บทที่ 1359 มาบ้านฉันสิ
หรือว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่ล่วงเกินเยี่ยนสยงเกี่ยวข้องอะไรกับคูกู่?
คิดมาถึงตรงนี้ผู้คนที่มุ่งอยู่นอกห้องก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่น่าล่ะผู้หญิงคนนั้นถึงได้อวดดีไม่เห็นเยี่ยนสยงอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ที่แท้ก็รู้จักกับคูกู่นี่เอง!
วินาทีนี้ เยี่ยนสยงหน้าซีดเผือด เขารีบวิ่งออกจาห้อง 302 ของพวกเยี่ยหวันหวั่น
“คูกู่…แม่เอ็งเถอะ…เพื่อผู้หญิงคนเดียวนายกลับกล้าเป็นศัตรูกับตระกูลเยี่ยนของเรา นายทำอย่างงี้ขออนุญาตจี้หวงรึยัง…รอก่อนเถอะ เราได้เห็นดีกันแน่!”
เยี่ยนสยงวิ่งออกจากห้อง 302 แล้วตะโกนเสียงดังลั่น
หนึ่งในผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยนของพวกเขารู้จักกับจี้ซิวหร่าน แล้วตอนนี้ผู้อาวุโสท่านนั้นก็บังเอิญรับรองแขกคนสำคัญอยู่ที่ไนท์คลับแห่งนี้พอดี!
“พี่สยง…” ผู้หญิงชุดแดงที่ยืนอยู่ข้างเยี่ยนสยงทำตัวไม่ถูก
“เหอะ ฉันจะไปเรียกลุงสี่มา!”
……
ในห้อง 302 คูกู่มองจี้หวง ท่าทางเหมือนกำลังรอฟังคำสั่งอยู่
“ไม่ต้องตามไปแล้ว เรียกคนมาเก็บกวาดที่นี่ให้สะอาด” จี้ซิวหร่านเอ่ยอย่างไม่แยแส
คูกู่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกไป ไม่นานก็พาผู้จัดการไนท์คลับกลับมาด้วย
พอเห็นศพนอนเกลื่อนพื้น ผู้จัดการไนท์คลับเหงื่อแตกไปทั้งตัว เม็ดเหงื่อไหลอาบหน้าผากเหมือนสร้อยไข่มุกที่สายขาด
“เก็บกวาดให้เรียบร้อย” คูกู่สั่งเสียงเย็น
“ครับๆๆ…ได้เลยครับ จะรีบเก็บกวาดเดี๋ยวนี้!”
ผู้จัดการไนต์คลับสั่งให้พนักงานขนศพออกไป แล้วจัดการเก็บกวาดห้องอย่างระมัดระวังจนสะอาดเหมือนเดิม จากนั้นจึงค่อยขอตัวออกไป
ในห้อง ชีซิงกับเป่ยโต่วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสองอยู่ในพันธมิตรอู๋เว่ย เห็นเรื่องพวกนี้จนชินแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นแสร้งเหลือบมองจี้หวงเหมือนไม่ตั้งใจ ผู้ชายตรงหน้านี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็มักจะมีรอยยิ้มจางๆ อยู่บนใบหน้าเสมอ เหมือนเด็กหนุ่มข้างบ้านที่ไม่มีพิษไม่มีภัยคนหนึ่งเท่านั้น…
แต่ทว่า ผู้ชายที่ดูเหมือนอ่อนโยนอย่างนี้ กลับเป็นราชาจอมเผด็จการที่กุมอำนาจมืดทั่วทั้งยุโรปไว้ในกำมือ…คนอย่างนี้ มีหรือจะไม่ใช่คนเลือดเย็นและโหดเหี้ยม…
เกรงว่าคนอื่นคงถูกหน้าตาไร้พิษภัยของเขาหลอกเอาได้ ถ้าหากคิดไปว่าจี้หวงไร้พิษภัยจริงๆ…นั่นคงกลายเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในโลกนี้แล้ว ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงและเสียหายถึงขั้นทำลายล้างเลยก็ว่าได้…
“ใช่แล้ว อีกสองสามวันมาที่บ้านฉันสิ” จี้หวงไม่พูดถึงเรื่องเมื่อกี้ แต่หันมาเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่นเสียงเบา
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย
นอกจากอำนาจของตัวเองแล้ว จี้หวงยังเป็นผู้สืบทอดของตระกูลจี้ หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของรัฐอิสระ…
ให้เธอไปบ้านเขา ก็หมายความว่าให้ไปตระกูลจี้ หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของรัฐอิสระ…
เพียงแต่ การที่คู่หมั้นฝ่ายหญิงไปเยี่ยมบ้านคู่หมั้นฝ่ายชายก็เหมือนจะเป็นเรื่องปกติ เยี่ยหวันหวั่นเลยไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาบอกปัดเขา
“ได้ อีกสองสามวันถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่…” สุดท้ายเยี่ยหวันหวั่นก็ตกปากรับคำ
จี้ซิวหร่านพยักหน้าเล็กน้อย
……
ขณะเดียวกัน เยี่ยนสยงวิ่งไปที่ห้องพิเศษที่ดูหรูหราห้องหนึ่งในไนต์คลับ
“ลุงสี่!”
เยี่ยนสยงเปิดประตูห้องเข้าไปด้วยท่าทางเดือดดาลเต็มที่
เบื้องหน้า ชายชราผมขาวทั้งหัวกำลังยิ้มกว้าง ข้างกายเขามีชายหนุ่มท่าทางเย็นชาสุดขั้วคนหนึ่งนั่งอยู่
นัยน์ตาของชายหนุ่มราวกับน้ำแข็งพันปีที่ไม่มีวันละลาย รังสีอำมหิตแผ่กระจายทั่วตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า
ชายหนุ่มคนนี้ราวกับเป็นลูกรักพระเจ้า หน้าตาหล่อเหลาไม่มีที่เปรียบ แต่เพราะรังสีอำมหิตที่แรงกล้าเกินไป ทำให้ความสนใจของคนรอบข้างพุ่งไปที่รังสีนั้นแทน กระทั่งไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ ด้วยซ้ำ
————————————————————————————-
บทที่ 1360 ท่านที่อยู่ข้างใน ก็คือนายแห่งอาชูร่า!
“นายท่าน…นายท่านเห็นว่ายังไงถ้าพวกผมจะส่งของให้ในจำนวนนี้ทุกเดือน…” ลุงสี่แห่งตระกูลเยี่ยนมองชายหนุ่ม กล่าวด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง แถมยังยิ้มอย่างเอาอกเอาใจ
“ลุงสี่ ไม่ต้องคุยแล้ว ผมโดนคนอื่นรังแกมา!” พอเห็นลุงสี่ไม่สนใจตัวเอง เยี่ยนสยงรีบเดินตรงไปหาชายชรากับชายหนุ่ม
แต่เยี่ยนสยงเพิ่งจะก้าวเข้าไปใกล้ นัยน์ตาที่เย็นเยียบไปจนถึงกระดูกของชายหนุ่มก็ตวัดมองมาที่เขาเล็กน้อย
เพียงสายตาเดียว เยี่ยนสยงรู้สึกราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง แขนขาทั้งสี่ข้างแข็งทื่อราวกับโดนแช่เย็น
“แม่เอ็งเถอะ!”
ลุงสี่แห่งตระกูลเยี่ยนลุกขึ้น ไม่เปิดโอกาสให้เยี่ยนสยงพูดอะไร เขาตวัดหลังมือใส่หน้าเยี่ยนสยงอย่างแรง
“เพี๊ยะ” เสียงแหลมใสดังชัดเจน แสดงให้เห็นว่าใช้แรงไม่น้อย
เยี่ยนสยงกุมหน้ามองชายชราอย่างไม่เข้าใจ แล้วพูดอย่างอัดอั้นใจ “ลุงสี่ ลุงตบผมทำไม?!”
“ไอ้เด็กเวร ไม่ดูตาม้าตาเรือซะบ้างว่าฉันกำลังคุยกับใครอยู่ เสียมารยาทวิ่งเข้ามาเอะอะโวยวายอย่างงี้ แกอยากตายรึไง?!” ลุงสี่แห่งตระกูลเยี่ยนตวาดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธ
ลุงสี่แห่งตระกูลเยี่ยนหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งข้างกาย แล้วพยายามฉีกยิ้ม “นายท่าน…ขายหน้านายท่านซะแล้ว นี่หลานชายผมครับ…น่าจะมีคนไม่รู้ที่ต่ำที่สูงมาหาเรื่องเขาเข้า…”
ชายหนุ่มมองลุงสี่แห่งตระกูลเยี่ยนด้วยใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ สุดท้ายก็เอ่ยอย่างไม่แยแส “งั้นก็ไสหัวออกไปจัดการซะ”
“ครับๆๆ…นายท่าน ผมจะออกไปจัดการเดี๋ยวนี้…” ชายชราพยักหน้าถี่ๆ
เยี่ยนสยงมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ผู้ชายคนนี้เป็นใครมาจากไหนกัน ถึงได้กล้าพูดจาอย่างงี้กับลุงสี่?!
ที่น่าแปลกที่สุดก็คือ ลุงสี่ยังคงก้มหัวค้อมเอวให้เขาตลอด เหมือนหวาดกลัวผู้ชายคนนี้มาก โอเวอร์เกินไปรึเปล่า?!
ไม่นาน ชายชราก็พาเยี่ยนสยงเดินออกจากห้องไป
“ลุงสี่ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทำไมถึงได้อวดดีขนาดนี้?!” เยี่ยนสยงมองชายชราอย่างไม่เข้าใจ
ลุงสี่แห่งตระกูลเยี่ยนได้ยินก็ตวัดหลังมือใส่หน้าเยี่ยนสยงแรงๆ อีกครั้ง “แกไม่อยากอยู่แล้วรึไงวะ?! พูดเบาๆ หน่อย! ถ้าท่านนั้นได้ยินเข้า ถึงตายแล้วแกก็จะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายยังไง!”
“โอเวอร์ขนาดนี้เลย…คงไม่ใช่…จี้หวงหรอกนะ?” เยี่ยนสยงนึกเชื่อมโยงไปถึงการปรากฏตัวของคูกู่ในไนต์คลับคืนนี้
“เจ้าโง่ ท่านที่อยู่ข้างในนั่น…ก็คือนายแห่งอาชูร่า!” ลุงสี่กล่าว
“อะไรนะ…นะ…นะ…นายแห่งอาชูร่า?!” หลังจากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เยี่ยนสยงก็ตกใจเหงื่อแตกพลัก
หนึ่งในกลุ่มอำนาจที่เคยน่ากลัวที่สุดในรัฐอิสระ ผู้นำของอาชูร่า…นายแห่งอาชูร่า ฉายาเจ้าแห่งราตรี
โหดเหี้ยมอำมหิต เด็ดขาดไร้ความปรานี ไม่เห็นสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
ว่ากันว่านายแห่งอาชูร่าผู้นี้ มีสายสัมพันธ์กับตระกูลซือซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ของรัฐอิสระด้วย…
“เอาล่ะ อย่ามัวแต่พูดมาก มาหาฉันมีเรื่องอะไร!” ลุงสี่แห่งตระกูลเยี่ยนมองหน้าเยี่ยนสยงแล้วถาม
เยี่ยนสยงจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลุงสี่แห่งตระกูลเยี่ยนฟัง
ลุงสี่แห่งตระกูลเยี่ยนฟังจนจบก็โมโห “มีเรื่องอย่างงนี้ด้วยเหรอ…คูกู่จะหยามหน้าตระกูลเยี่ยนของเราเกินไปแล้ว! คืนนี้ฉันต้องได้คำอธิบายจากคูกู่!”
“ลุงสี่ คูกู่เป็นคนของจี้หวง…ถ้าพวกเรามีเรื่องกับเขา จะไม่…” เยี่ยนสยงขมวดคิ้ว
“ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ฉันรู้ดี ฉันจะอธิบายกับจี้หวงด้วยตัวเอง” ลุงสี่แห่งตระกูลเยี่ยนบอก
ไม่นาน ลุงสี่แห่งตระกูลเยี่ยนก็เรียกตัวยอดนักสู้มาสิบกว่าคน เจ้าคูกู่นั่นถึงจะเก่งอีกแค่ไหนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของยอดนักสู้สิบกว่าคนของตระกูลเยี่ยนอยู่ดี!
ในบรรดาแปดเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ภายใต้อำนาจจี้หวง ความสามารถของคูกู่จัดอยู่แค่ระดับท้ายสุดเท่านั้น ได้ยินมาว่าคูกู่ไม่ได้เก่งเรื่องวรยุทธ์ที่สุด แต่เป็นกุนซือที่ถนัดใช้สมองมากกว่า