผีสิงไปโดยตรง
…
จำต้องพูดว่าคฤหาสน์หลังนี้ไม่เล็กเลยทีเดียว นอกจากมีตัวคฤหาสน์แล้วก็ยังมีสระว่ายน้ำ สวนดอกไม้ส่วนตัว ทุกสิ่งทุกอย่างครบครัน
ในคฤหาสน์มีมากกว่าสิบห้อง มีพื้นที่อย่างน้อยก็เจ็ดแปดร้อยตารางเมตร เห็นได้ชัดว่ากว้างขวางมาก หลังรวมกับบ้านผีสิงและคดีชำแหละศพ คฤหาสน์หลังนี้ก็ยิ่งเพิ่มกลิ่นอายน่ากลัวพิศวง
เพิ่งเข้ามาในบ้าน เยี่ยหวันหวั่นก็ขนลุกชันไปทั้งตัวแล้ว
เป๋ยโต่วเปิดไฟ ห้องมืดทึบพลันสว่างขึ้นมา
“พี่เฟิง ยังมีธุระอะไรไหม…ถ้าไม่มี ผมจะไปจริงๆ แล้ว…” เป๋ยโต่วกลืนน้ำลาย ยืนอยู่ในบ้านผีสิงใหญ่โต มองสำรวจรอบด้าน
“ดึกมากแล้ว ฉันว่านายก็หาสักห้องอยู่เลยแล้วค่อยไปเถอะพรุ่งนี้เถอะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างดูครุ่นคิด
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น เป๋ยโต่วกลับหน้าเปลี่ยนสีทันที “ไม่เป็นไรๆ …พี่เฟิง ผะ…ผมนึกได้ว่า แม่ผมเพิ่งถูกรถชนอยู่ที่โรงพยาบาล ผมต้องไปโรงพยาบาล…”
พูดจบไม่เปิดโอกาสให้เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก เป๋ยโต่วก็พุ่งออกไปราวกับวิ่งหนี หายไปไม่เห็นเงาในพริบตา
เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุกน้อยๆ เจ้าเป๋ยโต่วนี่…กลัวบ้านผีสิงขนาดนี้เลยเหรอ…
ในคฤหาสน์แขวนภาพเหมือนน่าขนพองสยองเกล้ามากมาย…เยี่ยหวันหวั่นยังค้นพบกระทั่งกระดูกสัตว์ร้าย ถูกจัดวางไว้แต่ละมุมประดุจชิ้นงานศิลปะ
ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นมั่นใจได้แล้วว่า ยัยแบดเจอร์นั่น ก็คือคนโรคจิต…คนบ้า!
เยี่ยหวันหวั่นหาห้องนอนของแบดเจอร์เจออย่างรวดเร็ว
ยังดีที่ในห้องนอนไม่มีสิ่งของพิสดารอะไร ห้องค่อนข้างเรียบง่าย
เพียงแต่ในห้องนอน เยี่ยหวันหวั่นเจอภาพใบหนึ่ง
ในภาพเป็นชายหนุ่มสวมชุดสูทหรูหราคนหนึ่ง บุคลิกโดดเด่นพอสมควรและหน้าตาก็ดีมาก
คงเพราะหน้าตาของผู้ชายคนนี้หล่อล้ำมากจริงๆ เยี่ยหวันหวั่นจึงจ้องอยู่หลายรอบ
แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจจะชื่นชมความงาม เยี่ยหวันหวั่นวางรูปลงแล้วขดตัวบนเตียง คิดแค่อยากให้คืนนี้ผ่านไปไวๆ ต้อนรับแสงอาทิตย์เร็วๆ
บ้านผีสิง แม่มไม่ใช่ที่ให้คนอยู่จริงๆ …
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะเป็นโรคจิตเภทแล้ว…
นอกคฤหาสน์ ชายสวมชุดสูทสีดำผู้หนึ่งมองดวงไฟในบ้านผีสิงที่สว่างขึ้นมา จากนั้นก็กดโทรออก
“จักพรรดิจี่ มองไม่ผิดแน่ครับ” ชายคนนั้นเอ่ยปาก
“ก่อนหน้านี้บังเอิญผ่านทาง เห็นเป๋ยโต่วของพันธมิตรอู๋เว่ยคุ้มกันผู้หญิงคนหนึ่งมาที่นี่ หลังเป๋ยโต่วออกไป ผู้หญิงก็เข้าไปด้วยตัวเอง ไม่ใช่ตัวปลอมของตระกูลเนี่ย” ชายคนนั้นเหมือนอธิบายอะไรบางอย่าง
“ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว” ชายคนนั้นวางสายแล้วขับรถจากไปอย่างรวดเร็ว