เรื่องในอดีตกลับมาหวานใหม่อีกรอบ
เสี่ยวเชี่ยนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ
เธอรักษาต้าอี เพราะคิดว่าจะรับต้าอีมาเป็นศิษย์ได้ แต่ปรากฏว่าตอนนี้ต้าอีกลายมาเป็นว่าที่พี่สะใภ้รองเสียแล้ว รักษาสืออวี้ ตามไปเที่ยวในหุบเขามาด้วยกันสองวัน อีกทั้งยังต้องชดใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ให้…ก็ได้ เรื่องเครื่องปั่นน้ำผลไม้เธอทำตัวเอง จากนั้นเธอรักษาจิงจิงก็ไม่เอาเงิน ไหนจะเจิ้งซวี่เธอก็ไม่เอาเงิน รักษาทังสุ่ยเซียนก็ไม่เอาเงิน อีกทั้งยังหาพ่อบุญธรรมให้ตัวเอง…ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันทังต้าเย่ส่งข่าวมาว่าการผ่าตัดสำเร็จดี ต้องการรับเสี่ยวเชี่ยนเป็นลูกบุญธรรมให้ได้
นี่ถ้าเคสพวกนี้อยู่ในชาติที่แล้วล่ะก็คงได้บ้านมาแล้วสองหลัง ตอนนี้ไม่มีสักหลัง เจ็บใจนัก
“ผมเป็นของคุณแล้วคุณยังต้องการเงินเยอะแยะไปทำไมกัน? หืม?”เข้าก้มหน้าไปถูกับจมูกเล็กๆของเธอ ทั้งสองคนเอาหน้าผากชนกัน
“เงินมีเยอะเท่าไรก็ไม่พอ เอานายไปขายจะได้เท่าไรกัน?”
คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนไม่เพียงแต่จะไม่ได้ทำให้อวี๋หมิงหลางโกรธ เขากลับหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ผมหาเงินไม่ได้เยอะ แต่เมียผมหาเงินเก่งก็พอแล้ว คุณเอาหุ้นไปขายทิ้งเถอะแล้วซื้อการ์ตูนแสลมดั๊งให้ผมดีไหม?”
ความรู้สึกที่อ้อนขอเงินค่าขนมจากแฟนอวี๋หมิงหลางอยากลองทำสักครั้งมานานแล้ว
“นายมีการ์ตูนตั้งเท่าไรแล้วทำไมยังจะซื้ออีก?” อันที่จริงเสี่ยวเชี่ยนก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าผู้หญิงที่เป็นฝ่ายคุมผู้ชายรู้สึกแบบไหน ทั้งสองคนกำลังอินในบทบาท
สำหรับเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางพวกเขามีประสบการณ์รักไม่เยอะ เสี่ยวเชี่ยนเป็นโรคหวาดกลัว อวี๋หมิงหลางเป็นโรคเสพติดความสะอาดทางด้านจิตใจ ทั้งสองคนไม่ค่อยรู้ว่าคู่รักอื่นเวลาอยู่ด้วยกันควรทำอะไร อย่างไรเสียเคยเห็นคู่รักอื่นก็คุยเล่นกับแฟนแบบนี้ ก็เลยอยากจะลองดูสักครั้ง
“ก่อนหน้านั้นที่ซื้อมาไม่ดี ไปซื้อของก๊อบปี้มา คุณภาพแย่เลยอยากซื้อใหม่”
“ตัวล้างผลาญ” เสี่ยวเชี่ยนกวาดตามองเขา จากนั้นทั้งสองคนก็ทนไม่ไหว
ท่าทางแบบนี้ไม่เหมาะกับทั้งสองคนเลยสักนิด เสี่ยวเชี่ยนพูดจบอวี๋หมิงหลางก็หัวเราะ เสียวเหม่ยแสดงได้แย่มาก ไม่จ่ายค่าตัวให้สักบาทแน่
“ช่างเถอะ ฉันเป็นตัวของตัวเองดีกว่า เลียนแบบคนอื่นไม่เห็นสนุกเลย … ชอบอะไรก็บอกฉันมาตรงๆ เดี๋ยวฉันสั่งซื้อทั้งเซตพร้อมลายเซ็นมาให้นายจากต่างประเทศแล้วกัน บอกสไตล์ที่ชอบอ่านมาเดี๋ยวฉันซื้อเซตอื่นให้ด้วย จะซื้อก็ซื้อพร้อมกันไปเลย จะได้ไม่ยุ่งยาก”
เรื่องประหยัดมัธยัสถ์ไม่ใช่นิสัยของเสี่ยวเชี่ยน ใช้ชีวิตให้เต็มที่อยากซื้อก็ซื้อถึงจะเป็นเธอ คนที่ทำงานกับเธอต่างเชื่อมั่นกันว่าอยู่กับประธานเชี่ยนอยู่ดีกินดีแน่นอน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมางกกับผู้ชายของตัวเอง
“ฮี่ๆ เมียผมดีที่สุด” อวี๋หมิงหลางพอใจแล้ว ก้มหน้าลงไปหอมแก้มเธอ
ศาสตราจารย์หลิวกับหัวหน้าใหญ่กำลังพูดคุยกัน พวกเขาสองคนเข้าไปเวลานี้ดูจะไม่เหมาะ เลยอยู่ข้างนอกดีกว่า คุยสวีทกันตามประสาไม่มีเบื่อ
ส่วนทางด้านหัวหน้าใหญ่กลับไม่ได้เห็นค่าในโอกาสพูดคุยที่อวี๋หมิงหลางสร้างให้ นับตั้งแต่เข้าห้องผู้ป่วยไปก็สิบกว่านาทีแล้ว ในสิบกว่านาทีนี้เขาเอาแต่ยืนริมหน้าต่าง หันหลังให้ศาสตราจารย์หลิวที่นอนอยู่บนเตียง พลางมองอวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยนกอดกันอยู่แถวกระถางต้นไม้ แล้วก็แอบคิดในใจ หนุ่มสาวนี่ดีจังนะ
“เหล่าหลิว ตกลงคุณอยากจะมาคุยอะไรกันแน่?” ศาสตราจารย์หลิวรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางนิ่งเงียบของหัวหน้าใหญ่ จึงทำลายความเงียบก่อน
“ยังจำตอนที่เราดูหนังด้วยกันครั้งแรกได้ไหม?” หัวหน้าใหญ่มองอวี๋หมิงหลางที่นั่งกอดเสี่ยวเชี่ยนอยู่ด้านล่างพลางพูด
ศาสตราจารย์หลิวอึ้ง ทั้งสองคนพอเจอหน้ากันก็ทะเลาะ นานแล้วที่ไม่ได้คุยปกติกับเขาแบบนี้
“ที่ดูในโรงหนังที่เพิ่งสร้างในตัวเมืองน่ะเหรอ?” เธอไม่ค่อยแน่ใจ
หัวหน้าใหญ่ส่ายหน้า “ไม่ใช่ เป็นตอนที่คุณเพิ่งเรียนจบ ผมขี่จักรยานพาคุณไปยังที่ไกลๆเพื่อดูหนังกลางแปลงต่างหาก”
ในยุคสมัยนั้นการมีจักรยานสักคันถือเป็นเรื่องที่สุดยอดมากแล้ว พอหัวหน้าใหญ่พูดขึ้นมาศาสตราจารย์หลิวก็นึกออก
“ฉันนึกออกแล้ว คุณทำจักรยานล้มจนแขนฉันถลอก”
เรื่องนี้เธอไม่มีทางลืมลง ตาแก่นี่ร้ายกาจตั้งแต่หนุ่มๆ
“ผมเพิ่งได้จักรยานมาก็ไปรับคุณเลย ยังขี่ไม่คล่องเท่าไร”
แต่การล้มครั้งนั้นเป็นบ่อเกิดแห่งความรัก เขาแบกเธอกลับไป จากนั้นเธอก็แต่งงานกับเขา
“แต่ตอนหลังคุณก็ยังขี่ไม่คล่องเหมือนเดิม”
“ทำไมจะไม่คล่อง? เพราะคุณนั่นแหละซน”
พอหัวหน้าใหญ่พูดจบทั้งสองคนก็ต่างเขิน นึกถึงเรื่องราวในอดีต
ตอนนั้นศาสตราจารย์หลิวเพิ่งถูกจัดให้สอนในมหาวิทยาลัย บางครั้งเลิกสอนดึก ถ้าเขามีเวลาก็จะปั่นจักรยานมารับเธอ
อยู่ๆศาสตราจารย์หลิวก็นึกถึงเนื้อน้อยๆตรงพุงของเขา สมัยหนุ่มๆหัวหน้าใหญ่ไม่ต่างจากอวี๋หมิงหลาง เป็นทหารร่างกายกำยำ แต่ไม่รู้ทำไมฝึกยังไงก็ไม่มีกล้ามหน้าท้อง ถึงเขาจะไม่อ้วน แต่เวลาขี่จักรยานก็สามารถจับถูกพุงน้อยๆนั่นได้
สมัยสาวๆถึงแม้ศาสตราจารย์หลิวจะไม่ได้เป็นอาจารย์ที่ร้ายกาจแบบตอนนี้ แต่เวลาอยู่กันตามลำพังก็ช่างซุกซน เธอชอบเอามือจับพุงเขา เวลาไม่มีคนเห็นก็จะแอบจับนิดหน่อย จากนั้นเขาก็จะขี่อย่างเสียหลักเลี้ยวไปเลี้ยวมา
ความทรงจำนี้ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวมามากมาย พอหวนกลับไปนึกถึงอีกก็เริ่มรู้สึกว่ามันช่างหอมหวาน พอผ่านความหวานไปก็คือความขื่นขมที่สลัดไม่ออก
ตอนนั้นออกจะดี นึกไม่ถึงจริงๆว่าต่อมาจะกลายเป็นแบบนี้
ทั้งสองคนกำลังหวนนึกถึงอดีต ภายในห้องเงียบสงบ หัวหน้าใหญ่มองลงไปด้านล่าง คู่รักคู่นั้นย้ายไปที่อื่นกันแล้ว คิดๆดูอวี๋หมิงหลางคงลากเสี่ยวเชี่ยนไปหลบหลังต้นไม้ทำเรื่องไม่ดีแน่ๆ
“คุณมาหาฉันเพื่อพูดเรื่องพวกนี้น่ะเหรอ? ไหนว่าอยากจะคุยเรื่องเลี้ยงดูเสี่ยวลี่ไง?” หลังจากศาสตราจารย์หลิวนั่งร้องไห้กับเสี่ยวเชี่ยนไปยกใหญ่ อารมณ์ก็ไม่ได้ฉุนเฉียวมากมายแล้ว แต่พออยู่ตามลำพังกับอดีตสามีก็ยังคงทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ดี
“คือแบบนี้นะ เรื่องเสี่ยวหลิวน่ะ ผมคิดๆดูแล้ว…”
หัวหน้าใหญ่เริ่มเครียด แต่อยู่ๆก็เห็นพุ่มไม้หน้าตึกขยับแบบผิดปกติ อวี๋หมิงหลางจับเสี่ยวเชี่ยนกดลงไปจูบตรงนั้นแล้ว
ไม่ได้ นี่เขาจะแย่กว่าหนุ่มสาวพวกนั้นได้ยังไง?
หัวหน้าใหญ่ถูกอวี๋หมิงหลางกระตุ้นจึงเริ่มฮึกเหิม
“เรื่องเสี่ยวหลิว ผมสูญเสียเสียวส่วงไปแล้ว ตอนนี้เสี่ยวลี่ยังจะมาอยากเป็นทหารอีก คุณไม่เข้าใจย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่ลูกโตแล้ว มีความคิดเป็นของตัวเอง พวกเราเป็นพ่อแม่ถ้าไปบีบบังคับก้าวก่ายชีวิตเขามากๆลูกก็จะต่อต้าน เด็กวัยนี้ถ้าไม่ระวังก็จะทำตัวเลวได้ง่าย”
“ดังนั้น คุณเลยจะมาสอนฉัน?” ศาสตราจารย์หลิวได้ยินดังนั้นก็ได้สติกลับมาจากความทรงจำ เธอพูดด้วยน้ำเสียงสูงเล็กน้อย
“ไม่ใช่ ผมคิดว่าจะให้เสี่ยวลี่ไปร่วมการทดสอบคัดเลือกทหารของหมิงหลางสักครั้ง ให้เขาได้ไปทดลองดู เผื่อเขาจะได้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆกันแน่ ผมจะคอยอยู่กับลูกตลอด ผมเป็นพ่อของเขา เวลาที่ควรจะอบรมสั่งสอนเขาผมกลับละเลย ตอนนี้วัวหายล้อมคอก หวังว่าจะยังไม่สาย ผมเลยมาขออนุญาตคุณ”
“คุณเป็นคนคิดเหรอ?”
ศาสตราจารย์หลิวเหมือนกับเสี่ยวเชี่ยน คนที่ใช้การสร้างสถานการณ์จริงมาช่วยในการรักษาปัญหาทางจิตบ่อยๆแบบเธอย่อมรู้ว่าวิธีนี้ดีต่อลูกเธอแค่ไหน
แต่ตาแก่นี่ชอบยึดหลักการไม่ใช่เหรอ ก่อนหน้านี้เรื่องหางานให้ลูกเขาก็ไม่พอใจมาแล้ว ครั้งนี้ยอมง่ายๆเลย?
“ไม่ใช่ นี่เป็นความคิดของหมิงหลาง เขายังให้ผม…”