บทที่ 1457 ทางไหนก็เป็นทางตายทั้งนั้น
ชิวสุ่ยได้ยิงดังนั้นก็ยิ้มโล่งอกทันที นี่ไม่ง่ายหรอกเหรอ เธอเรียกจักรพรรดิจี้มาก็ได้แล้ว
แต่ความสัมพันธ์ของจักรพรรดิจี้กับเสี่ยวเฟิงต้องเป็นความลับ เธอจึงไม่ได้บอกชีซิงกับเป่ยโต่วโดยตรงแค่เอ่ยปากว่า “ฉันจะไปหาคนเอง!”
เป่ยโต่วยังไม่ทันพูดเรื่องต่อจากนั้น ชิวสุ่ยก็เดินฉิวไปไกลแล้ว
“เอ่อ…ชิวสุ่ยไปหาใครละนี่…เธอรู้หรือเปล่าว่าพี่เฟิงชอบผู้นำอาชูร่า…”
เป่ยโต่วจนถึงตอนนี้น่องขาสั่นไปหมดแล้ว เขางึมงำไปด้วยแย้งในใจไปด้วย “ผู้นำอาชูร่าเป็นไปไม่ได้หรอก ชาตินี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! นอกจากชิวสุ่ยจะเชิญจักรพรรดิจี้ได้ ก็อาจยังพอมีโอกาสให้พี่เฟิงเปลี่ยนใจบ้าง…”
แต่จะเป็นไปได้ยังไง! เขาฝันไปชัดๆ!
สองเจ้าพ่อใหญ่นี้ ทางไหนก็เป็นทางตายทั้งนั้นไหม!
…
ขณะเดียวกันในตำหนักหนึ่งทางทิศเหนือของตระกูลหยวน
บนบัลลังก์ ดวงตาคู่เย็นเยียบถึงขั้วกระดูกของชายหนุ่มชวนให้คนหวาดกลัวสุดขีด
“ผู้นำ พันธมิตรอู๋เว่ยโจมตีตระกูลหยวนแล้ว ตอนนี้ตระกูลหยวนกำลังขอความช่วยเหลือจากพวกเราครับ” ชายชราผมขาวคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ที่นั่ง ค้อมตัวเอ่ยปาก
ส่วยที่ตระกูลหยวนส่งให้อาชูร่าทุกเดือนเป็นจำนวนไม่น้อย ย่อมต้องได้รับการคุ้มครองจากอาชูร่า ตอนนี้มีกองกำลังโจมตีตระกูลหยวนก็เท่ากับว่าตบปากของอาชูร่าอย่างแรง
ผ่านไปครู่หนึ่งชายหนุ่มที่อยู่บนบัลลังก์ก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ ดวงตาที่ลึกล้ำจนราวกับดวงดาวทอแสงเย็นเยียบยากอธิบาย
“ไม่ต้องสน”
เจียงเหยียนชายผมแดงที่อยู่ด้านข้างหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ก้าวขึ้นหน้าเป็นฝ่านเสนอตัวอาสา “ผู้นำ ผู้นำมีงานมากมายทุกวัน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่สมควรมารบกวนท่าน ได้โปรดมอบหมายเรื่องนี้ให้ผู้น้อยจัดการด้วยเถอะครับ! พันธมิตรอู๋เว่ยนี่กระทำการกำเริบเสิบสานมากขึ้นทุกที! จะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะครับ!”
ต่อให้ผู้นำอาชูร่าดูแคลนพันธมิตรอู๋เว่ยไม่อยากลงมือ แต่พันธมิตรอู๋เว่ยยั่วยุอย่างนี้หลายครั้งแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ปล่อยผ่านไปไม่ได้อีกแล้ว
เจียงเหยียนกำลังจะโน้มน้าวต่อ แต่ฉับพลันนั้นหลินเชวียก็พุ่งเข้ามาปานลมกรด แล้วขึ้นหน้าอย่างร้อนอกร้อนใจเข้าไปกระซิบข้างหูซือเยี่ยหาน “พี่เก้าๆ! ผมได้ยินข่าวร้ายมา!”
ชายหนุ่มดูเฉยเมย เห็นชัดว่าไม่สนใจข่าวซุบซิบของหลินเชวียแม้แต่น้อย
หลินเชวียร้อนใจแล้ว รีบเอ่ยเสียงเบา “หลังพันธมิตรอู๋เว่ยยึดครองสำนักงานใหญ่ตระกูลหยวน จู่ๆ เป่ยโต่วกับชีซิงก็แอบหาหนุ่มอ่อนหน้าขาวหน้าตาดีกลุ่มใหญ่พาเข้าไปในบ้านตระกูลหยวน…”
ฟังถึงตรงนี้ สีหน้าของซือเยี่ยหานจึงค่อยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเหลือบมองหลินเชวียหนึ่งที
หลินเชวียเห็นดังนั้นก็เอ่ยพูดต่อ “จากนั้นเพื่อช่วยสังเกตความเป็นไปของเด็กคนนั้นให้พี่เก้า ผมเลยตั้งใจสืบดู…พี่เก้า พี่รู้ไหมว่าผมสืบเจออะไร ตอนที่ประมือกับตระกูลหยวนเยี่ยหวันหวั่นไม่ระวังโดนกู่เข้าแล้ว!”
“ว่าไงนะ” สีหน้าเย็นชาของชายหนุ่มพลันเครียดขึง คลื่นยักษ์สั่นไหวในดวงตา
แต่ว่าเยี่ยหวันหวั่นโดนกู่เดี่ยวอะไรกับที่ลูกน้องเธอรีบร้อนสรรหาชายหนุ่มด้วย
หลินเชวียสำรวจสีหน้าของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังไปพลางเอ่ยต่ออย่างตะกุกตะกักไปพลาง “ตามข้อมูลที่เชื่อถือได้ ชื่อของกู่นั้นเรียกว่ากู่สองใจเป็นหนึ่ง คนที่โดนกู่ต้อง…ต้องมีสัมพันธ์กับผู้ชายจึงจะถอนกู่ได้…ไม่งั้น…ปากจะพุพองเลือดจะออกเจ็ดทวารจนถึงแก่ความตาย…”
วินาทีที่สิ้นเสียงของหลินเชวีย คลื่นในแววตาของซือเยี่ยหานก็เหมือนกับทะลวงแจกันเงินแตก จากนั้นก็สูญเสียความนิ่งสงบทั้งปวง
หลินเชวียไม่กล้าปกปิด พูดเรื่องสำคัญต่อ “ตอนที่ผมสืบถามข่าวยังสังเกตเห็นชิวสุ่ยของพันธมิตรอู๋เว่ย…เร่งรีบออกจากตระกูลหยวน เหมือนจะมุ่งหน้า…ไปทางทิศของคฤหาสน์จักรพรรดิจี้แล้ว…”
วินาทีถัดมาเกิดเสียงดังกร็อบ หลินเชวียมองที่วางแขนใต้ฝ่ามือของชายหนุ่มด้วยสายตาว่างเปล่า มันถูกบีบตะ…แตกแล้ว…
——————————————————————————
บทที่ 1458 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
จ้องที่วางแขนเก้าอี้ที่แตกหัก หลินเชวียตกใจกลัวจนขดตัวกลม
หลินเชวียถอยห่างเล็กน้อยอย่างระมัดระวังแล้วเอ่ยปลอบ “พะ…พี่เก้าพี่อย่าใจร้อนสิ…ผมยังพูดไม่จบทีนะ…
“พิษกู่นี่ไม่ใช่ว่าหาคนมาส่งๆ ก็ถอนพิษได้ แต่ต้องทำด้วยกันกับชายที่ตัวเองชอบเท่านั้นถึงจะถอนได้ ไม่งั้นก็เปล่าประโยชน์! เพราะงั้นพิษกู่นี่มีแค่พี่เก้าเท่านั้นที่ถอนได้!”
แต่ฟังถึงตรงนี้สีหน้าของซือเยี่ยหานกลับไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย กลับกันมันยิ่งทะมึนลงหลายส่วน
ในเวลาเดียวกันหลินเชวียไม่รู้นึกอะไรขึ้นได้ เขาพลันพึมพำอย่างตกใจกลัวหน้าถอดสี “เชี่ยละ! ไม่สิ…ถ้าเด็กคนนั้นเปลี่ยนไปชอบคนอื่นล่ะ…”
พริบตาที่สิ้นเสียง ที่วางแขนใต้ฝ่ามือของซือเยี่ยหารก็ชำรุดโดยสมบูรณ์
“เจียงเหยียน เตรียมรถ” ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นจากบัลลังก์ เสียงทุ้มต่ำขับไล่ลมหิมะ
ในตำหนัก เจียงเหยียนชะงักเล็กน้อยก่อนเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าผู้นำจะไปที่ไหนเหรอครับ”
ซือเยี่ยหานเอ่ย “ตระกูลหยวน”
เจียงเหยียนได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเปี่ยมความยินดีทันที “ครับ ผู้น้อยจะไปเตรียมรถเดี๋ยวนี้!”
ค่อยยังชั่ว! ในที่สุดผู้นำก็จะลงมือกับพันธมิตรอู๋เว่ยแล้ว!
ชายชราตระกูลหยวนที่อยู่ข้างเจียงเหยียนก็ตื่นเต้นมาก “ขอบคุณท่านผู้นำที่ลงมือเพื่อตระกูลหยวนผม ขอแค่ผู้นำปรากฏตัว พันธมิตรอู๋เว่ยนั่นจะต้องขวัญกระเจิงแน่”
ก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้หลินเชวียพูดอะไรกับผู้นำอาชูร่า ถึงกับทำให้ผู้นำอาชูร่าโมโหจนออกไปหาผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยด้วยตัวเองอย่างไม่ลังเลเช่นนี้
ไม่ว่ายังไง ครั้งนี้พันธมิตรอู๋เว่ยก็ต้องตายแน่แล้ว
หลินเชวียที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็ร้อนใจรีบตามไปแล้ว “รอผมด้วยสิ ผมไปด้วยๆ! ผมปลอมตัวได้นิดหน่อย รับรองไม่ทำความแตกแน่!”
ไม่นานรถสีดำคันหนึ่งก็แล่นไปยังตระกูลหยวนที่ถูกพันธมิตรอู๋เว่ยยึดครอง
…
ในเวลาเดียวกันที่ตระกูลหยวน
ใบหน้าของเป่ยโต่วกับชีซิงกลับคลุมด้วยเมฆดำแน่นหนา
เป่ยโต่วกลืนน้ำลาย “นะ…นี่จะทำยังไงดีล่ะ หรือต้องไปจับผู้นำอาชูร่าจริงๆ”
ชีซิงมองเป๋ยโตด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “บ้าไปแล้ว”
เป๋ยโต้วเบ้ปาก “ก็คนที่พี่เฟิงบอกชอบเป็นผู้นำอาชูร่าพวกเรายังจะทำอะไรได้…”
ชีซิงขมวดคิ้วแน่น หลังครุ่นคิดชั่วครู่ก็เอ่ยปาก “ส่งคนไปเลือกชายหนุ่มต่อ ร้านใหญ่ไม่มีก็ไปเลือกที่สาขาย่อย…เอาที่หน้าตากับบุคลิกใกล้เคียงกับผู้นำอาชูร่า”
“ขอร้องล่ะ…หน้าตาบุคลิกนั่นของผู้นำอาชูร่า…หาง่ายขนาดนั้นเชียวเรอะ” เป่ยโต่วมีสีหน้าหมดคำพูด “แต่ทำเท่าที่ทำได้แหละ! ได้แต่ต้องทำแบบนี้ก่อนแล้ว! ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
เป่ยโต่วรีบสั่งการลงไป จากนั้นก็มองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ “เวลาไม่มากแล้ว…พวกเราน่าจะต้องเตรียมสองทาง! ต้องหาหาหญ้าอ่อน! แล้วก็เชิญผู้นำอาชูร่าด้วย!”
ชีซิงใช้สายตาเหมือนมองคนโง่มองเขาแวบหนึ่ง “เชิญ นายจะเชิญยังไง เชิญมาได้แล้วจะพูดยังไงอีก”
เป่ยโต่วเอ่ย “แค่ก…พูดว่า…ผู้นำพวกเราอยากเชิญเขาไปนอนด้วยกันสักคืน?”
ชีซิงนิ่งเงียบ
“โว้ยไม่สนแล้ว! ฉันไปหาผู้นำอาชูร่าก่อนแล้วค่อยว่ากัน! ด้วยนิสัยของพี่เฟิงถ้าถูกใจใครสักคนแล้ว ใช้วัวเก้าตัวก็ฉุดไม่อยู่…แน่นอนว่าถ้ามีคนหน้าตาดีกว่าอาจยังฉุดกลับมาได้…แต่ปัญหาคือจะไปหาคนที่หน้าตาดีกว่าผู้นำอาชูร่าได้จากที่ไหน…”
ทั้งสองคิดวิธีการอย่างร้อนใจ เวลานี้จู่ๆ ก็มีลูกน้องพุ่งเข้ามาอย่างแตกตื่น “ท่านเป่ย! ท่านชี! แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”