บทที่ 1387 ตระกูลเนี่ยไหน?
ไม่นาน ชายหญิงหลายสิบคนสวมเสื้อคลุมสีแดงกุหลาบ ใส่หน้ากากจิ้งจอกสีเงินค่อยๆ เดินมาหยุดยืนข้างเยี่ยหวันหวั่น จากนั้นก็ทำความเคารพเยี่ยหวันหวั่น
ชายหญิงที่ใส่หน้ากากจิ้งจอกเงินพวกนี้เป็นคนที่เยี่ยหวันหวั่นเลือกมาเองกับมือ แล้วก็เป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดของเดธโรสในตอนนี้
ทุกคนจ้องเยี่ยหวันหวั่นเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร นักสู้ที่ถูกรับเข้ามาใหม่หลายคนเพิ่งเคยเห็นเดธโรสในตำนานเป็นครั้งแรก จึงไม่มีใครกล้าพูดมาก
ตอนแรกเยี่ยหวันหวั่นทำท่าจะพูดอะไร แต่จู่ๆ เจี่ยงเฉิงกลับก้าวเข้ามาบอกกับเยี่ยหวันหวันหวั่นว่า “หัวหน้า…เมื่อกี้เกิดเรื่องนิดหน่อยครับ…”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเย็น “ว่ามา”
เจี่ยงเฉิงไม่กล้าปิดบังแม้แต่น้อย เขาเอ่ยปากอย่างระมัดระวัง “เมื่อกี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาที่นี่…ไม่รู้ไปรู้ข่าวของเดธโรสเราจากที่ไหนมา เขาตามมาจนถึงที่นี่ แล้วเช็คว่าที่นี่เป็นสำนักงานใหญ่ของเดธโรสรึเปล่า…”
สิ้นเสียงพูด พวกเหล่าเจียงกับโลลิน้อยก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
มีคนตามหาสำนักงานใหญ่ของเดธโรส ต้องการอะไรกัน?
“นายไม่ได้จับหมอนั่นไว้เหรอ?” โลลิน้อยขมวดคิ้วแล้วถามเจี่ยงเฉิง
เจี่ยงเฉิงกลับส่ายหน้า แล้วพูดด้วยสีหน้าเครียดๆ ว่า “ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะจับเขาไว้ แต่…เจ้าหนุ่มนั่นฝีมือร้ายกาจมาก…น่าละอายที่ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
ไม่ใช่คู่ต่อสู้?!
สิ้นเสียงของเจี่ยงเฉิง พวกโลลิน้อยกับเหล่าเจียงก็ทำหน้าแปลกใจ
ตอนนี้ สมาชิกใหม่ที่เดธโรสรับมาล้วนเป็นนักสู้ชั้นยอด ไม่มีใครหลอกกินไปวันๆ โดยเฉพาะเจี่ยงเฉิง ยังไงเขาก็นับเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ ของเดธโรสได้แน่นอน แม้แต่เจี่ยงเฉิงก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้…เป็นไปได้ยังไง…
เยี่ยหวันหวั่นยังคงมีใบหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับกำลังครุ่นคิด ใครกันที่มาสืบเรื่องของเดธโรส หรือว่าจะเป็นสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ…หรือไม่ก็อาชูร่า?
เพียงแต่พอคิดดูดีๆ แล้ว สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธก็ดี อาชูร่าก็ดี ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีเหตุผลให้ทำอย่างนี้…
ถ้าไม่ใช่สองกลุ่มอำนาจนี้ แล้วจะเป็นใครล่ะ?!
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันได้คิดมากไปกว่านี้ เสียงอึกทึกครึกโครมก็ดังขึ้นในคฤหาสน์
สองอึดใจต่อมา ชายชราคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในห้องโถงใหญ่อย่างร้อนรน เขารีบคุกเข่าตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่น “หัวหน้าครับ…คนของตระกูลเนี่ยมาครับ!”
“ตระกูลเนี่ย…”
เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นยืนแล้วขมวดคิ้ว
“ตระกูลเนี่ยไหน?” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“ก็…ตระกูลเนี่ยหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของรัฐอิสระไงครับ!” ชายชราหน้าซีดเผือด ผู้มาฝีมือร้ายกาจมาก ขนาดพรรคพวกหลายสิบคนยังสู้ไม่ได้
“เหอะ ตระกูลเนี่ยแล้วยังไง!” เจี่ยงเฉิงทำหน้าเย็นชา
ถึงจะเป็นตระกูลเนี่ยก็ทำตัวสามหาวต่อหน้าหญิงหม้ายชุดดำไม่ได้!
“ขอเทียนจุนอำนวยพร กล้าสวมรอยเป็นเดธโรส…ทุกท่านใจกล้ามาก! แต่…ได้คิดถึงผลที่จะตามมารึยัง?” เสียงของนักพรตใจบริสุทธิ์ดังเข้ามาจากนอกห้อง
เยี่ยหวันหวั่นสะดุดไปทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหูมาก
สิ้นเสียงของนักพรตใจบริสุทธิ์ เนี่ยอู๋หมิงกับนักพรตใจบริสุทธิ์ก็ค่อยๆ ก้าวเข้ามาในห้องโถง
“แกบอกว่าพวกฉันสวมรอยงั้นเรอ?!”
ทันใดนั้น นักสู้หลายสิบคนที่ใส่หน้ากากจิ้งจอกเงินรีบล้อมเนี่ยอู๋หมิงกับนักพรตใจบริสุทธิ์จนมิด
“หึๆ…ก็ต้องสวมรอยอยู่แล้ว บนโลกนี้มีเดธโรสอะไรที่ไหนกัน ก็แค่นิทานหลอกเด็กที่มาจากตระกูลเนี่ยของพวกเราเท่านั้น…ทุกท่าน เนี่ยอู๋หมิงได้เคยประกาศแล้วว่าไม่อนุญาตให้ใครหลอกลวงคนอื่นโดยใช้ชื่อเดธโรส…ทุกท่านเหมือนจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!” นักพรตใจบริสุทธิ์แค่นหัวเราะเย็นชา
————————————————————————————-
บทที่ 1388 หัวหน้าตาบอดรึไง
อะไรนะ?
สวมรอย?
พอนักพรตใจบริสุทธิ์พูดจบ ทุกคนก็มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา
พวกเขาเองก็เคยได้ยินมาว่าเดธโรสไม่มีอยู่จริง เพียงแต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก แค่คิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นเท่านั้น
ความจริง หลังจากที่เข้ามาอยู่เดธโรสแล้ว นักสู้บางคนก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่กลับไม่กล้าพูดและถามเรื่องนี้ตรงๆ
จนกระทั่งตอนนี้ ตระกูลเนี่ยซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของรัฐอิสระบุกมาถึงที่นี่ แล้วยืนยันกับปากตัวเองว่าเดธโรสไม่มีอยู่จริง
“หรือว่า…เดธโรสจะไม่มีอยู่จริง พวกเราถูกหลอกงั้นเหรอ…” ชายคนหนึ่งที่ใส่หน้ากากจิ้งจอกเงินพึมพำ
“ลองคิดดูดีๆ แล้ว ถึงเดธโรสดังมาก…แต่ก็มีแต่ข่าวลือทั้งนั้น พวกเราไม่มีใครเคยเห็นเดธโรสจริงๆ เลยซักครั้ง อีกอย่าง หญิงหม้ายชุดดำที่เป็นหัวหน้าเดธโรสจะอายุน้อยขนาดนี้ได้ยังไงกัน…”
เจี่ยงเฉิงขมวดคิ้ว แต่เขามั่นใจว่าเดธโรสมีตัวตนอยู่จริง…พรรคพวกของเขาบางคนเคยเห็นที่คุกชั้นหกจริงๆ…
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
“หรือว่า…พวกเรา…คือตัวปลอมจริงๆ…” หญิงสาวหน้าตาสวยโดดเด่นคนหนึ่งมองนักพรตใจบริสุทธิ์อย่างสงสัย
“หึๆ…แน่นอนอยู่แล้ว…บนโลกนี้มีเดธโรสที่ไหนกัน! ทุกท่านช่างน่าสงสาร โดนหลอกซะแล้ว!” นักพรตใจบริสุทธิ์หัวเราะหยัน
เยี่ยหวันหวั่นเริ่มรู้สึกร้อนรน ทัศนะวิสัยตรงหน้าถูกกลุ่มคนยืนบัง เธอมองเห็นผู้มาได้ไม่ชัด เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ
แต่ว่าเดธโรสก็ไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของพวกเขา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเขา ทำไมต้องบุกมาเปิดโปงเธอด้วย?
พอเห็นว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวาย เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงยืดอกแล้วเอ่ยเสียงเย็น “ใครกันกล้ามาอวดดีที่นี่!”
สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น นักพรตใจบริสุทธิ์กับเยี่ยหวันหวั่นชะงักไปเล็กน้อย เสียงนี้มัน…ทำไมถึงได้คุ้นหูจัง…
สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น ไม่นาน กลุ่มคนที่ล้อมวงอยู่เบื้องหน้าก็แหวกออกเป็นสองฝั่ง
เมื่อเนี่ยอู๋หมิงกับนักพรตใจบริสุทธิ์เห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทั้งสองก็ทำหน้าแปลกใจ เยี่ยหวันหวั่นเองก็ตะลึงไม่ต่างกัน
“นายดูนั่นสิ…หน้าตาของผู้หญิงคนนั้นกับเถ้าแก่โหย่วหมิงคล้ายกันมากเลยว่าไหม?” เนี่ยอู๋หมิงลูบคาง แล้วหันไปพูดกับนักพรตใจบริสุทธิ์
นักพรตใจบริสุทธิ์ได้ยินอย่างนั้นก็ปากกระตุก หัวหน้าของเขาคนนี้ตาบอดรึไงนะ…
“หัวหน้า…” นักพรตใจบริสุทธิ์มองเนี่ยอู๋หมิง “นั่นเขาเรียกเหมือนที่ไหนล่ะครับ…หน้าตาอย่างกับแฝดอย่างนี้ เรียกว่าเหมือนสุดๆ ไปเลยต่างหาก!”
นักพรตใจบริสุทธิ์พูดจบก็จ้องเยี่ยหวันหวั่นแล้วจิ๊ปาก “เธอคือผู้หญิงที่สวมรอยเป็นหญิงหม้ายชุดดำแห่งเดธโรสสินะ…เธอหน้าตาเหมือนเพื่อนคนหนึ่งของเราที่อยู่จีนมาก!”
ตอนแรกเยี่ยหวันหวั่นดีใจมากที่ได้เจอเนี่ยอู๋หมิงกับนักพรตใจบริสุทธิ์ แต่พอนักพรตใจบริสุทธิ์พูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็หน้าเครียดทันที
สองคนนี้สมองมีปัญหารึเปล่า?!
ยืนหันหน้าเข้าหากันขนาดนี้แล้วยังจำไม่ได้อีก? ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่เดือนเองนะ…
“สาวน้อย เธอใจกล้ามาก แม้แต่เดธโรสก็ยังกล้าสวมรอย…เธอบอกฉันมาซิ ใครมอบความกล้านี้ให้เธอกัน!” นักพรตใจบริสุทธิ์จ้องเยี่ยหวันหวั่น พลางแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา
ห่างออกไปไม่ไกล พวกโลลิน้อยกับเหล่าเจียงมองดูภาพตรงหน้าด้วยใบหน้างงงวย สองคนนั้น…สองคนนั้นคือยอดฝีมือที่เคยช่วยพวกเขาตอนอยู่เมียนมาร์ไม่ใช่เหรอ…
ทำไมจู่ๆ ถึงได้บุกมาก่อเรื่องที่นี่ล่ะ แล้วยังบอกว่าพวกเขาสวมรอยเป็นเดธโรสอีก?