บทที่ 1415 ลำเอียงจนเกินขอบเขต
คนตระกูลเยียนโกรธจนเข็ดฟันแต่กลับไม่มีสักคนกล้ากังขาการตัดสินใจของนายแห่งอาชูร่า สุดท้ายก็มองพวกเยี่ยหวันหวั่นกับเป่ยโต่วและชีซิงอย่างโกรธแค้น ได้แต่เอาบัญชีแค้นครั้งนี้ไปไว้บนตัวพันธมิตรอู๋เว่ย
เวลานี้ ณ มุมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ หลินเชวียยื่นหัวออกมาอย่างลับๆ ล่อๆ กำลังประเมินทุกความเคลื่อนไหวในงานประชุม
เห็นซือเยี่ยหานลำเอียงจนจะเกินขอบเขตแล้วหลินเชวียก็หน้าขึ้นเส้นสีดำ ในใจอดยืนสงบไว้อาลัยตระกูลเยียนไม่ได้ ตระกูลเยียนล่วงเกินใครไม่ล่วงเกิน ดันไปล่วงเกินเยี่ยหวันหวั่นเสียได้…
เป็นอีหรอบนี้พี่เก้าบ้านเขาจะไม่ลงดาบพวกเขาได้เหรอ
ที่รนหาที่ตายที่สุดก็คือเยียนอวิ๋นคนนั้นยังกล้าเรียกตัวเองว่าคุณนายของนายแห่งอาชูร่า…
ในคฤหาสน์ เป่ยโต่วมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างตกใจแล้วเอ่ยกระซิบ “พี่เฟิง…พี่กับนายแห่งอาชูร่า…คงไม่ได้เป็นชู้กันหรอกนะ…ไม่งั้นเขาจะช่วยพวกเราแบบนี้ทำไม”
ได้ยินแบบนั้นเยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุกเล็กน้อย แทบอยากจะฟาดเป่ยโต่วให้ตาย
เพียงแต่ในตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่มีอารมณ์ไปไร้สาระกับเป่ยโต่ว ความคิดทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่ตัวนายแห่งอาชูร่า
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซือเยี่ยหานหันมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ยปาก “ผู้นำพันธมิตร จัดการแบบนี้คุณคงไม่คัดค้าน”
เยี่ยหวันหวั่นเผยอปากเหมือนอยากพูดอะไรบาอย่างแต่สุดท้ายก็ได้แต่พูดว่า “ไม่”
นายแห่งอาชูร่าจัดการเรื่องถึงขั้นนี้แล้ว ถึงบอกว่าให้พันธมิตรอู๋เว่ยส่งส่วยทุกเดือน แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เกี่ยวข้องกับเงินของพันธมิตรอู๋เว่ยสักแดงเดียว เงินที่ส่งส่วยทุกเดือน ตระกูลเยียนเป็นคนออกไม่เกี่ยวกับพันธมิตรอู๋เว่ย…
“ดี” ซือเยี่ยหานมองทุกคนในห้องอีกครั้งพร้อมเอ่ยเสียงเรียบ “ทุกคนคงไม่คัดค้าน”
ได้ยินซือเยี่ยหานพูดแบบนี้ ทุกคนต่างมองหน้าสบตากัน คุณมองฉัน ฉันมองคุณ ไหนเลยจะกล้าคัดค้าน
เดิมทีทุกคนคิดอยากดูว่าจุดจบของผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยจะน่าอนาถขนาดไหน จะมีใครนึกถึงว่าพันธมิตรอู่เว่ยไม่เสียประโยชน์สักนิดเดียว กลับกันเป็นตระกูลเยียนที่ดวงซวยมหาศาล
ไม่มีใครเอ่ยปาก ซือเยี่ยหานจึงเก็บสายตาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อจัดการเรื่องส่วยจบแล้ว งั้นก็มาพูดถึงเรื่องตระกูลเยียน”
“เรื่องตระกูลเยียน…”
ได้ยินดังนั้นทุกคนมีสีหน้าตกใจ ตระกูลเยียนมีเรื่องอะไรกัน…
“หลังจากฉันไป เยียนอวิ๋นจากตระกูลเยียนสวมรอยเป็นคุณนายของฉัน ใช้กำลังของสมาชิกอาชูร่ากวาดล้างสิ่งกีดขวางให้ตระกูลเยียน” ซือเยี่ยหานเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง ในน้ำเสียงแม้ไม่ได้แฝงความโกรธใดๆ แต่กลับทำให้คนหวาดผวา
“เจียงเหยียน”
ซือเยี่ยหานมองชายผมแดงที่อยู่ข้างๆ
ชายผมแดงก้าวมาหนึ่งก้าวเมื่อได้ยิน
“สมควรจัดการเรื่องนี้ยังไง” ซือเยี่ยหานเอ่ยถาม
“เยียนอวิ๋นตระกูลเยียนสวมรอยเป็นคุณนายนายแห่งอาชูร่า อาจหาญเทียมฟ้าใช้พลังของอาชูร่า ตามหลักการของอาชูร่าพวกเรา สมควรกำจัดตระกูลเยียน แต่เรื่องนี้เยียนอวิ๋นกระทำเพียงผู้เดียวไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเยียนคนอื่นๆ จึงสมควรสังหารเยียนอวิ๋นครับ” ชายผมแดงกล่าว
เมื่อสิ้นเสียงของชายผมแดง เยียนอวิ๋นก็หน้าซีดเผือด ไม่อยากเชื่อ
“อืม” ซือเยี่ยหานตอบรับเสียงเรียบ “นายจัดการ”
พูดจบซือเยี่ยหานก็ลุกขึ้นยืนแล้วออกจากที่แห่งนี้ภายใต้การคุ้มกันของสมาชิกอาชูร่ามากมายที่อยู่ด้านข้าง
“นี่…นายแห่งอาชูร่า…นี่เป็นการเข้าใจผิด…” ผู้นำตระกูลเยียนทรุดลงกับพื้นราวกับดินโคลนไม่ปาน
ทันใดนั้นต่อหน้าต่อตาของทุกคน ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้สติกลับมา ชายผมแดงแค่ฝ่ามือเดียวก็สังหารเยียนอวิ๋นที่อยู่ข้างกายผู้นำตระกูลเยียนเรียบร้อยแล้ว
อาชูร่าไม่มองตระกูลเยียนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ถึงตระกูลเยียนจะอาฆาตแค้น ก็ไม่เจ็บไม่คันสำหรับอาชูร่า
———————————————————————————————
บทที่ 1416 ไปก่อเรื่องคนเดียว?
เห็นนายแห่งอาชูร่าออกจากคฤหาสน์แล้วเธอกลับยังหยั่งเชิงผลออกมาไม่ได้ เยี่ยหวันหวั่นพลันร้อนใจแล้ว
“เป่ยโต่ว ทางฉันมีเรื่องต้องจัดการ ที่เหลือยกให้พวกนายแล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็ตรงไปทิศทางที่นายแห่งอาชูร่าจากไปทันที
“อ้าว พี่เฟิง…พี่เฟิง…พี่ไปไหนน่ะ…” เป่ยโต่วเพิ่งส่งเสียง เยี่ยหวันหวั่นก็วิ่งหายไปไม่เห็นเงาแล้ว
“พี่เฟิงคงจะไม่ได้ไปก่อเรื่องคนเดียวหรอกนะ” เป่ยโต่วเกาหัวอย่างสงสัย
ด้วยนิสัยของพี่เฟิงต้องยังก่อเรื่องไม่พอแหง…
…
“ผู้นำ ทางฝั่งตระกูลเยียนต้องดำเนินการจัดการหรือเปล่าครับ” ชายผมแดงเจียงเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย มองซือเยี่ยหานก่อนเอ่ยปากถามอย่างเคารพยำเกรง
วันนี้ผู้นำโหดเหี้ยมกับตระกูลเยียนเช่นนี้ เกรงว่าคงกระตุ้นความโกรธแค้นของตระกูลเยียน ถึงแม้ตระกูลเยียนไม่ต่างจากตุ่นมดสำหรับอาชูร่า แต่ชายผมแดงมองว่าควรถอนรากถอนโคนจะดีที่สุด
เวลานี้หน้าตาของซือเยี่ยหานถมึงทึง ได้ยินแบบนั้นเขาก็ดึงคอเสื้อลงเล็กน้อยด้วยสีหน้าติดรำคาญแล้วโบกมือเอ่ย “ไม่ต้อง ไปก่อนเถอะ”
“นี่…” ชายผมแดงได้ยินอย่างนั้นก็ยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ตาไวสังเกตเห็นท่าทีของผู้นำเวลานี้ดูอันตรายและงุ่นง่านอยู่บ้างจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาผงกหัวน้อยๆ จากนั้นก็รับคำสั่งพาทุกคนไปจากที่นี่
ขณะเดียวกันเยี่ยหวันหวั่นก็ตามไปอย่างเงียบเชียบและกำลังแอบอยู่ไม่ไกลจากขบวนของนายแห่งอาชูร่า
น่าเสียดายที่ไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกัน เห็นแค่ว่านายแห่งอาชูร่าโบกมือ จากนั้นคนอื่นๆ ก็ถอนตัวจากไป
พอเห็นว่าเหลือแค่นายแห่งอาชูร่าคนเดียว ดวงตาเยี่ยหวันหวั่นพลันส่องประกาย โอกาสดี!
เวลานี้ซือเยี่ยหานก็เหมือนธนูที่ถูกขึงตึงถึงขีดสุดที่พลันผ่อนคลายลง เมื่อครู่เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ กลับเหมือนสูบเอาความโกรธทั้งมวลของเขาออกมา
คิ้วน่ามองของชายหนุ่มเวลานี้ขมวดเป็นปม ราวกับปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกแน่นหนาหนึ่งชั้นยากสลาย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร หมอกหนานั้นจึงค่อยๅ สลายไปบางส่วน
ซือเยี่ยหานหันกาย กำลังจะก้าวเดินไปยังที่พักที่อยู่ส่วนลึกของคฤหาสน์ แต่ชั่ววินาทีที่เขาหันตัวไปก็เหมือนกับสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง ใบหน้าชายหนุ่มพลันวาบแววงงงัน แผ่นหลังเปลี่ยนไปตั้งตรงเล็กน้อย สีหน้าที่เพิ่งผ่อนคลายลงพลันกลับมาขมึงทึงอีกครั้ง
พร้อมกับเสียงย่ำใบไม้แห้งดังแกรกๆ เยี่ยหวันหวั่นคว้าโอกาสที่นายแห่งอาชูร่าอยู่ตัวคนเดียวนี้เดินออกมาจากหลังพุ่มดอกไม้
พริบตาที่เห็นหญิงสาวปรากฏตัวตรงหน้า ม่านตาของชายหนุ่มพลันหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
เยี่ยหวันหวั่นกระแอมไอเบาๆ หนึ่งที่แล้วเริ่มพูดจา “อะไรนี่ ท่านนายแห่งอาชูร่านี่นา…เจอกันอีกแล้ว…”
สายตาของชายหนุ่มล็อกอยู่บนใบหน้าของหญิงสาว ส่วนลึกของแววตาเหมือนทะเลลึกหมื่นเมตรซึ่งมีคลื่นลับพัดโหม ทว่าคลื่นนั้นกลับถูกซุกซ่อนไว้ใต้ทะเลลึก
ใบหน้าของชายหนุ่มราบเรียวราวกับทะเลสงบไร้คลื่น ความเชี่ยวกรากทั้งมวลถูกกดไว้มิดชิด เขามองหญิงสาวอย่างเรียบนิ่ง “ผู้นำไป๋มีอะไร”
เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่พูดเยิ่นเย้อเอ่ยปากตามตรง “นายแห่งอาชูร่า ไม่ทราบว่าหาสักที่คุยกันได้หรือเปล่า”
มารัฐอิสระนานแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นคนที่หน้าตาเหมือนกับซือเยี่ยหานอย่างกับแกะภายใต้สถานการณ์แบบนี้ และผู้ชายคนนี้แท้จริงก็คือนายแห่งอาชูร่าในตำนานคนนั้น
ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้ก็ต้องทำให้ชัดเจนในวันนี้ให้ได้
ชายหนุ่มไม่ส่งเสียง เดินไปข้างหน้าตามใจโดยไม่เอ่ยวาจา
นี่นับว่าเห็นด้วยเงียบๆ แล้วไหมนะ
เยี่ยหวันหวั่นเห็นดังนั้นก็รีบตามไป