แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – บทที่ 307 สุดที่รักของคุณ / บทที่ 308 คนเขาเป็นรุ่นพี่

บทที่ 307 สุดที่รักของคุณ / บทที่ 308 คนเขาเป็นรุ่นพี่

บทที่ 307 สุดที่รักของคุณ

หานเซี่ยนอวี่ไม่รู้เลยว่าคำพูดของตัวเองนั้นแฉเยี่ยหวั่นหวันจนถึงที่สุด แล้วยังพูดต่ออย่างไม่วางใจ “ผมกับพี่ซินคุณแค่ใช้คำพูดไม่กี่คำจีบเท่านั้น แต่เพื่อนคุณโดนหนักกว่า ผู้ชายคนหนึ่งโดนคุณจับมือไปมา คุณไม่ได้ทำอะไรเขาจริงนะ?”

เยี่ยหวั่นหวัน “…”

หมายความว่า รอยพวกนั้นบนตัวซือเยี่ยหานเธอเป็นคนทำทั้งหมดงั้นหรือ?

อย่าพูดเลย ให้เธออยู่เงียบๆ …

น่าจะรู้สึกได้ว่าตอนนี้บรรยากาศภายในห้องนั้นมีอะไรบางอย่างผิดปกติ หานเซี่ยนอวี่เลยวางอาหารเช้าแล้วออกไป

ภายในพริบตา ในห้องก็เหลือแค่เยี่ยหวั่นหวันและซือเยี่ยหานสองคน

เยี่ยหวั่นหวันคิดว่าจะหนีออกไปนอกประตูหรือกอดเข่าขอร้องดีคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ไม่กล้าทิ้งไปแล้ววิ่งหนี แต่เขยิบไปทางซือเยี่ยหานด้วยความระมัดระวัง “ที่รัก… ฉันผิดไปแล้ว… ฉันสร้างความวุ่นวายเอง… ฉันทำผิดศีลธรรม… ฉันมันไม่น่ามอง…”

แย่แล้ว ทำยังไงดี…

“ฉันรู้ว่าฉันทำผิดสัญญา แต่คนทั่วไปไม่ใช่พระ ใครบ้างไม่เคยทำผิดพลาด ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำผิด คนเรา…” เยี่ยหวั่นหวันท่องไม่ออกแล้ว เลยพูดมาประโยคหนึ่ง “ฉันเป็นคนที่คุณรักสุดหัวใจนะ ดังนั้น ให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม?”

ชายหนุ่มมองไปทางเธอเหมือนจะยิ้มก็ไม่เหมือนด้วยสายตาเย็นชา แสดงออกชัดเจนมาก

เยี่ยหวั่นหวันก็รู้ว่าเรื่องครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่จริง เลยยกมือขึ้นพูด “ฉันขอยื่นอุทธรณ์ เมื่อคืนหานเซี่ยนอวี่มีเจตนาดีพาฉันไปหาคอนเนคชั่นคนในวงการ ดังนั้นเลยเชิญฉันไปงานปาร์ตี้หนึ่ง งานปาร์ตี้แบบนี้ที่รักคุณก็รู้ดี หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าไม่ได้ เดิมทีคิดแค่อยากจะแกล้ง เล่นละครต่อไปเท่านั้นเอง ฉันก็คิดไม่ถึงว่าคอจะอ่อนแบบนี้ ไม่ทันระวังดื่มจนเมา… เรื่องต่อมาฉันจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ… ฉันไม่รู้ว่าคอฉันอ่อนขนาดนี้…”

เห็นซือเยี่ยหานยังคงไม่แยแส เยี่ยหวั่นหวันตัดสินใจเด็ดเดี่ยว “ที่รัก ไม่อย่างนั้นคุณว่าอย่างนี้ดีไหม? ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะเป็นหมอนข้างติดตัวคุณไปทุกที่ทุกเวลา คุณอยากจะนอนเมื่อไร ฉันจะไปหาเมื่อนั้นเลย ดีไหม?”

ซือเยี่ยหานเหลือบมองเธอ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขังเธอไว้บนเตียงไม่ยิ่งสะดวกกว่าหรือ?”

เยี่ยหวั่นหวันได้ยินหัวใจดวงน้อยก็หนาวเหน็บขึ้นมาทันที เพื่อที่จะอยู่รอด เธอบีบเค้นความคิดในหัวออกมาแล้วพูด “นั่น… นั่นมันต่างกัน… ขังฉันไว้บนเตียงไม่น่าสนุกเลย… ถ้าคุณไม่ขังฉัน… คุณสามารถปลดล็อกได้ตั้งหลายที่… หอพัก… ห้องทำงาน… ที่บ้าน… บนรถ… นอกเมือง… คุณว่าจริงไหม…”

ซือเยี่ยหานไม่พูดอะไร

เยี่ยหวั่นหวันเขยิบเข้าไปใกล้ “ไม่โกรธแล้วนะดีไหม! ถึงแม้ฉันจะดื่มเมาจนไม่ได้สติ แต่ไม่ได้มีใจให้คนอื่นเลย สุดท้ายกลับบ้านมาจีบจนถึงบนเตียงก็มีแต่ที่รักคนเดียวเท่านั้น! ถึงแม้ฉันจะเมาแล้วลวนลามไปทั่ว แต่ก็ทำแค่กับคุณ! ถึงแม้จะดื่มจนเมา ไม่ได้สติ นี่ก็เป็นสัญชาตญาณของฉันที่ซึมลึกเข้าไปถึงกระดูก นี่หมายความว่าอะไร? หมายความว่าฉันรักที่รักด้วยใจจริงน่ะสิ!”

มุมปากซือเยี่ยหานกระตุกเล็กน้อย

เยี่ยหวั่นหวันเห็นสีหน้าชายหนุ่มดูผ่อนคลายลงหน่อย ก็รีบปีนขึ้นไปตามขาเขาอย่างรวดเร็ว “ฉันรู้อยู่แล้วว่าที่รักนั้นดีที่สุด!”

ซือเยี่ยหาน “…”

เขาบอกว่ายกโทษให้เธอแล้วหรือ?

ชายหนุ่มหยิกคางที่ละเอียดของเธอ เข้ามาใกล้น่าอันตราย พูดเน้นย้ำทีละคำ “เยี่ยหวั่นหวัน เธอคิดว่าฉันหลอกง่ายขนาดนั้นจริงเหรอ?”

เยี่ยหวั่นหวันใช้ท่านี้จูบแก้มซือเยี่ยหานหนึ่งที “เปล่าค่ะเปล่า! ที่รักคุณฉลาดหลักแหลมขนาดนั้น! คุณหลอกไม่ง่ายเลยสักนิด! คุณแค่เป็นห่วงฉันรักฉันเสียดายฉันเท่านั้นเอง!”

ซือเยี่ยหาน “…”

…………………………………………………

บทที่ 308 คนเขาเป็นรุ่นพี่

กวงเย่ามีเดีย

ข่าวเรื่องที่ด้านบนส่งผู้จัดการลงมาคนหนึ่งแพร่สะพัดไปทั่วบริษัท

พนักงานเก่าแก่ที่เป็นผู้จัดการเหมือนกันย่อมไม่พอใจ ส่งลงมาก็ช่างเถอะ แต่อายุน้อยขนาดนี้

ทั้งหนุ่มทั้งหล่อ ไม่สู้ไปเป็นศิลปินเสียเลย ทำไมจะต้องมาทำมาหากินเป็นผู้จัดการด้วย?

ในเมื่อผู้จัดการกับศิลปินไม่เหมือนกัน ศิลปินยิ่งเดบิวต์เร็วเท่าไรยิ่งดี แต่ผู้จัดการกลับต้องสั่งสมประสบการณ์ เส้นสาย ผู้จัดการศิลปินส่วนใหญ่จึงเริ่มจากการเป็นผู้ช่วยหรือการทำโฆษณา ไม่แน่ว่าเวลาสามถึงห้าปีก็อาจจะยังนำศิลปินด้วยตัวเองคนเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นผู้จัดการศิลปินในวงการที่อายุน้อยกว่าสามสิบจึงหายากมากๆ

แต่ใจของพนักงานเก่าแก่ทั้งหลายก็รู้ดี ประธานฉู่เริ่มหวาดกลัวโจวเหวินปิน หัวหน้าแผนกผู้จัดการศิลปินที่กุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียวคนนี้ ถึงได้ให้อำนาจเยี่ยไป๋มากขนาดนี้ และออกคำสั่งให้ทุกคนให้ความร่วมมือในการทำงานของเขา

ตอนนี้ทุกคนอยู่ในช่วงรอดูสถานการณ์ ไม่กล้า ไม่กล้าเป็นปฏิปักษ์ตามอำเภอใจ แต่ชัดเจนว่าทุกคนไม่ได้มองเยี่ยไป๋ในทางที่ดีเท่าไรนัก

โจวเหวินปินเจอตะปู[1]ต่อหน้าประธานฉู่เข้า งานเบื้องหน้าย่อมต้องทำอยู่แล้ว แต่ว่าเบื้องหลังจะเป็นอย่างไรไม่ใช่เรื่องที่ประธานฉู่จะสามารถควบคุมได้ ไอ้หนุ่มนี่ ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีคนหนุนหลัง และไม่มีเงิน เลือกคนในสังกัดยังเลือกศิลปินที่เสื่อมความนิยมไปแล้ว เทียบกับคนใหม่ๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ จะเอาอะไรมาสู้กับโจวเหวินปิน?

ในสตูดิโอ ภาพในเวลานี้ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับงาน

เด็กใหม่กลุ่มหนึ่งกำลังถ่ายรูปโฆษณาอยู่ด้านใน

คนเหล่านั้นอายุไม่ถึงยี่สิบปี ถึงขนาดว่าคนที่เล็กที่สุดเพิ่งจะอายุสิบหกปี ทุกคนต่างก็อยู่ในช่วงวัยที่กำลังสดใสเปล่งปลั่ง

ลั่วเฉินมาถึงตั้งแต่เช้าแล้ว เขายังคงสวมเสื้อยืดเรียบง่ายคู่กับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบคู่หนึ่งที่ซักเสียจนซีดขาว ยืนรอเงียบๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง

เวลานี้เป็นเวลาเก้าโมงสิบนาที เลยเวลาที่ผู้จัดการศิลปินนัดกับเขาไว้เมื่อวานนี้มาสิบนาทีแล้ว

เวลานี้เอง  ศิลปินหน้าตามีเสน่ห์คนหนึ่งกำลังหยอกล้อกับเพื่อนเลยไม่ได้ดูทาง ทำให้ไม่ทันระวังเดินชนลั่วเฉินเข้า

หลังจากเห็นว่าคนที่ขวางทางอยู่เป็นลั่วเฉิน สีหน้าของอีกฝ่ายพลันเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง “ลั่วเฉิน…”

คนที่พูดคือหลินเฮ่า ศิลปินในสังกัดโจวเหวินปิน ด้วยเพราะอยู่ในสังกัดของผู้จัดการศิลปินที่มีความสามารถมากที่สุด ทั้งงานแสดงล่าสุดก็โด่งดังมาก กำลังโดดเด่นในหมู่เด็กใหม่ เด็กใหม่คนอื่นๆ ส่วนใหญ่จึงกำลังห้อมล้อมเอาอกเอาใจเขา

เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงานของโจวเหวินปินเมื่อวานถูกเล่าต่อๆ กันมาว่า ผู้จัดการศิลปินคนใหม่คนนั้นเลือกศิลปินในสังกัดของโจวเหวินปินที่เสื่อมความนิยมและไร้ตัวตนอย่างลั่วเฉิน ว่ากันว่าตอนนั้นโจวเหวินปินไม่ยอมยกให้ ถึงกับเสนอเขาเพื่อแลกลั่วเฉินเอาไว้ ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ ผู้จัดการศิลปินคนใหม่นั่นไม่ชอบเขาไม่ยอมเปลี่ยน ทำให้เขากลายเป็นตัวตลกของทั้งบริษัท

ตอนนี้มาเจอลั่วเฉินเข้า แน่นอนว่าหลินเฮ่ามีความขัดเคืองอยู่แน่นอก จึงเชิดคางสูง ใช้สายตาดูถูกมองเขาหัวจรดเท้า “พี่มาทำอะไรที่นี่”

“ผู้จัดการให้ฉันมารอที่นี่” เหมือนว่าลั่วเฉินจะชินชนกับท่าทางเช่นนี้เสียแล้ว จึงเอ่ยตอบไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ

หลินเฮ่าพลันหัวเราะออกมา “พรืด ผู้จัดการ ไอ้หน้าขาวที่มาใหม่คนนั้นน่ะเหรอ?”

เด็กใหม่หลายๆ คนที่อยู่รอบข้างพากันพูดจาถากถางคนละคำสองคำแล้วหัวเราะคิกคักเพื่อประจบหลินเฮ่า “โอ๊ะโอ ก็นึกว่าใคร นี่มันอนาคตดาวดวงใหม่ของผู้จัดการศิลปินคนใหม่ที่ถูกส่งมาไม่ใช่เหรอ? หาที่พึ่งได้แล้วสินะ มิน่าล่ะถึงได้อวดดีขนาดนี้”

“เขาคงไม่ได้คิดว่าเปลี่ยนผู้จัดการแล้วจะดังขึ้นมาอีกรอบหรอกนะ?”

“ขยะที่แม้แต่พี่ปินยังขุนไม่ขึ้น กล้าคิดว่าจะได้เป็นปลาเค็มที่กลับมามีชีวิตอีกครั้งเหรอเนี่ย!”

หลินเฮ่ากอดอก หัวเราะชอบใจ “พวกนายอย่าไปพูดแบบนั้นสิ คนเขาเป็นรุ่นพี่ เปิดตัวไปตั้งแต่สามปีก่อนแล้วนะ”

…………………………………………..

[1] เจอตะปู เป็นสำนวนจีน เปรียบเปรยถึงการถูกปฏิเสธหรือตำหนิ

Options

not work with dark mode
Reset