บทที่ 1401 รนหาที่ตายชัดๆ
เยี่ยหวันหวั่นท่าทางใจเย็น อิริยาบถสง่างาม
“หัวหน้าไป๋…ปีนั้นคุณหายตัวไปจากพันธมิตร จากนั้นก็ไม่เคยได้ข่าวอีกเลย พวกเราอยากรู้ว่าหัวหน้าไป๋ไปไหนมา ทำไมถึงได้ทิ้งพันธมิตรไร้พ่ายที่คุณสร้างขึ้นมาเองกับมือไปอย่างนั้น”
นักข่าวคนหนึ่งถือไมค์ถามเยี่ยหวันหวั่น
แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน เหลือบมองนักข่าวคนนั้นเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ไม่มีความเห็น”
นึกไม่ถึงว่ารัฐอิสระก็มีองค์กรข่าวซุบซิบด้วย แต่หลังจากได้ผ่านการแก่งแย่งอย่างมืดฟ้ามัวดินในอุตสาหกรรมบันเทิงและวงการสื่อของจีนมาแล้ว สถานการณ์อย่างนี้เรียกได้ว่าเป็นเรื่องเด็กๆ สำหรับเยี่ยหวันหวั่นไปเลย
“หัวหน้าไป๋…งั้น ครั้งนี้ที่คุณกลับมารัฐอิสระ แล้วก็กลับมาที่พันธมิตรอู๋เว่ยอีกครั้ง เหตุผลคืออะไรครับ? การหายตัวไปและการกลับมาของคุณได้กลายเป็นปริศนาที่แก้ไม่ได้ ไม่ทราบว่าพอจะบอกพวกเราหน่อยได้ไหมครับ?”
“ไม่มีความเห็น” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเรียบ
เยี่ยหวันหวั่นยึดมั่นในหลักการพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง คำว่าไม่มีความเห็นจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
“งั้น…หัวหน้าไป๋ ทุกคนต่างรู้ดีว่าในอดีตกลุ่มอำนาจขนาดใหญ่ต่างๆ ของรัฐอิสระเคยรุมโจมตีอาชูร่า ซึ่งพันธมิตรอู๋เว่ยของคุณเป็นแกนนำที่จู่โจมรุนแรงที่สุด ฉะนั้นที่คุณมาครั้งนี้ก็เพื่อขอโทษนายแห่งอาชูร่า จากนั้นก็มอบส่วยจำนวนมากให้เขาใช่ไหมครับ?” นักข่าวยังคงไม่ยอมแพ้ รีบเปลี่ยนประเด็นทันที
ได้ยินอย่างนั้นเยี่ยหวันหวั่นหันไปมองหน้าเขา เรื่องอื่นพูดไม่ได้ แต่เรื่องนี้พูดได้แน่นอน
ทุกอย่างที่เธอพูด จะถูกสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธรับรู้ ตอนนี้คือเวลาที่เธอจะแสดงท่าทีแล้วไม่ใช่เหรอ…
“หึ…” เยี่ยหวันหวั่นกระตุกมุมปากเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มเยือกเย็นไปจนถึงกระดูก เธอหันไปมองนักข่าว แล้วกล่าวเสียงเย็นว่า “ฉันมา ก็เพราะอยากมา ฉันแค่อยากมาดูว่าการประชุมที่จัดขึ้นโดยนายแห่งอาชูร่าครั้งนี้จะล้มเหลวไม่เป็นท่าแค่ไหน ก็เท่านั้น…
พันธมิตรอู๋เว่ยของฉันไม่เคยส่งส่วยให้กลุ่มอำนาจไหนหรือใครหน้าไหนทั้งนั้น อาชูร่ากับนายแห่งอาชูร่าน่ะเหรอ ถ้าหากอยากส่งส่วยให้ฉัน ฉันจะพิจารณาดูก็ได้”
สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น ทุกคนในงานต่างส่งเสียงฮือฮาแล้วจ้องเยี่ยหวันหวั่นด้วยสายตาเหลือเชื่อ
หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยคนนี้ใจกล้าเกินไปรึเปล่า คำพูดอย่างนี้ก็ยังกล้าพูดออกมา ถึงจะคิดอย่างนี้จริงๆ แต่ก็ควรจะเก็บไว้ในใจไม่ใช่เหรอ ต้องบอกก่อนว่าที่นี่เป็นถิ่นของนายแห่งอาชูร่า พันธมิตรอู๋เว่ยมาเหยียบถิ่นของนายแห่งอาชูร่า ยังกล้าพูดจาแบบนี้ นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ…
“หึๆ ไป๋เฟิ่ง ไม่เจอกันนาน ยิ่งอยู่เธอจะยิ่งใจกล้ามากขึ้นทุกวันแล้วนะ” ขณะเดียวกัน เสียงหัวเราะอันรื่นหูดังมาจากบริเวณใกล้ๆ
ไม่นาน หญิงสาวหน้าตางามละเอียด ท่าทางสูงสง่าคนหนึ่งเดินเยื้องย่างเข้ามา
ข้างหลังหญิงสาว มียอดฝีมือท่าทางดุดันแข็งแกร่งหลายคนเดินตามมา
พอเห็นหญิงสาว ทุกคนในงานอึ้งงันไปทันที ผู้มาคือคนจากตระกูลเยี่ยน
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร กล้าพูดจาอย่างงี้กับหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ย?” นักข่าวคนหนึ่งทำหน้าสงสัย
“เธอชื่อเยี่ยนอวิ๋น เป็นลูกสาวแก้วตาดวงใจของผู้นำตระกูลเยี่ยน…”
“ไม่น่าล่ะ ที่แท้เธอก็คือเยี่ยนอวิ๋นนี่เอง…” ผู้คนที่มุงดูอยู่พยักหน้าแล้วพึมพำ
ตระกูลเยี่ยนในตอนนั้น กับพันธมิตรอู๋เว่ยที่เคยรุ่งเรืองถึงขีดสุดย่อมไม่มีทางเปรียบเทียบกันได้ แต่วันนี้ไม่เหมือนในอดีต เมื่อหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยหายตัวไป พันธมิตรอู๋เว่ยก็แตกแยกและแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในทางกลับกันตระกูลเยี่ยนกลับพัฒนาอย่างรวดเร็ว อำนาจของพวกเขาในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าพันธมิตรอู๋เว่ยในอดีตเลย
และลูกสาวที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของผู้นำตระกูลเยี่ยนคนนี้ก็มีนิสัยเอาแต่ใจ และชอบทำตัวกร่างไปทั่วรัฐอิสระมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พรสวรรค์ด้านการต่อสู้ก็เยี่ยมยอดจนได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลเยี่ยนที่ร้อยปีจะมีคนหนึ่ง แล้วก็เป็นผู้สืบทอดของตระกูลเยี่ยนด้วย
————————————————————————————-
บทที่ 1402 นายหญิงของนายแห่งอาชูร่า
“เยี่ยนอวิ๋น ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาพูดอะไรก็ได้” ชีซิงเดินมายืนข้างเยี่ยหวันหวั่น แล้วจ้องเยี่ยนอวิ๋นด้วยสายตาเย็นชา
เยี่ยนอวิ๋นเหลือบมองเขาเล็กน้อย แล้วพูดกลั้วเสียงหัวเราะเย็นชา “ชีซิง นายเป็นแค่หมาตัวหนึ่งที่อยู่ข้างหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ย ขนาดหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยฉันยังไม่เห็นอยู่ในสายตา แล้วนายคิดว่าตัวเองเป็นใคร”
วินาทีนี้ ผู้คนที่มามุงดูต่างกระซิบกระซาบกัน
นายแห่งอาชูร่ากับผู้นำตระกูลเยี่ยนคนก่อนถือว่ามีสายสัมพันธ์ที่ไม่เลวต่อกัน หลังจากที่ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันขึ้นรับตำแหน่งก็ยังเคยคิดจะมอบลูกสาวสุดที่รักเยี่ยนอวิ๋นให้แต่งงานกับนายแห่งอาชูร่า เพียงแต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก นายแห่งอาชูร่าก็หายตัวไปซะก่อน
และตลอดหลายปีที่ผ่านมา เยี่ยนอวิ๋นคนนี้ก็ถือสิทธิ์ว่าตัวเองเป็นนายหญิงของนายแห่งอาชูร่า ในช่วงที่นายแห่งอาชูร่าหายตัวไป เธอใช้คนกลุ่มหนึ่งของอาชูร่าเพื่อกำจัดปัญหาในตระกูลเยี่ยนอยู่บ่อยๆ ไม่อย่างงั้น ตระกูลเยี่ยนก็คงไม่มีทางพัฒนาอย่างอย่างรวดเร็วขนาดนี้
แล้วก็เพราะเหตุนี้ ในสายตาของคนนอก เยี่ยนอวิ๋นจึงได้กลายเป็นนายหญิงของนายแห่งอาชูร่าไปแล้วจริงๆ
“หึๆ หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยคนนั้น เมื่อก่อนก็เคยมีเรื่องกับนายแห่งอาชูร่า ตอนนี้ยังมามีเรื่องกับเยี่ยนอวิ๋น วันนี้เธอคงไม่รอดกลับไปจากการประชุมครั้งนี้แล้วล่ะ”
“ฉันได้ยินมาว่าวันนี้พวกระดับสูงของตระกูลเยี่ยนก็มากันเยอะ แล้วยังมีผู้นำตระกูลเยี่ยนอีก ผู้นำตระกูลเยี่ยนเหมือนจะอยากป่าวประกาศเรื่องการแต่งงานของลูกสาวสุดที่รักของตัวเองกับนายแห่งอาชูร่าให้ทุกคนรู้…”
เยี่ยหวันหวั่นมองเยี่ยนอวิ๋นด้วยสายตาเย็นชา แต่เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันทำอะไร ชายชราคนหนึ่งก็เดินมาหยุดยืนข้างเยี่ยนอวิ๋น จากนั้นก็เหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับเยี่ยนอวิ๋นว่า
“อวิ๋นเอ๋อร์ ลูกพูดอย่างงี้กับหัวหน้าไป๋ได้ยังไง เสียมารยาทเกินไปแล้ว ลูกต้องรู้ไว้ว่าหลังจากวันนี้ ไม่แน่ว่าหัวหน้าไป๋อาจต้องคุกเข่าต่อหน้าลูกแล้วส่งส่วยให้ลูก กับคนที่ยังไงก็ต้องโดนเหยียบจมดินอยู่วันยังค่ำแบบนี้ ยังไงก็ต้องไว้หน้ากันหน่อยนะลูก”
เป่ยโต่วกับชีซิงได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที ชายชราคนนี้ก็คือผู้นำตระกูลเยี่ยนนั่นเอง
พอเห็นหัวหน้าตระกูลเยี่ยนกับเยี่ยนอวิ๋นลูกสาวที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของเขาปรากฏตัว สื่อทุกสำนักก็ค่อยๆ พากันหันไปรุมล้อมพวกเขาสองคนแทน
“ผู้อาวุโสเยี่ยน ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้คนของตระกูลเยี่ยนมีเรื่องบาดหมางกับหัวหน้าพันธมิตรอู่เว่ยในไนต์คลับแห่งหนึ่ง จากนั้นก็โดนหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยฆ่า เรื่องนี้ตระกูลเยี่ยนจะแก้แค้นไหมครับ?”
เยี่ยนอวิ๋นแค่นเสียงดูแคลน “อีกเดี๋ยวทุกคนก็จะรู้เอง”
เป่ยโต่วยืนอยู่ข้างหน้าเยี่ยหวันหวั่น เขาพูดแดกดันใส่ผู้นำตระกูลเยี่ยนกับเยี่ยนอวิ๋น “คิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ซักวันพ่อจะกวาดล้างซะให้สิ้นซาก”
เยี่ยหวันหวั่นละสายตาออกจากพวกตระกูลเยี่ยน แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “อย่าลืมว่าวันนี้เรามาที่นี่ทำไม ไม่ต้องสนใจคนอื่น”
เป่ยโต่วกับชีซิงพยักหน้า จุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของพวกเขา ก็เพื่อแสดงท่าทีให้สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธเห็น
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองพวกคนใหญ่คนโตที่เดินเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้อย่างไม่ขาดสาย ลึกๆ ข้างในอดถอนหายใจไม่ได้ อิทธิพลของนายแห่งอาชูร่าช่างน่ากลัวจริงๆ…
โชคดีที่เนี่ยอู๋หมิงส่งทีมจูซิงมาช่วย ถึงจะมีแค่สามคน แต่ถ้าเกิดเรื่องอันตรายอะไร แค่ให้พวกเขาคุ้มกันหนีออกไปน่าจะไม่มีปัญหา คิดมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย
ผู้นำของกลุ่มอำนาจบางกลุ่ม พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นแล้วรู้ว่าเธอเป็นหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ย ก็อดทำหน้าประหลาดใจไม่ได้ ไม่มีใครคิดว่าหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยจะกล้ามาร่วมการประชุมที่นายแห่งอาชูร่าจัดขึ้นในครั้งนี้…
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทีมจูซิงที่มีกันสามคนลงจากรถ แล้วเดินมายืนข้างเยี่ยหวันหวั่น ฝูเซิงที่รูปร่างหน้าตาเหมือนเด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าเย็นชา ไม่พูดอะไรซักคำ