บทที่ 1349 มาผิดที่แล้ว
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด
มองคฤหาสน์ที่ไม่มีประตูหลังนี้ จู่ๆ ก็เหมือนเข้าใจว่าเจ้าสวะหมาตามหาเธอทำไมแล้ว…
“ก่อนหน้านี้มีคนมาลอบฆ่าฉัน ตอนลงมือไม่ระวังทำประตูพังแล้ว” เจ้าสวะหมามองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ย
“ลอบฆ่าคุณ…” เยี่ยหวันหวั่นอดอยากหัวเราะไม่ได้ สุดยอดบอสท่านนี้ ที่แท้ก็มีตอนที่ถูกคนลอบฆ่าด้วย
“แต่…ฉันรู้สึกตลอดว่าคนที่มาลอบฆ่าฉัน น่าจะมาผิดที่…” ระหว่างที่พูด สายตาของเจ้าสวะหมาก็มองไปยังบ้านผีสิงที่อยู่ไม่ไกล “น่าจะไปลอบฆ่าเจ้าของบ้านผีสิงแต่จำสถานที่ผิด”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ถึงแม้เยี่ยหวันหวั่นอยากบีบคอเจ้าสวะหมาให้ตาย แต่คำพูดของเจ้าสวะหมากลับทำให้เยี่ยหวันหวั่นตกอยู่ในห้วงความคิด
ถ้าที่เจ้าสวะหมาพูดเป็นความจริง งั้นก็ไม่ใช่ว่ามีคนมาลอบฆ่าตัวเธอเหรอ
คนที่เธอล่วงเกินในรัฐอิสระก็เหมือนจะมีแค่ผู้อาวุโสสามหลี่ซือคนนั้น…
แน่นอนว่าเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจังมากมาย ยังไงเสียก็ไม่มีนักฆ่าคนไหนจะทำผิดพลาดระดับต่ำแบบนี้ แม้แต่ที่อยู่ของคนที่จะลอบฆ่ายังรู้ไม่ชัด…
“เพราะงั้น ความหมายของท่านหมาคือจะให้ฉันช่วยคุณเปลี่ยนประตู?” เยี่ยหวันหวั่นมองเจ้าสวะหมาพลางค่อยๆ เอ่ยปากถาม
“คุณไม่ใช่ผู้นำประตูเหรอ ฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย ช่วยฉันเปลี่ยนเป็นประตูนิรภัยขนาดใหญ่กว่านี้หน่อย” เจ้าสวะหมาเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่นอย่างประเมินค่าสูงมาก
ได้ยินแบบนั้นเยี่ยหวันหวั่นกลับไม่รู้จะพูดยังไง เธอเป็นผู้นำประตูกับผีสิ ไหนเลยจะเข้าใจประตูนิรภัยอะไรนั่น…
“ตกลง ฉันจะพยายามเต็มที่…” เยี่ยหวันหวั่นได้แต่ต้องพยักหน้าตอบรับด้วยความจนใจ ยังไงนี่ก็เป็นหลุมที่เธอขุดเอง
“ยิ่งเร็วยิ่งดี ไม่งั้นจะให้ฉันไปเอาที่ร้านคุณก็ได้” เจ้าสวะหมาเอ่ย
“อย่า…ฉันว่าไม่จำเป็นหรอก พวกเรามีบริการส่งสินค้าถึงบ้าน…พรุ่งนี้หลังฉันเลือกให้คุณเสร็จ จะให้คนงานมาส่งประตูแล้วก็ช่วยคุณติดตั้งให้…” เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุกน้อยๆ เธอมีร้านประตูที่ไหนกัน
“ตกลง” เจ้าสวะหมาพยักหน้า “คุณหนูเยี่ยเข้ามานั่งพักสักหน่อยเถอะ”
“ท่านหมา ไม่ต้องเกรงใจ…” เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า เธอมีเวลาที่ไหนกัน ยังต้องไปซื้อประตูนิรภัยให้เจ้าสวะหมาอีกเนี่ย
“กินข้าวง่ายๆ ด้วยกัน” เจ้าสวะหมาพูดจบก็หันตัวเดินเข้าในบ้านที่ไม่มีประตู
เห็นดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็ถอนหายใจในลำคอ ได้แต่ต้องตามเจ้าสวะหมาเข้าไป
ที่อยู่อาศัยของเจ้าสวะหมาเรียบง่ายมาก นอกจากเตียงสองสามหลัง โต๊ะสองสามตัว ในห้องที่กว้างขวางก็กลับไม่มีของอย่างอื่นอีก
“ฉันไปทำอาหาร คุณดูๆ ตามสบาย” เจ้าสวะหมาเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น
ได้ยินคำพูดของเจ้าสวะหมา เยี่ยหวันหวั่นก็ชะงักเล็กน้อย สุดยอดอภิมหาบอสผู้นี้ถึงกับทำอาหารเป็นด้วย มีสไตล์เป็นผู้ชายติดบ้านนิดหน่อยจริงๆ
“คุณหนูเยี่ยกินเนื้อไหม” เจ้าสวะหมามองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยถาม
“กิน!” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้ารัว
“โอ้…แต่ไม่มีนะ ช่วงนี้ฉันกินเจ” เจ้าสวะหมาพูดจบก็หันตัวเดินเข้าครัวไป
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก แม่มเอ๊ย แล้วนายจะถามฉันทำไมว่ากินหรือไม่กินเนื้อ!?
หลังเจ้าสวะหมาเข้าห้องครัว เยี่ยหวันหวั่นก็สำรวจมองรอบบ้าน
ที่ที่เจ้าสวะหมาอยู่ไม่เลวเลยทีเดียว พื้นที่กว้างขวางมาก แต่ทว่าก็ค่อนข้างไร้ชีวิตชีวา ในบ้านแม้จะจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ถ้าตกแต่งง่ายๆ อีกสักรอบก็จะยิ่งน่าอยู่ขึ้น
บนผนังไม่ไกลแขวนรูปถ่ายหนึ่งใบ รูปลักษณ์คนในรูปถ่ายนอกจากจะใกล้เคียงกับเยี่ยหวันหวั่นแล้ว หน้าตาก็ยังสวยมาก
ผ่านไปชั่วครู่ เยี่ยหวันหวั่นก็นั่งลงบนโซฟา ในใจอดทอดถอนใจไม่ได้ เธอกับเจ้าสวะหมาดันเป็นเพื่อนบ้านกัน…เป็นเพื่อนบ้านกับสุดยอดบอสอย่างนี้ แรงกดดันไม่น้อยเลยจริงๆ
———————————————————————————————-
บทที่ 1350 คนละชั้น
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เจ้าสวะหมาก็ยกอาหารขึ้นโต๊ะอาหาร
เยี่ยหวันหวั่นกวาดตามองหนึ่งรอบ ถึงแม้ทั้งหมดเป็นจานผัก แต่มองแล้วกลับน่ากินมาก ไม่คิดมาก่อนเลยว่าฝีมือการทำอาหารของเจ้าพ่อแบบนี้จะยังนับว่าไม่เลว
“คุณหนูเยี่ย เชิญ” เจ้าสวะนั่งที่โต๊ะอาหารก่อนจะเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่เกรงใจ ขยับตะเกียบแล้ว
ฝีมือทำอาหารไม่เลวบ้าบอ เยี่ยหวันหวั่นสาบานว่าเธอยอมไปกินตั๊กแตนทอดดีกว่า!
อาหารนี้นอกจากหน้าตาแล้วก็ไม่มีข้อดีตรงไหนอีก ยากจะกลืนลงของแท้…
“ท่านหมา คนนั้นเป็นภรรยาของคุณเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นชี้ไปยังอัลบั้มรูปที่อยู่ไม่ไกล
ได้ยินแบบนั้นเจ้าสวะหมาก็เหลือบมองอัลบั้มรูปแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยเสียงเรียบ “นั่นแม่ฉัน”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
“แม่ฉันจากไปเร็วมาก คุณกับแม่นิสัยคล้ายๆ กัน” เจ้าสวะหมาพินิจมองเยี่ยหวันหวั่นหลายทีแล้วเอ่ยปาก
ได้ยินแบบนั้นเยี่ยหวันหวั่นนิ่งอึ้งเล็กน้อย นิสัยคล้ายกัน หรือจะหมายถึงตอนที่คาสิโน…เธอปกป้องเจ้าสวะหมา?
“ท่านหมา ด้วยตัวตนอย่างคุณ น่าจะรู้หลายอย่างใช่หรือเปล่า…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างแฝงความหมาย
“อย่างไหน” เจ้าสวะหมากินอาหารรสชาติแสนห่วยไปพลางเอ่ยตอบไปพลาง
“อย่างพันธมิตรอู๋เว่ย…ท่านหมาน่าจะคุ้นเคยดีมั้ง ฉันได้ยินมาว่า ชื่อเล่นของท่านหมา ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยคนนั้นเป็นคนตั้ง…” เยี่ยหวันหวั่นพูดหยั่งเชิง
แต่ทว่าได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น คิ้วของเจ้าสวะหมากลับชะงักเล็กน้อย
“เหมือนจะชื่อไป๋เฟิงใช่ไหม…” ผ่านไปชั่วครู่ เจ้าสวะหมาก็ส่ายหน้า “ไม่คุ้น”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก มารดาเถอะ ไม่คุ้ง่ายๆ แค่หนึ่งประโยคเนี่ยนะ ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยวางแผนทุกวิถีทางเพื่ออยากท้าทายเจ้าสวะหมา ถูกเจ้าสวะหมาอัดเละกับพื้นไปหนึ่งยก ผลคือจนถึงตอนนี้ คนเขากลับไม่คุ้นเคยกับผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยสักกระผีกริ้น นี่คือไม่เคยสนใจ ไม่มองผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยอยู่ในสายตาเลยสินะ…
“งั้น…ท่านหมารู้จักกองกำลังอาชูร่าหรือเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นถามต่อ
“เคยได้ยิน” เจ้าสวะหมาพยักหน้า มองเยี่ยหวันหวั่น “คุณคนขายประตู สนใจพวกกองกำลังรัฐอิสระมากเหรอ”
ได้ยินแบบนั้น เยี่ยหวันหวั่นยิ้มพลางเอ่ยอธิบาย “ท่านหมา ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ฉันทำมาค้าขาย เข้าใจพวกกองกำลังของรัฐอิสระก็ปกติไม่ใช่เหรอ…”
ได้ยินคำอธิบายของเยี่ยหวันหวั่น เจ้าสวะหมาพยักหน้า ก็สมเหตุสมผลอยู่บ้าง
“อาชูร่ากองกำลังแบบนี้ นับว่าเป็นระดับสูงสุดในรัฐอิสระก็ว่าได้” เจ้าสวะหมาเอ่ยปาก
ดูๆ แล้ว นี่มันโคตรแตกต่างเลยนะ ถามถึงผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย คนเขาบอกไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย แต่ถามถึงอาชูร่ากลับตอบทันที…
“ท่านหมาน่าจะรู้จักผู้นำอาชูร่าสินะ…” เยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ยปาก
ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยกับผู้นำอาชูร่ามีความแค้นใหญ่หลวงต่อกัน เยี่ยหวันหวั่นก็อยากเข้าใจผู้นำอาชูร่าให้แน่ชัด
“เคยได้ยิน” เจ้าสวะหมาพยักหน้า
“งั้น…ผู้นำอาชูร่าแข็งแกร่งมากไหม เทียบกับผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยเป็นยังไง” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“น่าจะ…คนละชั้นกันมั้ง” เจ้าสวะหมามองเยี่ยหวันหวั่น
“งั้น ผู้นำอาชูร่าแข็งแกร่งมากไหม” เยี่ยหวันหวั่นถามอีก
“ก็พอได้นะ เคยได้ยินเรื่องของผู้นำอาชูร่ามาบ้าง” เจ้าสวะหมาเอ่ย
เวลานี้ในใจเยี่ยหวันหวั่นอดถอนหายใจไม่ได้ ทำให้ระดับสูงส่งอย่างเจ้าสวะหมาพูดว่าก็พอได้ออกมาได้ ก็พิสูจน์ความน่ากลัวของผู้นำอาชูร่าได้แล้ว
สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ให้เธอไปจัดการอาชูร่า จะให้เธอไปตายหรือยังไง
“พันธมิตรอู๋เว่ยก็ดี อาชูร่าก็ดี ทางที่ดีอย่าไปเข้าใจมากดีกว่า ตั้งใจทำธุรกิจก็พอ ไม่จำเป็นต้องไปเกี่ยวข้องกับกองกำลังพวกนี้มากเกินไป” เจ้าสวะหมามองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ย