บทที่ 1431 ผู้หญิงคนนี้มีสิทธิ์อะไร
ได้ยินดังนั้นผู้นำและคุณนายตระกูลจี้ก็ต่างพากันส่ายหน้า คำพูดที่เนี่ยหลิงหลงพูดไม่ผิดแม้แต่น้อย
หลายวันก่อนหลังเนี่ยอู๋โยวถูกตามตัวกลับตระกูลเนี่ย อีกฝ่ายก็ไม่เคยมาเหยียบตระกูลจี้สักก้าว ยิ่งไม่เคยมาหาจี้ซิวหร่านรำลึกถึงความหลัง
ถ้าเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนเนี่ยอู๋โยวแทบจะมาที่คฤหาสน์จี้ทุกวัน แม้แต่ตอนกินข้าวสองตาก็จ้องจี้ซิวหร่านตลอดเวลา ไม่เคยถอนสายตา
มุมปากจี้ซิวหร่านแฝงรอยยิ้มยากบรรยาย มองเนี่ยหลิงหลงผ่านๆ หนึ่งทีทว่าไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย
เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นที่นั่งอยู่ข้างๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จี้ซิวหร่านนี่เป็นสารเลวของแท้!
ตอนนี้ตัวเองยังนั่งอยู่ที่นี่ แต่เขาถึงกับเจ๊าะแจ๊ะกับพี่สาวน้องสาวตระกูลเนี่ย!
ยังดีที่เธอไม่ใช่ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยไป๋เฟิง ไม่งั้นบนหัวคงกลายเป็นทุ่งหญ้าไซบีเรียแล้วจริงๆ…
“เฮ้อ ถังถังก็เป็นเด็กน่าสงสาร ถูกพี่สาวคลอดก็ทิ้งไว้ที่บ้าน ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยได้รับความรักของพ่อแม่ นี่ก็แล้วไป แต่จนป่านนี้แล้วแม้แต่พ่อแท้ๆ ของถังถังเป็นใครก็ยังไม่รู้เลย…” ดวงตาเนี่ยหลิงหลงปกคลุมด้วยม่านหมอก เหมือนรักสงสารถังถังมาก
“พวกเธอพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกันมาก” จี้ซิวหร่านยิ้มเอ่ย
ได้ยินดังนั้นเนี่ยหลิงหลงผงกหัวแล้วเอ่ย “บนโลกนี้คนที่ฉันสำนึกในบุญคุณมากที่สุดก็คือพี่อู๋โยว ถ้าไม่มีพี่อู๋โยว…ฉันอาจจะตายไปนานแล้ว…ฉันย่อมหวังให้พี่อู๋โยวมีความสุขจากใจจริง…ตอนนี้ดีแล้ว พี่อู๋โยวกลับมาแล้ว…แล้วก็มีถังถังอยู่ด้วย”
“หลิงหลง หลายปีมานี้พี่อู๋โยวหนูไม่อยู่บ้าน เป็นหนูที่เลี้ยงดูถังถังด้วยตัวเองมาโดยตลอด ถึงตอนนี้แม้แต่แฟนยังไม่มีเวลาหา ลำบากหนูแล้วจริงๆ” คุณนายจี้มองเนี่ยหลิงหลงด้วยสีหน้าเปี่ยมความปวดใจ
“เพื่อพี่สาวต่อให้ต้องโสดตลอดชีวิตก็ไม่เป็นไรค่ะ” เนี่ยหลิงหลงมีสีหน้าน่าเอ็นดู
“พี่อู๋โยวหนูมีน้องสาวที่เอาใจใส่และฉลาดเฉลียวแบบนี้อย่างหนูก็เป็นโชคดีของเธอแล้ว” ผู้นำตระกูลจี้ยิ้มเอ่ย
“ลุงจี้คะ หนูแค่ทำเรื่องที่น้องสาวควรทำก็เท่านั้นเอง อีกอย่างถ้าไม่มีพี่สาว หลิงหลงก็คงตายไปนานแล้ว ได้เป็นน้องสาวของพี่อู๋โยวจึงจะเป็นโชคดีของหนู” เนี่ยหลิงหลงเอ่ย
“คุยเรื่องอื่นกันเถอะ” นิ้วของจี้ซิวหร่านเคาะที่วางแขนเก้าอี้เบาๆ
“ได้ เชื่อฟังพี่ซิวหร่าน” เนี่ยหลิงหลงพยักหน้า แต่หางตากลับเห็นเยี่ยหวันหวั่นที่นั่งอยู่ด้านข้าง คิ้วเธอขมวดน้อยๆ ทันที
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมอยู่ที่บ้านตระกูลจี้…
“คุณหนู…”
เวลานี้หนึ่งในสาวใช้ที่สวมชุดแดงเข้ามากระซิบเบาๆ ข้างหูเนี่ยหลิงหลง “ก่อนหน้านี้ได้ยินคนตระกูลจี้พูดว่าจักรพรรดิจี้พาเธอมาค่ะ…”
ได้ยินคำพูดของสาวใช้ สีหน้าของเนี่ยหลิงหลงกลับมืดครึ้มลงทันใด ดวงตาทอแววเย็นเยียบน่าหวาดกลัว
จี้ซิวหร่านถึงกับพาผู้หญิงคนหนึ่งกลับมาถึงตระกูลจี้ แถมยังให้ผู้หญิงคนนั้นกินข้าวด้วยกันกับผู้นำตระกูลและคุณนายจี้!?
พิจารณาอีกรอบ หน้าตาของผู้หญิงคนนี้ก็ดูคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนยังไงยังงั้น
แต่เนี่ยหลิงหลงกลับไม่ได้คิดมาก เมื่อหันตัวกลับมาความอึมครึมบนใบหน้าก็หายไปแล้ว แทนที่ด้วยใบหน้าว่านอนสอนง่าย
“พี่หลิงเฟย พี่สาวท่านนี้คือ?” เนี่ยหลิงหลงหันไปถามจี้หลิงเฟย
“เพื่อนของซิวหร่านน่ะ” จี้หลิงเฟยเอ่ยปาก
“เพื่อน…”
ภายนอกเนี่ยหลิงหลงไม่ได้เปิดเผยอะไร แต่ในดวงตากับฉาบเมฆทึบ
จี้ซิวหร่านไม่เคยคบเพื่อนเพศหญิงมาก่อน หลายปีมานี้ผู้หญิงที่อยากเข้าใกล้จี้ซิวหร่านมีมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว แต่กลับยังไม่เคยมีสักคนที่สามารถเข้าใกล้ตัวจี้ซิวหร่านได้เพียงสักนิด
อย่าว่าแต่คนอื่น กระทั่งตัวเธอเอง จี้ซิวหร่านก็หลีกเลี่ยงพบเจอบ่อยๆ ท่าทีที่มีต่อเธอก็เรียบเฉยมาก…
ผู้หญิงคนนี้มีสิทธิ์อะไรถึงทำให้จี้ซิวหร่านพามาบ้านตระกูลจี้กินข้าวกับพ่อแม่คนในครอบครัวได้กัน!
————————————————————————————–
บทที่ 1432 กินเนื้อน้อยๆ หน่อย
“พวกเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า” จู่ๆ เนี่ยหลิงหลงก็มองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยปาก
เยี่ยหวันหวั่นหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยทันที กลัวอะไรได้อย่างนั้นจริงๆ…
“คุณหนูเนี่ย พวกเราน่าจะไม่เคยเจอกันมาก่อน” เยี่ยหวันหวั่นมองเนี่ยหลิงหลงหนึ่งที เอ่ยปากเสียงเรียบ
เห็นเยี่ยหวันหวั่นมีท่าทีแบบนั้น สาวใช้สองคนของเนี่ยหลิงหลงพลันมีสีหน้าโมโห ผู้หญิงคนนี้นับเป็นตัวอะไรกัน ถึงทำท่าทีสีหน้าแบบนี้ใส่คุณหนูสามตระกูลเนี่ย!
ถ้าเธอไม่ใช่เพื่อนของจักรพรรดิจี้และที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์ตระกูลจี้ พวกเธอจะต้องทำให้อีกฝ่ายเสียใจภายหลังที่พูดแบบนี้แน่
“สวัสดี ฉันชื่อเนี่ยหลิงหลง ในเมื่อคุณเป็นเพื่อนของพี่ซิวหร่าน งั้นก็เป็นเพื่อนของฉันด้วย ไม่ทราบควรเรียกคุณว่าอะไร” เนี่ยหลิงหลงยิ้มเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น
“ไป๋เฟิง” เนี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
“ไป๋เฟิงเหรอ…เหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อน” เนี่ยหลิงหลงมีท่าทีครุ่นคิด แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ กลับยังคงคิดออกไม่ออก
“จริงสิ คุณไป๋รู้จักพี่ซิวหร่านตั้งแต่เมื่อไรเหรอ ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินพี่ซิวหร่านพูดถึงมาก่อนเลย” เนี่ยหลิงหลงเอ่ยปากถาม
ได้ยินคำพูดนี้ของเนี่ยหลิงหลง เยี่ยหวันหวั่นในใจประหลาดใจเล็กน้อย ตัวเองเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย คู่หมั้นของจี้ซิวหร่าน…คุณหนูสามตระกูลเนี่ยนี่ หรือว่าจะไม่รู้?
ด้วยลางสังหรณ์ของผู้หญิง แทบจะโดยสัญชาตญาณ เยี่ยหวันหวั่นรับรู้ได้ว่าเนี่ยหลิงหลงมีเจตนาร้ายกับตัวเอง ทุกๆ หนึ่งประโยคเหมือนจะประกาศศักดาของตัวเอง เหมือนกับว่าจี้ซิวหร่านเป็นของตัวเองยังไงยังงั้น
“พี่ซิวหร่านงานยุ่งบ่อยๆ ไม่ได้ดูแลตัวเองดีๆ…แต่ฉันว่าพี่ซิวหร่านช่วงนี้กลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก จะต้องเป็นเพราะพี่ไป๋เฟิงดูแลพี่ซิวหร่านมากแน่เลย ฉันขอขอบคุณพี่ไป๋เฟิงแทนพี่ซิวหร่านที่นี่ก่อนแล้ว” เนี่ยหลิงหลงมองเยี่ยหวันหวั่นพลางยกมุมปากน้อยๆ
เวลานี้ในใจเยี่ยหวันหวั่นปะทุความโกรธสายหนึ่งแล้ว
ถึงเธอไม่ใช่ไป๋เฟิงตัวจริง ยิ่งไม่ใช่คู่หมั้นของจี้ซิวหร่าน แต่ไม่ว่ายังไงตัวเธอตอนนี้ก็ยืมตัวตนของไป๋เฟิง ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยไป๋เฟิง ว่ากันในบางมุม เธอก็รู้สึกติดหนี้บุญอีกฝ่าย
ตัวเองใช้ตัวตนของไป๋เฟิง จะให้ผู้หญิงคนนี้มาแย่งผู้ชายของไป๋เฟิงได้ยังไง
อีกทั้งด้วยนิสัยของไป๋เฟิง ถ้าเจอสถานการณ์อย่างนี้ละก็จะต้องไม่ปล่อยให้คนรังแกถึงจะถูก
เยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจเนี่ยหลิงหลงแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเธอหันมองจี้ซิวหร่านแล้วเอ่ย “ซิวหร่าน เธอเป็นใคร สนิทสนมกับคุณมากเหรอ?”
ไม่รอให้จี้ซิวหร่านเอ่ยปาก เนี่ยหลิงหลงพลันหน้าเปลี่ยนสี สีหน้าทะมึนราวกับจะควบแน่นหยดออกมาเป็นน้ำได้
ทุกประโยคของเธอล้วนเป็นการประกาศอำนาจความเป็นเจ้าของของตัวเองอย่างลับๆ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเอ่ยปากยั่วยุโดยตรง…
“เพื่อนน่ะ”
จี้ซิวหร่านมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ยปาก
“เพื่อน?” ได้ยินแบบนั้นเยี่ยหวันหวั่นเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “โอ้…เพื่อนนี่เอง…ในเมื่อเป็นเพื่อน งั้นน่าจะแนะนำให้ฉันรู้จักเร็วกว่านี้หน่อย”
เวลานี้สาวใช้สองคนที่ด้านข้างเนี่ยหลิงหลงกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง ดวงตาเต็มไปด้วยแววกรุ่นโกรธ…
“ตกลง” จี้ซิวหร่านพยักหน้าเอ่ย
ขณะที่กำลังพูดคุย คนรับใช้ตระกูลจี้ก็เข้ามาในโถงใหญ่ ยกโต๊ะอาหารขึ้นมา
“กินข้าวกันเถอะ” จี้ซิวหร่านเอ่ย
“อืม…” เนี่ยหลิงหลงนั่งลงข้างจี้ซิวหร่านอย่างว่าง่าย จากนั้นคีบเนื้อหนึ่งชิ้นใส่ชามของจี้ซิวหร่าน
เยี่ยหวันหวั่นใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มแย้ม ไม่รอให้จี้ซิวหร่านขยับตะเกียบ เธอก็กลับคีบเนื้อชิ้นนั้นในชามจี้ซิวหร่านออกมา
เห็นดังนั้นเนี่ยหลิงหลงจ้องมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างไร้อารมณ์
“ซิวหร่าน ช่วงนี้คุณยุ่งมากขนาดนั้น กินเนื้อน้อยๆ หน่อย…มา กินผักหน่อยนะ” เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็คีบต้นหอมวางลงในชามของจี้ซิวหร่าน