บทที่ 1379 ควรขอบคุณผม
เวลานี้ชีซิงมองเยี่ยหวันหวั่น เผยสีหน้าครุ่นคิด
ตอนแรกเขาอยากยืมเรื่องครั้งนี้มาหยั่งเชิงผู้หญิงคนนี้สักหน่อย แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเธอรู้ว่าแทรนซ์คือคนตะวันออก…
แทรนซ์เป็นปริศนามากในรัฐอิสระ มีน้อยคนที่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ส่วนมากคิดว่าแทรนซ์เป็นคนตะวันตก อีกทั้งแม้แต่ตัวเขาเองก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าแทรนซ์แท้จริงแล้วคือคนตะวันออก…
ดังนั้นชีซิงจึงจัดคนตะวันตกคนหนึ่งมาแสดงละครหยั่งเชิงเยี่ยหวันหวั่น…
“พี่เฟิง…” ชีซิงเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่นเสียงเบา
“มีอะไร” ได้ยินแบบนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็แสร้งมองชีซิงอย่างไม่รู้ตัว
“ไม่มีอะไร…” ชีซิงงึมงำด้วยสีหน้าซับซ้อน
ยังไม่รอเยี่ยหวันหวั่นพูดต่อ เวลานี้เสียงหัวเราะเย็นชาหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากข้างนอก เยี่ยหวันหวั่นหันไปโดยจิตใต้สำนึก
ชายสวมชุดสูทสีดำ บุคลิกมีความเป็นผู้ใหญ่และเป็นสุภาพบุรุษ อายุราวสามสิบกว่าคนหนึ่งเข้ามาในสายตาของเยี่ยหวันหวั่น
“คุณหนูไป๋ ไม่เจอกันเจ็ดปี ตอนนี้คุณสวยเอาๆ แล้ว ถ้าเดินบนถนน ผมเพื่อนเก่าแก่คนนี้เกรงว่าก็คงจำคุณไม่ได้” บรรยากาศของชายคนนี้แข็งแกร่งมาก หลังเขามาเขาก็ถือวิสาสะนั่งลงที่ด้านข้าง พินิจมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างเงียบเชียบ
ได้ยินคำพูดนี้ เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วน้อยๆ ชายชาวตะวันออกตรงหน้านี้น่าจะเป็นแทรนซ์ตัวจริงแล้ว…
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” เยี่ยหวันหวั่นมองชายหนุ่มพร้อมเอ่ยปากเสียงเย็นชา
“ไม่มีอะไร คุณจากรัฐอิสระไปเจ็ดปี ตอนนี้จู่ๆ ก็กลับมา หน้าตาก็ไม่เหมือนเดิม ผมย่อมอยากลองดูว่าคุณใช้ไป๋เฟิงตัวจริงหรือเปล่า ถ้าเป็นหมาแมวสวมรอยมาจะไม่ค่อยดีใช่ไหมล่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มพลางพูดต่อ “อีกอย่าง ลูกน้องพวกนี้ของคุณในใจมากน้อยก็คงสงสัยอยู่บ้าง ผมช่วยคุณพิสูจน์สักรอบไม่ดีหรอกเหรอ คุณควรขอบคุณผมถึงจะถูก”
ผู้อาวุโสสามได้ยินคำพูดนี้ก็พลันมีสีหน้าทะมึนลง
ในรัฐอิสระคนที่รู้ว่าแทรนซ์เป็นคนตะวันออกมีอยู่ไม่กี่คน ในเมื่อเยี่ยหวันหวั่นรู้ว่าแทรนซ์เป็นคนจีน หรือว่าเธอคือไป๋เฟิงจริงๆ …
ผู้อาวุโสสามเดินออกจากโถงประชุมอย่างไร้สุ้มเสียงทันที
“ไป! เริ่มตรวจสอบจากตระกูลโจวให้ฉัน จะแฝงตัวไปสืบถามก็ดี หรือจะใช้ไม้แข็งก็ได้ ตรวจสอบประวัติของผู้หญิงคนนี้ให้หมด…”
ผู้อาวุโสหลี่ซือเอ่ยปากสั่งการลูกน้อง
ได้ยินแบบนั้นพวกคนหนุ่มสาวพยักหน้ารับคำสั่งแล้วหมุนตัวจากไป
“ผู้อาวุโสสาม…ในเมื่อผู้อาวุโสมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้นำตัวปลอม แล้วทำไมไม่ฆ่าเธอโดยตรงเลยล่ะ ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนด้วยเหรอ” ชายหนุ่มคนหนึ่งมองผู้อาวุโสสามถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“หึ เรื่องนี้ไหนจะง่ายอย่างที่เธอคิด” ผู้อาวุโสสามแค่นเสียงเย็น “ตั้งแต่ผู้นำหายตัวไป พันธมิตรอู๋เว่ยก็แตกแยกโดยสมบูรณ์ เธอนึกว่าทั้งพันธมิตรอู๋เว่ยนอกจากเป่ยโต่วเจ้าโง่นั่น ใครก็เชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นคือผู้นำที่แท้จริงเหรอ”
ผู้อาวุโสสามมองชายหนุ่ม เอ่ยด้วยสีหน้าดูถูก
“ผู้อาวุโสสามหมายความว่า…” ชายหนุ่มได้ยินคำพูดนี้ก็ชะงักเล็กน้อย
“พันธมิตรอู๋เว่ยตอนนี้ ความจริงแตกออกเป็นหลายฝ่ายใหญ่นานแล้ว นอกจากฝ่ายของเวินจื่อหราน ก็ยังมีฝ่ายอิสระของผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรอง…ความสัมพันธ์ภายในนี้สลับซับซ้อน ทุกๆ ฝ่ายอยากให้คนของตัวเองเป็นผู้นำพันธมิตร
ผู้หญิงคนนั้น เหตุผลที่ไม่มีคนสนใจเธอก็เพราะฝ่ายใหญ่ต่างๆ มองเธอเป็นหุ่นชักใย ใช้ตัวตนผู้นำของเธอมาตรวจสอบและสร้างสมดุล” ผู้อาวุโสสามวิเคราะห์เสียงคลุมเครือ
————————————————————————————————
บทที่ 1380 ความน่าเชื่อใจแปดส่วน
ฟังคำอธิบายของผู้อาวุโสสาม ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย “ความหมายของผู้อาวุโสสามคือ เบื้องบนของพันธมิตรอู๋เว่ยไม่เชื่อว่าเธอคือผู้นำพันธมิตรแม้แต่น้อย…แต่ก็ปล่อยตามน้ำไป จงใจยอมรับตัวตนผู้นำพันธมิตรของเธอ…เพื่อใช้ตรวจสอบและสร้างสมดุลของพันธมิตรอู๋เว่ย…”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น” ผู้อาวุโสสามยิ้มเย็น “ช่วงนี้หลายคนกำลังตามหาหลักฐานที่ว่าเธอไม่ใช่ผู้นำพันธมิตร ขอแค่หาหลักฐานเจอ ทำให้รู้เป็นวงกว้าง ก็เท่ากับสร้างคุณงามความดีใหญ่หลวงเพื่อพันธมิตรอู๋เว่ย ถึงตอนนั้นฝ่ายที่ได้คุณงามความดี ก็จะสามารถไต่ขึ้นบัลลังก์ผู้นำ…”
ชายหนุ่มพยักหน้า เสียเวลาเนิ่นนาน ผู้หญิงคนนั้นก็กลับเป็นแค่หมากตัวหนึ่งของฝ่ายใหญ่ต่างๆ เท่านั้นเอง
…
ในห้องประชุม หลังแทรนซ์ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเยี่ยหวันหวั่นหนึ่งรอบ ก็กำหนดความร่วมมือทางแผนการในการกำจัดตระกูลเยียนและหยุดยั้งอาชูร่ากับเยี่ยหวันหวั่น
หลังแทรนซ์จากไป ชีซิงที่อยู่ข้างเยี่ยหวันหวั่นก็เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังไม่พูดออกมาสักที
เยี่ยหวันหวั่นนั่งบนเก้าอี้ทำงาน ครุ่นคิดไม่เอ่ยวาจา ในสมองกำลังจัดการเรื่องราวที่เกิดขึ้นช่วงนี้
หลังจากผ่านเรื่องวันนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็รู้สึกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ว่า คิดอยากหลอกคนพวกนั้น นั่งตำแหน่งนี้ให้มั่นคง หาง่ายดายอย่างที่จินตนาการแม้แต่น้อย
อย่างผู้อาวุโสสามเบื้องบนที่แท้จริงแบบนั้น แทบทุกคนมีท่าทีต่อเธอคลุมเครืออย่างมาก ตั้งแต่แรกเริ่มก็เหมือนไม่มองเธอเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยตัวจริงสักนิดเดียว
แต่สำหรับพันธมิตรอู๋เว่ยกองกำลังระดับนี้นั้น ถ้าอยากเปิดโปงเธอจริงๆ ก็ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย แต่ตลอดที่ผ่านมาทุกคนไม่ได้ทำแบบนั้น…
ความจริงข้อนี้ทำให้เยี่ยหวันหวั่นคิดไม่ตกอยู่บ้าง
“ชีซิง” หลังไตร่ตรองชั่วขณะ เยี่ยหวันหวั่นก็หันมองชีซิง “พวกเรามาคุยกันเถอะ”
ได้ยินแบบนั้นชีซิงก็เงยหน้ามองเยี่ยหวันหวั่นทันที “พี่เฟิงอยากคุยอะไร”
“นาย รวมถึงเบื้องบนของพันธมิตรอู๋เว่ยไม่เคยเชื่อตัวตนของฉันใช่หรือเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นมองชีซิงพลางเอ่ย
ได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่นชีซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยโดยตรง “ใช่”
“ดี งั้นชีซิง…ฉันบอกนายได้ชัดเจนว่า ฉันก็คือไป๋เฟิง นายเชื่อไหม” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
“ตอนนี้เชื่อแปดส่วนแล้ว” สบกับดวงตากระจ่างใสของหญิงสาว ชีซิงเอ่ยด้วยสีหน้าลังเล
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินคำพูดนี้ก็อยากเป็นลมร้องไห้เสียตรงนั้น
มารดาเถอะทักษะการแสดงระดับออสการ์นี้ของเธอกวาดความน่าเชื่อใจได้แค่แปดส่วนเท่านั้น เด็กนี่สงสัยหนักขนาดไหนกันเนี่ย!
“ดีมาก งั้นนายลองเล่าสถานการณ์ของเบื้องบนพันธมิตรอู๋เว่ยพวกนั้นให้ฉันฟังหน่อย” เยี่ยหวันหวั่นยังคงนิ่งเฉย เอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง
ความน่าเชื่อใจแปดส่วนพอให้เธอล้วงข้อมูลจำนวนหนึ่งได้แล้ว
เป่ยโต่วเทียบกับชีซิงแล้วไม่น่าเชื่อถืออย่างรุนแรง ถ้าตัวเองสามารถทำให้ชีซิงสวามิภักดิ์ได้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก
ท่าทีของชีซิงผ่อนคลายลงหน่อยจริงๆ เขาพยักหน้าจากนั้นก็อธิบายกับเธอ “เบื้องบนปล่อยเลยไม่สนใจพี่เพราะพี่มีค่าให้ใช้ประโยชน์ ถ้าพี่ไม่ได้ปรากฏตัว พันธมิตรอู๋เว่ยก็คงทำสงครามภายในเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำนานแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ ถึงแม้จะชนะแล้วแต่พันธมิตรอู๋เว่ยก็จะกลายเป็นซาก
“และการปรากฏตัวของพี่ ก็บังเอิญสร้างสมดุลการแย่งชิงภายในพันธมิตรอู๋เว่ย ทุกฝ่ายจะตรวจสอบพี่ ใครหาหลักฐานพิสูจน์ว่าพี่ไม่ใช่ผู้นำพันธมิตรได้ก่อน คนคนนั้นก็จะสามารถไต่ขึ้นบัลลังก์ผู้นำ”
เยี่ยหวันหวั่นลูบคางอย่างครุ่นคิด จุดนี้ที่ชีซิงพูด เธอไม่คิดว่าเหนือความคาดหมายแม้แต่น้อย ถ้าตัวเธอยืนในมุมของเบื้องบนพันธมิตรอู๋เว่ย เธอก็คงทำอย่างนี้แน่