บทที่ 1369 ใจเย็นอย่าวู่วาม
“ท่านผู้นำ คุณก็รู้ว่าหลายปีมานี้ อำนาจของพันธมิตรอู๋เว่ยเราเทียบกับช่วงที่รุ่งเรืองไม่ได้แล้ว ส่วนตระกูลเยียนกลับก้าวหน้าได้ไม่เลวเลย…
ต่อให้ผู้นำอยากลงมือกับตระกูลเยียน ก็ควรศึกษากลยุทธ์อย่างรอบคอบ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการผลักพวกเราพันธมิตรอู๋เว่ยเข้ากองเพลิงไม่ใช่เหรอ” ชายชราชุดขาวข้างผู้อาวุโสสามจ้องเยี่ยหวันหวั่นพลางแค่นหัวเราะเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นเคยเห็นหน้าชายชราชุดขาวคนนี้แล้ว เขาเป็นคนระดับกลางถึงระดับสูงของฝ่ายผู้อาวุโสสาม
“อีกอย่าง หลังจากนายของอาชูร่ากลับมา ทุกเดือนตระกูลเยียนจะลอบส่งส่วยให้นายของอาชูร่า…ตอนนี้ ผู้นำพันธมิตรลงมือกับตระกูลเยียน เท่ากับว่าท้าทายอำนาจของนายแห่งอาชูร่า…ผู้นำพันธมิตรเคยคิดถึงผลที่จะตามมาหรือเปล่า?” ชายชราชุดขาวเห็นเยี่ยหวันหวั่นไม่เอ่ยปาก ก็เริ่มยกตนข่มท่าน
เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเยาะในใจไม่หยุด คำกล่าวหาที่ไร้มูลเหตุพวกนี้ พวกเขาพูดราวกับว่าเธอกระทำจริงแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นไหนเลยจะไม่รู้ ตาแก่พวกนี้ไม่สนใจว่าเธอจะลงมือกับตระกูลเยียนหรือเปล่า และไม่สนใจด้วยว่าเยียนสยงถูกเธอฆ่าไหม อยากใส่ความกันจะอย่างไรก็หาข้ออ้างได้
“ผู้นำพันธมิตร เรื่องนี้ผมว่า…ทางที่ดีคุณหาคำอธิบายให้ตระกูลเยียนดีกว่า…แล้วก็ให้คำอธิบายพี่น้องทั้งพันธมิตรอู๋เว่ยของเราด้วย” ชายชราชุดขาวพล่ามไม่หยุด
สายตาของเยี่ยหวันหวั่นมองไปที่ของชายชราชุดขาวช้าๆ นิ้วเคาะผิวโต๊ะประชุมเบาๆ
“นี่คุณกำลังสอนฉันให้ทำยังไงงั้นเหรอ?” ดวงตาเย็นยะเยือกของเยี่ยหวันหวั่นมองไปยังชายชราชุดขาว
“หึๆ มิกล้า ผมไม่ได้กำลังสอนคุณว่าต้องทำยังไง แต่ยังไงผู้นำก็ยังอายุน้อย บางเรื่องคิดได้ไม่ค่อยถี่ถ้วน” ชายชราชุดขาวเอ่ย
“ถูกต้อง ผู้นำยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ รัฐอิสระตอนนี้ไม่ใช่รัฐอิสระเหมือนตอนนั้นแล้ว ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเรียกลมเรียกฝนต่อไปได้ ผู้นำคิดเพื่อพวกเราพันธมิตรอู๋เว่ยให้มากหน่อย ไม่ใช่ทำตามใจอยาก”
“ตอนแรกพวกเราคิดว่าผู้นำกลับมาได้เร็วหน่อย ก็จะนำพาพันธมิตรอู๋เว่ยกลับไปถึงจุดสูงสุดได้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว…เฮ้อ…”
คนเบื้องบนของฝ่ายผู้อาวุโสสามจำนวนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์
เยี่ยหวันหวั่นกวาดตาผ่านทุกคน หลังเงียบไปครู่หนึ่งก็พยักหน้า ส่งเสียงถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ถูกต้อง…อย่างที่ทุกท่านว่า มีเหตุผลจริงๆ ตั้งแต่กลับมารัฐอิสระ กลับมาพันธมิตรอู๋เว่ย ฉันคิดเรื่องภายในพันธมิตรน้อยมาก วันนี้ทุกท่านช่วยเตือนฉันแล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ผู้อาวุโสหลายคนกับเบื้องบนของฝ่ายผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งต่างชะงักงัน ไม่นึกว่าเธอจะยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง…
“พันธมิตรอู๋เว่ยก่อตั้งโดยฉัน จนถึงวันนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว…และภายในพันธมิตรก็แทบไม่มีสายเลือดใหม่เลย…ฉันคิดว่าทุกท่านก็น่าจะเข้าใจ ถ้าอยากพัฒนา คนรุ่นใหม่เป็นสิ่งจำเป็น” เยี่ยหวันหวั่นพูดถึงตรงนี้ก็ยกมุมปากขึ้นน้อยๆ “หลิวอิ่ง พวกนายเข้ามาสิ”
สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น ประตูโถงประชุมก็ถูกเปิดออก หลิวอิ่งกับกลุ่มทหารรับจ้างห้าคนก้าวยาวๆ เข้ามา
“พี่เฟิง!”
หลิวอิ่งมองเยี่ยหวันหวั่น เรียกด้วยน้ำเสียงเคารพนับถือ
เมื่อเห็นพวกหลิวอิ่งกับเหล่าเจียงทั้งหกคน สีหน้าของทุกคนในที่นั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย เต็มไปด้วยความมึนงง ไม่รู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นคิดจะทำอะไรกันแน่
“ผู้นำพันธมิตร พวกเขาเป็นใคร การประชุมสำคัญขนาดนี้ หมาแมวที่ไหนก็เข้ามาฟังได้เหรอ?!” ชายชราชุดขาวแค่นเสียงเย็น สีหน้าไม่พอใจถึงขีดสุด
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยว่า “ใจเย็นอย่าวู่วาม”
———————————————————————————-
บทที่ 1370 ทั้งหมดเป็นของฉัน
เยี่ยหวันหวั่นกล่าว “คนพวกนี้มีความสามารถไม่เลว ที่สำคัญที่สุดคือต่างเป็นคนหนุ่มสาว…เหมาะกับสไตล์ของพันธมิตรอู๋เว่ยพวกเรามาก…นี่ก็คือสายเลือดใหม่ที่ฉันพูดถึงเมื่อกี้”
ไม่เปิดโอกาสให้ทุกคนเอ่ยปาก เยี่ยหวันหวั่นชายตามองชายชราชุดขาว “ในพันธมิตรอู๋เว่ยคุณอยู่ตำแหน่งอะไร?”
“ฝ่ายประสานงานภายนอก” ชายชราชุดขาวตอบเสียงเย็น
ได้ยินดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็พยักหน้าแล้วหันมองหลิวอิ่ง “หลิวอิ่ง สนใจตำแหน่งฝ่ายประสานงานภายนอกหรือเปล่า?”
“สนใจครับ” หลิวอิ่งตอบ
“ดี งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายก็เข้าร่วมฝ่ายประสานงานภายนอก ไม่มีปัญหาสินะ” เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ
“พี่เฟิง ไม่มีปัญหาครับ” หลิวอิ่งพยักหน้า
“หึ เขาไม่มีปัญหา แต่ฉันมี” ชายชราชุดขาวมองเยี่ยหวันหวั่น “ผู้นำพันธมิตร การโยกย้ายคนจะทำตามใจชอบแบบนี้ไม่ได้ คนฝ่ายประสานงานภายนอกทุกคนต่างพิเศษและแทนที่ไม่ได้ ตอนนี้ฝ่ายประสานงานภายนอกของพวกเราไม่ขาดกำลังคน”
“อ้อ…ไม่ขาดคน…อย่างนี้นี่เอง…” เยี่ยหวันหวั่นตกอยู่ในภวังค์ นิ้วเคาะผิวโต๊ะไม่หยุด ผ่านไปครู่หนึ่งก็เงยหน้ามองชายชราชุดขาว จากนั้นหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “งั้นเอาแบบนี้ ถอดตำแหน่งของคุณออกแล้วกัน”
พูดจบก็ไม่เปิดโอกาสให้ชายชราชุดขาวเอ่ยปาก เยี่ยหวันหวั่นหันไปพูดกับหลิวอิ่ง “หลิวอิ่ง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นายมาแทนที่ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายประสานงานภายนอก มีปัญหาไหม”
เมื่อได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดเช่นนี้ ดวงตาของหลิวอิ่งมีประกายประหลาดใจวาบผ่าน
พันธมิตรอู๋เว่ยที่รัฐอิสระ แม้จะเป็นสมาชิกทั่วไป ตำแหน่งและเกียรติยศก็ไม่มีทางที่หัวหน้าบอดี้การ์ดลับของตระกูลซือจากประเทศจีนจะเทียบเคียงได้…หัวหน้าฝ่ายประสานงานภายนอก…
หลิวอิ่งไม่เคยนึกแม้แต่น้อยว่าตัวเองจะมีวันนี้…
หลิวอิ่งไม่พูดสักคำ ย่างสามขุมไปข้างตัวชายชราชุดขาว ไม่รอให้ชายชราชุดขาวได้สติกลับมา หลิวอิ่งก็ดึงคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วโยนไปด้านข้างทันที
ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน หลิวอิ่งนั่งลงบนตำแหน่งของชายชราชุดขาว จากนั้นหันมองเยี่ยหวันหวั่น “พี่เฟิง ไม่มีปัญหา!”
ฝ่ายประสานงานภายนอกของพันธมิตรอู๋เว่ย แทบจะเป็นการรวมกลุ่มคนธรรมดาที่ต่อสู้ไม่เป็น ชายชราชุดขาวคนนั้นจะขัดขวางหลิวอิ่งได้ที่ไหน
“เหลวไหล…เหลวไหลทั้งเพ!” เวลานี้ ชายชราชุดขาวตะโกนอย่างเดือดดาล “ต่อให้คุณเป็นผู้นำพันธมิตร ก็ไร้กฎเกณฑ์แบบนี้ไม่ได้ ผมปั้นฝ่ายประสานงานภายนอกขึ้นมากับมือ ใครก็เอาตำแหน่งผมไปไม่ได้!”
“ถูกต้อง ต่อให้เป็นผู้นำก็ทำซี้ซั้วไม่ได้!”
“ฮึ ทำบ้าอะไร นี่ผู้นำกำลังล้อเล่นใช่ไหม?”
เบื้องบนคนอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์ไม่เลวกับชายชราชุดขาวเอ่ยปากทันที
แววตาเย็นเยียบเสียดกระดูกของเยี่ยหวันหวั่นกวาดมองทั้งห้องประชุมหนึ่งรอบ จากนั้นสายตาก็หยุดบนตัวชายชราชุดขาว มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย โค้งเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย “คุณน่ะ เกรงว่าคงเข้าใจผิดบางอย่าง…ฝ่ายประสานงานภายนอกเป็นของคุณเหรอ? งั้นก็น่าจะรู้นี่ว่าพันธมิตรอู๋เว่ยทั้งหมดเป็นของฉัน!?”
ไม่เปิดโอกาสให้ทุกคนเอ่ยปาก เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเย็นเอ่ยต่อ “เกรงว่าฉันคงไม่ได้กลับมานานเกินไป ทุกคนที่นี่เลยใกล้จะลืมฉันหมดแล้ว…เรื่องที่ฉันจะทำ เรื่องที่ตัดสินใจ อย่าบอกนะว่ายังต้องถามความเห็นของพวกคุณ?”
คำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ทำเอาทุกคนพูดไม่ออก
“ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกคุณต้องจัดการให้ผมนะ!” ชายชราชุดขาวมองพวกผู้อาวุโสสามทันที
ผู้อาวุโสสามหลี่ซือมีรอยยิ้มเต็มหน้า ดื่มชาในแก้วหนึ่งอึกก่อนจะกล่าว “ผู้นำพันธมิตรพูดถูกแล้ว ทั้งพันธมิตรอู๋เว่ยเป็นของคุณ การโยกย้ายบุคลากรย่อมไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลายกับคนอื่นให้มาก…นอกจากนั้นก็เป็นอย่างที่ผู้นำว่า พันธมิตรอู๋เว่ยต้องการคนรุ่นใหม่เหมือนกัน”