บทที่ 1473 ดันเป็นเหล้าจริง
ไม่จำเป็นต้องสงสัย คนในภาพเป็นผู้นำพันธมิตรตอนนี้ของพวกเขาจริงๆ…
“ไปตรวจสอบภาพว่าจริงหรือเปล่า!”
ชายวัยกลางคนหนึ่งในนั้นให้ลูกน้องไปคัดลอกภาพออกมา
ผ่านไปสักพักลูกน้องก็กลับมาอย่างรวดเร็วและขมวดคิ้วเอ่ย “ภาพนี้ไม่มีปัญหาครับ…เป็นของจริง…”
เมื่อสิ้นเสียงคนทั่วทั้งโถงประชุมก็พลันฮือฮา
ผู้อาวุโสของฝ่ายใหญ่ต่างๆ มีสีหน้าน่าเกลียด ไม่คาดคิดว่าสุดท้ายหลักฐานจะถูกผู้อาวุโสสามหลี่ซือหาออกมาได้…
ส่วนเบื้องบนฝ่ายที่สนับสนุนเยี่ยหวันหวั่นก็มีสีหน้าอึมครึมราวกับจะควบแน่นออกมาเป็นน้ำได้ ผู้หญิงคนนั้น…ไม่น่าเชื่อว่าเป็นตัวปลอมจริงๆ!
“ดูสิ ฉันพูดจริงนะ! เยี่ยหวันหวั่นคนนั้นเป็นความอัปยศของโรงเรียนชิงเหอพวกเราแท้ๆ เลย…” เหลียงลี่หวามีสีหน้าเปี่ยมความรังเกียจ
“ผู้หญิงคนนั้น…ถึงกับกล้าปลอมตัวเป็นผู้นำพันธมิตร!” ชายชราผมเงินที่ค้ำไม้เท้าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คนล่ะ! กลับมาหรือยัง!”
“ยังไม่กลับมา…” สมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยคนหนึ่งตอบ
“รอเธอกลับมาอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นก่อน ปิดผนึกทั้งพันธมิตรอู๋เว่ยซะ!” ชายชราผมเงินแค่นเสียงหึก่อนจะกระแทกประตูออกไป
…
ประมาณช่วงเย็น พวกชีซิงก็ขับรถจากตระกูลหยวนกลับมาที่พันธมิตรอู๋เว่ย
กลุ่มสามคนเดินเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของพันธมิตรอู๋เว่ย
หลังเข้ามาในพันธมิตรอู๋เว่ย เยี่ยหวันหวั่นก็มีสีหน้างุนงงเล็กน้อย สีหน้าของสมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยบางส่วนเหมือนมีตรงไหนไม่ถูก…
แต่เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้คิดมากมาย
เยี่ยหวันหวั่นเดินเข้าไปในห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
“พี่เฟิงๆ เรื่องกู่พิศวาสนี่พี่เตรียมจะจัดการยังไงกันแน่ ทำไมไม่เคลื่อนไหวสักนิดเลยล่ะ นี่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพี่เชียวนะ!” เป่ยโต่วร้อนใจจนเดินวนไปมา
สองวันนี้พี่เฟิงเหมือนคนสบายดี ไม่กังวลแม้แต่น้อย เป็นฮ่องเต้ไม่กังวลขันทีกังวลตายของแท้
ชีซิงยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ผมแอบส่งคนไปสืบหาวิธีถอนพิษกู่พิศวาสแล้ว แต่ข้อมูลที่ได้มาล้วนเป็นว่ากู่พิศวาสไร้ทางถอน”
เยี่ยหวันหวั่นนวดหว่างคิ้ว “พอแล้ว เรื่องถอนกู่ฉันมีวิธีของฉันอยู่ พวกนายออกไปก่อนเถอะ ฉันจะพักสักหน่อย”
สองวันนี้แทบจะผลาญจิตใจทั้งหมดของเธอแล้ว
นอกจากจัดการเรื่องการปรับปรุงที่ตามมาของตระกูลหยวนแล้ว เยี่ยหวันหวั่นยังแอบติดต่อหลิวอิ่ง ให้เขาแยกตัวไปสืบหาร่องรอยของซือเยี่ยหานที่ตระกูลซือโบราณกับตระกูลซือ
ในเมื่อคนคนนั้นยืนกรานหนักแน่นว่าไม่ใช่ซือเยี่ยหาน งั้นเธอก็ต้องค่อยๆ เปิดโปงคำโกหกเขาทีละอย่าง
แต่ตระกูลซือโบราณเกรงว่าเธอยังต้องยืมงานประลองวิทยายุทธที่ใกล้จะถึงนี้จึงจะมีโอกาสโอกาสได้ติดต่อกับอีกฝ่าย
ชีซิงได้ยินดังนั้นก็หยักหน้าก่อนดึงเป่ยโต่วที่ยังจ้อไม่หยุดเดินออกห้องทำงานไป
หลังชีซิงกับเป๋ยโตวออกไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็นั่งบนเก้าอี้หลังโตีะทำงานและหลับตาฝึกสมาธิ
เดินทางยากลำบากยาวนาน กระหายน้ำเล็กน้อย เยี่ยหวันหวั่นคิดเรื่องราวต่างๆ พลางถือโอกาสหยิบเครื่องดื่มขวดหนึ่งบนโต๊ะทำงานขึ้นมาอย่างใจลอยแล้วดื่มลงไป
“แค่ก…”
เยี่ยหวันหวั่นที่ดื่มอึกเดียวแทบจะครึ่งขวดเกือบพ่นน้ำออกมา
แม่งเครื่องดื่มที่ไหนกัน นี่มันเหล้าดีกรีแรงชัดๆ!
เยี่ยหวันหวั่นรีบหยิบขวดขึ้นมาพินิจอย่างละเอียด จากนั้นก็ค้นพบว่านี่คือเหล้าที่อี้สุ่ยหานให้เธอมาเมื่อตอนนั้นไม่ใช่เหรอ
เธอนึกมาตลอดว่าจะเหมือนกับครั้งก่อน เป็นเครื่องดื่มทั่วไปที่อี้สุ่ยหานทำเอง
ใครจะรู้ว่าครั้งนี้กลับเป็นเหล้าจริงๆ…
“ปู่แกสิ…เจ้า…สวะหมา…”
เยี่ยหวันหวั่นดื่มอึกๆ ลงคอไปนานแล้ว คายออกมาไม่ทัน นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเหล้าอะไรออกฤทธิ์รวดเร็วมาก เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกแค่ว่าโลกหมุนคว้างในทันที
—————————————————————————————–
บทที่ 1474 แกนึกว่าแกเป็นใคร
ด้วยระดับแอลกอฮอลล์ที่รับได้ของเยี่ยหวันหวั่น หากเป็นเหล้าที่ดีกรีไม่สูงดื่มนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าดื่มรวดเดียวครึ่งขวดต้องเมาอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นเหล้าดีกรีสูง…
ร่างกายเยี่ยหวันหวั่นโงนเงนเล็กน้อย เธอนั่งบนเก้าอี้ทำงานมองเพดานที่หมุนไปมาไม่หยุด
หลังมารัฐอิสระเธอก็ระมัดระวังมากมาตลอด กลัวว่าจะเดินพลาดท่า ยิ่งไม่กล้าดื่มเหล้ามากไปทำให้ตัวเองอยู่ในอาการสติพร่ามัวในสถานการณ์อย่างนี้
ไม่งั้นถ้าหากอยู่ในสภาพเมาแล้วพูดอะไรผิด ทำอะไรผิดไป นั่นเท่ากับพาหายนะมาสู่ตัวเอง
ยังดีที่ตัวแบดเจอร์ก็ไม่ค่อยดื่มเหล้า สถานการณ์ที่เธอต้องดื่มเหล้าจึงไม่มากนัก
ใครจะรู้ว่าครั้งนี้กลับโดนเจ้าสวะหมาเล่นจนได้
เป่ยโต่วกับชีซิงกำลังพูดคุยกันที่นอกห้องทำงาน แต่แล้วเวลานี้ จู่ๆ เบื้องบนและบุคคลระดับกลางของพันธมิตรอู๋เว่ยกว่าร้อยคนก็เข้าโอบล้อมที่นี้ไว้
เวลานี้ชีซิงมองกลุ่มคนที่พรั่งพรูมาที่นี่ หัวคิ้วขมวดน้อยๆ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น…” เป่ยโต่วมีสีหน้าโง่งม เห็นคนมาเยือนบรรยากาศดุดันเขาก็ขึ้นหน้าทันทีแล้วเอ่ยปาก “เฮ้ๆๆ พวกนายทำอะไรเนี่ย วิ่งมาที่นี่ตั้งเยอะแยะ อย่ารบกวนพี่เฟิงพักผ่อนนะ!”
“พักผ่อน?”
ชายวัยกลางคนหนึ่งในนั้นมองเป่ยโต่วหัวจรดเท้าหนึ่งรอบก่อยจะแค่นหัวเราะเยาะ “ไม่ต้องรีบพักผ่อนหรอก อีกไม่กี่วันพี่เฟิงแกก็จะได้พักผ่อนตลอดกาลแล้ว”
ได้ยินดังนั้นเป่ยโต่วตกตะลึงเล็กน้อย สีหน้าเปี่ยมความยากอธิบาย ไม่เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของชายวันกลางคนผู้นี้สักนิดเดียว อะไรคือผ่านวันนี้ไปก็ได้พักตลอดกาลแล้ว!
“ทุกท่านมาหาพี่เฟิงสินะ” ชีซิงมองทุกคนและเอ่ยปาก
“หลบไปซะ ไม่เกี่ยวกับพวกแก” ชายวัยกลางคนหัวเราะเย้ยหยัน
เวลานี้ชีซิงตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องราวแล้ว เขาย่อมรับรู้เรื่องภายในบางส่วนของพันธมิตรอู๋เว่ย ตอนนี้คนของฝ่ายใหญ่ต่างๆ มาหาผู้นำพันธมิตรอย่างดุดันคุกคามเช่นนี้…เป็นไปได้ไหมว่าสามารถพิสูจน์ว่าผู้นำเป็นตัวปลอมได้แล้ว…
“แกบอกให้ฉันหลบฉันก็ต้องหลบ? ในพันธมิตรอู๋เว่ยบิดาฟังแค่พี่เฟิงกับเวินจื่อหรานเท่านั้นโว้ย แกคิดว่าแกเป็นใครวะ!?” เป่ยโต่วจ้องชายวัยกลางคนที่เอ่ยปากพร้อมหัวเราะเยาะ
ได้ยินดังนั้นคิ้วของชายวัยกลางคนพลันขมวดขึ้น ดวงตาวาบแววโทสะไร้การปกปิด
แต่ยังไม่รอให้ชายวัยกลางคนส่งเสียงก็กลับถูกผู้อาวุโสสามหลี่ซือที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากขัดเสียก่อน
“ชีซิง เป่ยโต่ว…ฉันย่อมรู้ว่าพวกเธอสองคนภักดีต่อผู้นำ แต่…ภักดีส่วนภักดี อย่าหลับหูหลับตาภักดีมากเกินไปนัก…ถึงยังงั้น ตอนนี้พวกเธอเกรงว่าแม้แต่หลับหูหลับตาภักดียังนับไม่ได้เลยมั้ง” ผู้อาวุโสสามหลี่ซือจ้องชีซิงกับเป่ยโต่วพลางอ้าปากยิ้มเอ่ย
“ผู้อาวุโสสามคิดจะพูดอะไรกันแน่ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม มีอะไรก็พูดตามตรง” ชีซิงเอ่ยปาก
ผู้อาวุโสสามหลี่ซือหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยกับทั้งสองคน “พวกเธอรู้ไหมว่าผู้นำพันธมิตรที่พวกเธอปกป้องอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ไป๋เฟิงตัวจริง เธอเป็นตัวปลอม”
“แกว่าอะไรนะ!” เป่ยโต่วหน้าเปลี่ยนสีทันที “แกอาศัยอะไรมาพูดว่าพี่เฟิงเป็นตัวปลอม”
“ถูก…” ชีซิงพยักหน้า “ผู้อาวุโสสาม ถึงคุณมีศักดิ์เป็นผู้อาวุโสพันธมิตรอู๋เว่ย แต่ถ้าไม่มีหลักฐานที่เป็นความจริงก็มาพูดว่าผู้นำเป็นคนอื่นสวมรอย โทษนี้ไม่นับว่าเล็กเลยนะ”
“หลักฐาน?” ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างยิ้มเยาะเอ่ย “ในเมื่อพวกเรามาแล้วก็ย่อมต้องมีหลักฐาน”
“มีหลักฐาน…หลักฐานแม่แกสิ เอาหลักฐานออกให้บิดาดูสิวะ” เป่ยโต่วตะคอกเอ่ย