บทที่ 1459 ฉากไม่อาจจินตนาการ
“ตะโกนมั่วอะไรหา” เป่ยโต่วด่าอย่างอารมณ์เสีย
ยังมีอะไรแย่ไปกว่าสถานการณ์ตอนนี้ของพี่เฟิงอีก!
ลูกน้องหอบแฮกชี้ไปที่ประตูทางเข้าใหญ่ก่อนรายงาน “คนของอาชูร่ามาครับ!”
“แกว่าไงนะ”
“คนของตระกูลหยวนกับอาชูร่ามาที่ประตูแล้ว แถมผู้นำอาชูร่ายังมาด้วยตัวเองด้วยครับ!” ลูกน้องเอ่ยปากอย่างตื่นตกใจ
เป่ยโต่วกับชีซิงสบตากัน ต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง
“เชี่ย…” เป่ยโต่วนึกไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าผู้นำอาชูร่าจะวิ่งมาที่นี่เวลานี้
“ท่านเป๋ย ท่านชี เรื่องร้ายแรง! รีบแจ้งผู้นำอาชูร่าเถอะครับ!” ลูกน้องเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก
เป่ยโต่วกำลังจะเอ่ยปาก ชีซิงก็ขัดเขาเสียก่อน “ไม่ได้! ห้ามให้พี่เฟิงเจอผู้นำอาชูร่า!”
เป่ยโต่วลนลานแล้ว “ทำไม?”
“สภาพตอนนี้ของพี่เฟิง ยากคาดเดาว่าเธอจะทำเรื่องอะไรออกไป!” ชีซิงเอ่ยปาก
เป่ยโต่วได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารัว “จริงด้วย…ถ้าพี่เฟิงกลายเป็นสัตว์ป่าคลั่งทำอะไรกับผู้นำอาชูร่าตรงนั้นขึ้นมา…”
ฉากนี้ไม่อาจจินตนาการอย่างแท้จริง!
“ถ่วงคนไว้ก่อน ต้อนรับดีๆ ที่ห้องรับแขกแล้วเดี๋ยวฉันไป!” ชีซิงบอกกับลูกน้อง
ลูกน้องพยักหน้ารีบรับคำสั่งแล้วจากไป
เป่ยโต่วคลุ้มคลั่งแล้ว “อ้ากกก! ผู้นำอาชูร่าถึงกับมาด้วยตัวเอง คงไม่ได้จะจัดการพันธมิตรอู๋เว่ยพวกเราจริงๆ หรอกนะ”
ชีซิงกลอกตาใส่เขา “ตอนนี้เพิ่งรู้จักกลัว ก่อนหน้านี้ทำอะไรไปล่ะ”
ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่เห็นด้วยให้ลงมือ แต่เจ้านี้ดันสนับสนุนให้พี่เฟิงมา
เป่ยโต่วงึมงำ “ฉันรู้ที่ไหนว่าจะเป็นแบบนี้…ตอนนี้รีบคิดวิธีว่าจะทำยังไงดีกว่า…”
ชีซิงเอ่ย “ไปหยั่งเชิงสถานการณ์ก่อน! จำไว้ว่าห้ามให้พี่เฟิงรู้ว่าผู้นำอาชูร่ามาแล้วเด็ดขาด!”
…
หลังจากทั้งสองคนปรึกษากันหนึ่งรอบก็รีบไปที่โถงใหญ่ด้านหน้าทันที
เห็นแค่ว่าผู้นำอาชูร่ามาด้วยตัวเองจริงๆ ด้านข้างตามมาด้วยชายชราหลายคน เจียนเหยียนและรวมไปถึงชายที่ท่าทางเหมือนบอดี้การ์ด
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผู้นำอาชูร่ามาเยือน เสียมารยาทที่ไม่ได้มาต้อนรับแล้ว!”
ทันทีที่เห็นสองคนนั้นผู้อาวุโสตระกูลหยวนก็มองด้วยความโกรธทันที “เหลวไหล! ถึงกับทำท่าทางเป็นเจ้าบ้าน! ที่นี่เป็นตระกูลหยวนของพวกฉัน! พันธมิตรอู๋เว่ยแกมาหาเรื่องฆ่าผู้นำตระกูลฉัน รังแกเหลือทนกันชัดๆ!”
แววตาชีซิงแฝงความเย็นชา “คำพูดนี้ของผู้อาวุโสหลี่ผิดพลาดแล้ว ทั้งที่ตระกูลหยวนคุณรังแกสาขาพันธมิตรอู๋เว่ยฉันก่อน พันธมิตรอู๋เว่ยฉันแค่ป้องกันตัวเอง และการตายของผู้นำตระกูลหยวนก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา เขาอยากวางกู่ใส่พวกเรา แต่ไม่ระวังทำตัวเองตาย!”
ได้ยินคำว่าวางกู่สองคำนี้ ซือเยี่ยหานที่ไม่ได้เอ่ยปากมาตลอด ในดวงตาพลันวาบประกายเย็นเยียบ
“แกพูดมั่วซั่วชัดๆ!” ผู้อาวุโสหยวนก่นด่าด้วยความโกรธ
สีหน้าชีซิงไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย “ศพของผู้นำตระกูลหยวนอยู่ที่คฤหาสน์ด้านหลัง พวกคุณไปตรวจสอบดูได้”
“เจ้านั่นทำตัวเองแต่แรกแล้ว!” เป่ยโต่วเอ่ยอย่างโมโหกระฟัดกระเฟียด ไม่เพียงแค่นี้ยังทำพี่เฟิงอนาถขนาดนั้นด้วย!
เวลานี้เจียงเหยียนที่อยู่ข้างกายซือเยี่ยหานเอ่ยเสียงโกรธอย่างเย็นชา “พวกแกนับเป็นตัวอะไร ยังกล้ายืนพูดคุยต่อหน้าท่านผู้นำอาชูร่าที่นี่ ผู้นำพวกแกล่ะ! ยังไม่ให้เธอออกมาอีก!”
ชีซิงเอ่ยปาก “ขอโทษด้วย ตอนนี้ผู้นำร่างกายไม่ดี มีธุระอะไรคุยกับฉันได้เลย”
ผู้อาวุโสตระกูลหยวนที่อยู่ด้านข้างยิ้มเยาะ “เฮอะ ร่างกายไม่ดี ฉันว่ากลัวมากกว่า หลบอยู่ไม่กล้าออกมาละสิ!”
เจียงเหยียนกระซิบข้างหูซือเยี่ยหาน “ผู้นำ พันธมิตรอู๋เว่ยฆ่าผู้นำตระกูลหยวนเป็นความจริง เรื่องนี้ต้องหาคนมาอธิบายนะครับ”
ซือเยี่ยหานนั่งเงียบอยู่ตรงนั้น สีหน้าเย็นเยียบน่ากลัว
ผู้นำอาชูร่ามาเยือนแต่เยี่ยหวันหวั่นที่เป็นผู้นำพันธมิตรกลับไม่ปรากฏตัว
สภาพของหวันหวั่นเกรงว่าน่าจะรับมือยากกว่าที่หลินเชวียบรรยายไว้…
——————————————————————————
บทที่ 1460 ในสายตามีแต่ท่านผู้นำอาชูร่าต่างหาก
เวลานี้เป่ยโต่วกับชีซิงมีสีหน้าไม่ค่อยดีแล้ว ตระกูลหยวนกับอาชูร่ามาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน ผู้นำอาชูร่าก็ทำท่าจะเปิดฉากฆ่า ดูท่าแบบนี้ ครั้งนี้เกรงว่าคงจะไม่ปล่อยไปเฉยๆ แล้ว
เวลาอย่างนี้พี่เฟิงยังมาเกิดเรื่องอีก ทางฝั่งสำนักงานของพันธมิตรอู๋เว่ย ผู้อาวุโสพวกนั้นก็เป็นเสือจ้องเหยือ ถ้าอาชูร่าแทรกแซงจริงๆ ครั้งนี้เกรงว่าคงร้ายมากกว่าดี…
ยิ่งผ่านไปบรรยากาศในโถงยิ่งตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะเกิดเรื่องได้ทุกเมื่อ
เวลานี้นี้เอง จู่ๆ พลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากที่หลังห้อง
“อธิบาย? ไม่ทราบว่าท่านผู้นำอาชูร่าอยากได้คำอธิบายอะไร” ตามเสียงกระจ่างใสเกียจคร้านนั้น ไม่รู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นมาถึงที่โถงใหญตั้งแต่เมื่อไร เธอปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
ทันทีที่เป่ยโต่วเห็นเยี่ยหวันหวั่นปรากฏตัว ก็ตกใจกลัวจนหน้าถอดสีทันที “พี่เฟิง! พี่มาได้ยังไง!”
เยี่ยหวันหวั่นหรี่สองตาน้อยๆ “ทำไม ฉันมาไม่ได้เหรอ”
“เอ่อ…เปล่า…” เป่ยโต่วไม่กล้าพูดแล้ว รีบร้อนดึงเก้าอี้มาให้เธอ
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งปรากฏตัว สายตาของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก็กวาดมองไปทางเธอทันใด
“เรื่องนี้ผู้นำไป๋ช่วยให้เหตุผลฉันหน่อย” ซือเยี่ยหานพูดพลางพิจารณาตัวของหญิงสาวอย่างไร้สุ้มเสียงไปพลาง
ความจริงเยี่ยหวันหวั่นมาที่นี่ด้วยแรงใจล้วนๆ เพียงแต่คนอื่นมองความผิดปกติไม่ออกภายใต้การปกปิด แต่เม็ดเหงื่อละเอียดบนหน้าผากของหญิงสาวกับสีหน้าที่ซีดเล็กน้อยก็ยังคงดูออกได้ว่าสภาพเวลานี้ของเธอต่างไปจากปกติ
เยี่ยหวันหวั่นราวกับไม่มีความคันชาและเจ็บปวดอยู่บนตัวไม่ปาน เธอหัวเราะด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแล้วเอ่ยปาก “อยากสู้…ยังต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”
ก่อนหน้านี้เธอเตรียมใจสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ไว้นานแล้ว
ต่อให้คนของอาชูร่ามาเยือนจริงๆ แต่ตระกูลหยวนก็ไร้เหตุผลกับเรื่องนี้อย่างแท้จริง ถึงยังไงอูฐผอมตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า พันธมิตรอู๋เว่ยพวกเธอไม่ใช่กองกำลังที่ใครจะมาหาเรื่องได้ง่ายๆ
ด้วยความสุขุมของผู้นำอาชูร่าก็ไม่น่าแตกหักกับพันธมิตรอู๋เว่ยเพื่อตระกูลหยวนเล็กๆ นี้ ไหนหนักเบาเขาน่าจะรู้ดี
จากเรื่องคราวก่อนก็ดูออกได้ว่า ผู้นำอาชูร่าคนนี้จัดการเรื่องราวอย่างช่ำชองและโหดเหี้ยม เรียกได้ว่าไม่ปล่อยให้น้ำสักหยดเล็ดลอด
ดังนั้นเธอจึงไม่กังวลเรื่องนี้
แต่ครั้งนี้ที่ผู้นำอาชูร่าถึงกับมาด้วยตัวเองกลับอยู่เหนือความคาดหมายของเธอ
แค่บังเอิญเหรอ
ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดเช่นนี้ ทุกคนมีสีหน้าพูดไม่ออก
ผู้อาวุโสตระกูลหยวนโกรธจนควันออกหู “ท่านผู้นำ ดูสิครับ! เธอเจตนายั่วยุชัดๆ! ไม่มองท่านผู้นำในสายตา!”
หญิงสาวไม่ได้นั่งเก้าอี้ที่เป่ยโต่วลากมา แต่ตรงเข้าไปหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายซือเยี่ยหาน มือหนึ่งเท้าศีรษะอย่างไม่ใส่ใจ ขณะเดียวกันสายตาก็ตกลงบนตัวของชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าเขาอย่างไม่ละสายตา
ทั้งสองห่างกันแค่ระยะโต๊ะเล็กคั่น ลมหายใจกระชั้นชิด…
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสตระกูลหยวนก็เลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่มองผู้นำอาชูร่าอยู่ในสายตา จะเป็นไปได้ไง ในสายตาฉันมีแต่ท่านผู้นำอาชูร่าต่างหาก…”
ไม่ว่ายังไง ผู้นำอาชูร่านี้ก็มาได้ถูกจังหวะจริงๆ…
ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามได้ยินคำพูดนี้ เขามองดวงตาที่สะท้อนเงาของตัวเอง ชุ่มฉ่ำน้ำและพร่างพรายคู่นั้นของหญิงสาว แสงในส่วนลึกของดวงตาทอประกายยากหยั่งถึง เหมือนจะหลบเลี่ยงแวบหนึ่ง
บอดี้การ์ดน้อยที่อยู่ข้างกายผู้นำอาชูร่าซึ่งคือหลินเชวียปลอมตัวมาอดกระแอมไอไม่ได้ เมื่อสัมผัสถึงสายตาตักเตือนของซือเยี่ยหานเขาจึงค่อยรีบตั้งสติ
สังเกตเห็นความใกล้ชิดของหญิงสาว ซือเยี่ยหานเอามือข้างหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะลง ก่อนวางมันบนที่วางแขนเก้าอี้อย่างเงียบเชียบ