บทที่ 1299 คู่หมั้นของแบดเจอร์
คนพวกนี้มีอำนาจและตำแหน่งสูงในพันธมิตรอู๋เว่ย เทียบกับตำแหน่งของเป่ยโต่วกับชีซิงแล้วเหมือนจะสูงกว่าหน่อย เป็นพวกคนเก่าแก่ที่ติดตามแบดเจอร์มาตั้งแต่สมัยก่อน
แถมแต่ละคนยังมีอิทธิพลของตัวเองทั้งนั้น พวกเขาผูกขาดผู้แข็งแกร่งและกำลังคนในพันธมิตรอู๋เว่ยเกือบครึ่ง ซ้ำพวกเขายังเป็นผู้นำตระกูลศิลปะต่อสู้ที่มีอิทธิพลในรัฐอิสระด้วย
เยี่ยหวันหวั่นกุมหน้าผาก รู้สึกว่าเจอเรื่องยากเข้าแล้ว
อย่าว่าแต่เธอเลย ถึงแบดเจอร์ตัวจริงจะกลับมา ก็เกรงว่าจะจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายๆ…
ภายนอกคนพวกนี้อาจจะดูเหมือนเคารพเกรงกลัวเธอ แต่ในใจคิดอะไรอยู่ใครจะไปรู้
ยังไม่พูดถึงเรื่องที่เธอเป็นแบดเจอร์ตัวปลอม ถึงแบดเจอร์ตัวจริงจะกลับมา เวลาผ่านไปหลายปีขนาดนี้ อิทธิพลของพวกเขาขยายใหญ่ขึ้น เกรงว่าคงจะไม่ยอมจำนนง่ายๆ
เยี่ยหวันหวั่นกำลังอ่านข้อมูลและคิดหากลยุทธ์รับมือ จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดัง
“เข้ามา” เยี่ยหวันหวั่นบอก
“เสี่ยวเฟิงเฟิง…” ชิวสุ่ยเดินเข้ามาในห้อง แล้วกอดเยี่ยหวันหวั่นจากข้างหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ผู้หญิงคนนี้ต้องทำตัวสนิทสนมขนาดนี้ทุกครั้งเลยเหรอ…
พอปล่อยเยี่ยหวันหวั่น ชิวสุ่ยก็พูดด้วยสีหน้ามีลับลมคมใน “เดาสิว่าใครมา?”
เยี่ยหวันหวั่นยังคงพูดไม่ออก
ขอร้องล่ะ ช่วยหยุดให้เธอทายซักทีได้ไหม?
มีแต่คำถามเสี่ยงตายทั้งนั้น!
“จี้หวงมาล่ะ!” ชิวสุ่ยทำหน้าตื่นเต้น
เยี่ยหวันหวั่นหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย จี้หวง…มาทำไมอีก…
“เสี่ยวเฟิงเฟิง…อิจฉาเธอจังที่มีคู่หมั้นแบบนี้ เธอหายตัวไปตั้งหลายปี แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ ยังตามหาเธอมาตลอด” ชิวสุ่ยถอนหายใจ
แต่คำพูดของชิวสุ่ยกลับทำให้เยี่ยหวันหวั่นอึ้งค้างไปแล้ว
อะไรนะ?!
คู่หมั้น???
จี้หวงเป็น…คู่หมั้นของแบดเจอร์?!
เห็นเยี่ยหวันหวั่นสีหน้าไม่ดีนัก ชิวสุ่ยจึงยิ้มบอกว่า “วางใจเถอะ เรื่องที่จี้หวงเป็นคู่หมั้นเธอ จนถึงตอนนี้ก็ยังมีแค่ฉันคนเดียวที่รู้ ฉันไม่เคยบอกใคร”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินอย่างนั้นก็ครุ่นคิดเงียบๆ
ไม่น่าล่ะเป่ยโต่วถึงได้ระวังตัว ทำหน้าเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจน์อย่างไงอย่างงั้น ดูท่าเขาคงไม่รู้เรื่องระหว่างแบดเจอร์กับจี้หวง พันธมิตรอู๋เว่ยทั้งแก๊ง คนที่รู้ว่าจี้หวงเป็นคู่หมั้นของแบดเจอร์มีแค่ชิวสุ่ยคนเดียว…
ชิวสุ่ยเพิ่งจะพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของชายหนุ่มที่เธอเพิ่งเจอเมื่อเช้าเดินเข้าในห้องทำงาน
“พวกเธอคุยกันเลย…ตามสบาย…” ชิวสุ่ยมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วยิ้มล้อ จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป แล้วยังอุตส่าห์ใจดีปิดประตูห้องให้อีกด้วย
มองดูจี้หวงที่ยืนอยู่ตรงหน้า เยี่ยหวันหวั่นจิตใจสับสนวุ่นวาย ไม่รู้จะทำยังไงดี
เวรกรรมจริงๆ! ไม่นึกเลยว่าแบดเจอร์กับจี้หวงจะมีความสัมพันธ์แบบนี้!
เธอควรทำตัวยังไงกับคู่หมั้นของแบดเจอร์ดีล่ะ…
ต้องออดอ้อนเหมือนนกน้อยต้องการที่พึ่ง หรือทำตัวเย็นชาเหมือนน้ำแข็งพันปีดีล่ะ?
อืม ในเมื่อแบดเจอร์เป็นคู่หมั้นของจี้หวง จะทำตัวเย็นชาได้ยังไงกัน…
ต้องทำตัวสนิทสนมหน่อยรึเปล่า?
“ตอนนี้กินได้รึยัง”
จี้หวงวางข้าวกล่องบนโต๊ะทำงานของเยี่ยหวันหวั่น ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มจางๆ
“ขอบคุณ…ลำบากคุณต้องทำเองกับมืออีก…” เยี่ยหวันหวั่นพยายามใจเย็น หันไปมองข้าวกล่องแล้วยิ้มบอก
“ไม่ลำบาก เมื่อก่อนเธอชอบรบเร้าให้ฉันทำข้าวกล่องให้เธอกินตลอดไม่ใช่เหรอ ฉันชินแล้วล่ะ” จี้หวงยิ้มพูด
เยี่ยหวันหวั่นเงียบ
แบดเจอร์ เธอไปสร้างเวรสร้างกรรมประเภทไหนไว้กันเนี่ย ไม่นึกเลยว่าจะกล้าขอให้จี้หวงทำข้าวกล่องให้เธอกิน…
————————————————————————————-
บทที่ 1300 จบเห่แน่ๆ
เธอมาเอาผู้ชายของเธอไปเลย ฉันไม่อยากรับช่วงต่อหรอกนะ…
ถ้าหากจี้หวงรู้ว่าเธอปลอมตัวเป็นคู่หมั้นเขาล่ะก็…
พอถึงตอนนั้น เธอไม่เพียงต้องเผชิญหน้ากับการไล่ล่าของพันธมิตรอู๋เว่ย แล้วยังต้องรับมือกับอำนาจมืดของยุโรปอีก ไม่แน่ว่าสี่ตระกูลใหญ่ของรัฐอิสระก็อาจตามล่าเธอด้วย…
ถึงตอนนั้นชีวิตเธอต้องจบเห่แน่ๆ…
“กินตอนที่มันยังร้อนๆ เถอะ เดี๋ยวจะเย็นเอา” จี้หวงมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วยิ้มบอก
ท่ามกลางความจนใจ เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงเปิดฝาข้าวกล่อง
พอเห็นสิ่งที่อยู่ในข้าวกล่องเยี่ยหวันหวั่นก็ชะงักไปเล็กน้อย ในใจคิดว่าฐานะอย่างจี้หวงกับแบดเจอร์ ถึงแม้จะเป็นข้าวกล่อง อย่างน้อยก็ควรมีรังนกหรือหอยเป่าหื้อบ้างไม่ใช่เหรอ…
แต่ในข้าวกล่องอันนี้ นอกจากข้าวสวยแล้วก็มีแค่เนื้อแห้งๆ กับผักอีกนิดหน่อยเท่านั้น
แบดเจอร์…ชอบกินของพวกนี้เหรอ?
จากข่าวลือเรื่องแบดเจอร์ที่ได้ยินมา รวมถึงหลังจากรู้จักบ้านผีสิงของแบดเจอร์ ถึงมีคนบอกเธอว่าแบดเจอร์กินคนเธอก็คงเชื่อ
ฉะนั้นจึงไม่คิดว่ารสนิยมการกินของแบดเจอร์จะเรียบง่ายไปอย่างงี้
จู่ๆ ก็กลายเป็นคนปกติ เธอกลับรู้สึกไม่ค่อยชิน
เยี่ยหวันหวั่นแยกตะเกียบออกแล้วชิมหนึ่งคำ
พอคีบข้าวเข้าปากเยี่ยหวันหวั่นก็ต้องเงยหน้ามองจี้หวง สีหน้าดูประหลาดใจเล็กน้อย ฝีมือทำอาหารของผู้ชายคนนี้…น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว…
“ถูกปากไหม” จี้หวงถาม
“อร่อย…” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
“เธอชอบกินแต่ของพวกนี้ ฉันเลยทำเป็นแค่นี้” จี้หวงยิ้มบอก
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินอย่างนั้นหัวใจก็เต้นรัวขึ้นมา
โอ๊ย ผู้ชายคนนี้…หยอดเก่งเกินไปแล้ว…
เพียงไม่นาน ข้าวกล่องก็ถูกเยี่ยหวันหวั่นจัดการเรียบแล้ว
ตอนนี้จี้หวงนั่งอยู่บนโซฟา เขากวักมือเรียกเยี่ยหวันหวั่น “มานั่งนี่”
“เอ่อ…”
เยี่ยหวันหวั่นลังเลเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้เป็นคู่หมั้นของแบดเจอร์เชียวนะ…
อีกอย่าง เยี่ยหวันหวั่นสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายจากตัวจี้หวงโดยสัญชาตญาณ เป็นความห่างเหินชนิดที่ไม่อาจล่วงเกินได้…
แต่เธอในตอนนี้กลับกำลังสวมบทแบดเจอร์อยู่ ท่ามกลางความจนใจ เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงเดินไปหาจี้หวง แล้วนั่งลงข้างเขา
“หลายปีมานี้ ใช้ชีวิตข้างนอกเป็นยังไงบ้าง” นัยน์ตาลึกล้ำกระชากวิญญาณของจี้หวงจับจ้องมาที่เยี่ยหวันหวั่น
ทุกประโยคของชายหนุ่มคนนี้เหมือนกำลังพูดคุยเรื่อยเปื่อย ทว่าทุกคำ…กลับมีความหมายแฝง จนเธอแทบรับมือไม่ถูก
เยี่ยหวันหวั่นตั้งสติเต็มที่ ยิ้มแล้วบอกว่า “ก็ต้องไม่ดีเหมือนอยู่บ้านอยู่แล้ว”
จี้หวงเงยหน้ามองเธอ “หลายปีมานี้ คงไม่ได้ตัวคนเดียวใช่ไหม”
“หมายความว่าไง?”
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ก็อย่างเช่น อยู่กับผู้ชายคนอื่น” จี้หวงพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ น้ำเสียงเหมือนไม่ใส่ใจ
“คุณหมายความว่ายังไงกันแน่ นี่กำลังสงสัยว่าฉันทำเรื่องที่ผิดต่อคุณอยู่งั้นหรอ?!” เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยความโกรธ
ถึงภายนอกเยี่ยหวันหวั่นจะทำหน้าเหมือนโกรธเคือง แต่ความจริงในใจกลัวแทบตาย
เธอจะไปรู้ได้ไงว่าหลายปีที่ผ่านมาแบดเจอร์ไปอยู่กับใครมา แล้วทำเรื่องที่ผิดต่อคู่หมั้นตัวเองรึเปล่า เธอไม่ใช่แบดเจอร์ซักหน่อย…
จี้ซิวหร่านรีบส่ายหน้า “ไม่เห็นต้องโกรธ ฉันก็แค่ถามไปอย่างงั้น ฉันยังมีเรื่องต้องไปทำ ไปก่อนล่ะ”
จี้ซิวหร่านพูดจบก็ค่อยๆ ลุกขึ้น นิ้วมือเรียวยาวไล่ผ่านปลายจมูกของเยี่ยหวันหวั่น จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบาว่า “ขอแนะนำตัวหน่อยแล้วกัน ฉันชื่อจี้ซิวหร่าน”
เอ่ยจบ ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นพูดอะไร จี้ซิวหร่านก็เดินออกจากห้องไปแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นยืนมองจี้ซิวหร่านเดินออกไปด้วยหัวใจที่เหมือนมีคลื่นลมซัดสาด
จี้ซิวหร่าน เขาหมายความว่ายังไง…
ตอนนี้เธอเป็นคู่หมั้นของเขา แต่ทำไมเขาต้องแนะนำตัวกับคู่หมั้นของตัวเองด้วย?!